วันพุธ ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568
F-16ทิ้งบอมบ์คลังอาวุธกลาง‘อุดรมีชัย’
‘เขมร’กระอัก!
ทัพภาค1ถล่ม‘กาสิโน’ยับ
ทร.ซัดหนักฐานสแกมเมอร์
‘กองทัพ’ตีรุกจนกว่าจะยอม
‘อนุทิน’ฮึ่มหยุดไม่ได้แล้ว
ไทยใช้ไม้แข็ง เดินหน้าถล่มเขมรต่อเนื่อง! ทอ.ส่ง F-16 ทิ้งระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ ทำลายคลังเก็บจรวด BM-21 ที่ จ.อุดรมีชัย ขณะที่ กกล.บูรพา เปิดปฏิบัติการใช้ปืนใหญ่รถถัง ยิงทำลายบ่อนกาสิโนในฝั่งกัมพูชา ที่ ใช้เป็นที่ตั้งยิงอาวุธวิธีโค้ง ป้อมปืนกล และสะสมอาวุธ ในพื้นที่ตรงข้ามจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านตาพระยา จ.สระแก้ว ส่วนนาวิกโยธิน ยิงปืนใหญ่ถล่มกาสิโน-ฐานสแกมเมอร์ทมอดา “เหล่าทัพ”แถลงจุดยืน ลั่น ปฏิบัติการทางทหารจนกว่ากัมพูชานะยุติการกระทำที่เป็นภัยคุกคาม เสธ.ทบ.ลั่นทหารไทยจะเอาแผ่นดินไทยคืนมาให้หมดแน่นอน ชี้เหลืออีก 4 ที่หมาย นายกฯไม่สน“ฮุน เซน”ปล่อยคลิป-ภาพโจมตีสร้างความนิยม ชี้คนยังให้กำลังใจ ให้คำมั่นกองทัพ รัฐบาลหนุนทุกรูปแบบ ย้ำหยุดยิงไม่ได้แล้ว
จากกรณี เกิดเหตุปะทะรุนแรงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 04.50 น. วันที่ 9 ธ.ค. กองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่าทหารกัมพูชาได้ เปิดฉากการปฏิบัติการทางทหารยิงจรวด BM-21 พื้นที่ซำแต ภูผี ช่องตาเฒ่า ปราสาทตาควาย และทางกัมพูชาจะถ่ายภาพทุกอย่าง เพื่อฟ้องชาวโลก รับบทเป็นเหยื่อทั้งที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนทุกครั้ง ไทยจำเป็นต้องตอบโต้ตามกฎการปะทะ เพื่อทำให้ภัยคุกคามสิ้นสภาพการรบ และรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ชายแดน
สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ยังคงมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องและใช้อาวุธปะทะได้อย่างมีสัดส่วน โดยการใช้อาวุธของฝั่งไทยนั้น เป็นการมุ่งเน้นทำลายเป้าหมายทางทหารของฝั่งกัมพูชาที่ตั้งฐานทหารยิงอาวุธเข้ามาฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 2 ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มกำลัง
ส่งF-16บินถล่มคลังอาวุธ จ.อุดรมีชัย
กองทัพภาคที่ 2 เผยแพร่ภาพเครื่องบินรบ F-16 ของกองทัพอากาศไทย เปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ทิ้งระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ แบบ GBU-12 Paveway II ต่อเป้าหมายคลังเก็บจรวด BM-21 และอาวุธหนักของกองทัพกัมพูชา จนเกิดการระเบิดดังต่อเนื่องอย่างรุนแรง กลางกรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย
เพจ กองทัพภาคที่ 2 เผยแพร่ข้อความว่า ผู้หญิงและเด็กต้องถูกปกป้อง ไม่ใช่ถูกใช้ในสงคราม โดย “กัมพูชา” นำผู้หญิง และเด็กเข้าไปเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการทางทหารเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและขัดต่อหลักสากลสำคัญ ได้แก่ หลักความระมัดระวังในการปฏิบัติ (Precaution) และหลักการคุ้มครองพลเรือน (Civilian Protection) ซึ่งทุกฝ่ายจำเป็นต้องเคารพอย่างเคร่งครัด
กกล.บูรพาใช้รถถังยิงถล่มบ่อนกาสิโน
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ได้รับรายงานจากกองกำลังบูรพา (กกล.บูรพา) โดยหน่วยเฉพาะกิจที่ 11 ปฏิบัติการใช้ปืนใหญ่รถถัง ยิงทำลายบ่อนกาสิโนในฝั่งกัมพูชา ซึ่งอยู่ติดแนวชายแดน ใช้เป็นที่ตั้งยิงอาวุธวิธีโค้ง ป้อมปืนกล และสะสมอาวุธ เพื่อใช้โจมใส่ฝ่ายไทย ในพื้นที่ตรงข้ามจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว
เพจ Army Military Force เผยแพร่คลิปพร้อมข้อความว่า นาวิกโยธิน หรือ นย. จัดแล้ว! ยิงปืนใหญ่ถล่มกาสิโน-ฐานสแกมเมอร์ในพื้นที่ทมอดา ที่สร้างรุกล้ำดินแดนไทย
นย.ตราดลุยทวงคืนบ้าน3หลัง
มีรายงานว่า เมื่อเวลา 05.30 น. น.อ.ธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (ผบ.ฉก.นย.ตราด) ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เปิดปฏิบัติการทวงคืนพื้นที่บริเวณบ้าน 3 หลังในพื้นที่บ้านหนองรี ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ถูกฝ่ายกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยไทยมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี หลังตรวจพบว่ากัมพูชาเสริมกำลังและอาวุธพร้อมเปิดฉากยิงใส่ฝ่ายไทยก่อน ทำให้มีเสียงปืนใหญ่ดังสนั่นหวั่นไหวต่อเนื่องเป็นระยะจนถึงเวลา 07.00 น. ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็น ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ ต.ชำราก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชายและชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ที่ยังปักหลักเฝ้าพื้นที่ ต้องรีบหนีลงหลุมหลบภัยเพื่อป้องกันอันตรายจากกระสุนตก
เก็บกู้ทุ่นระเบิดPMN-2ที่หนองหญ้าแก้ว
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ยังคงมีปะทะกันอยู่ ด้วยปืนเล็กและอาวุธยิงสนับสนุนของแต่ละฝ่ายต่อเนื่อง โดยพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 จ.สระแก้ว สามารถควบคุมพื้นที่ได้สมบูรณ์ คือ บ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งล่าสุด เมื่อเวลา 07.45น.วันที่ 9 ธ.ค. ชุดปฏิบัติการพื้นที่หนองหญ้าแก้ว (ร้อย.ช.ช.พัน.2) ได้เข้าดำเนินการพิสูจน์ทราบพื้นที่อย่างละเอียด พบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 2 ทุ่น อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ซึ่งถือเป็นยุทโธปกรณ์ที่มีอานุภาพร้ายแรงและออกแบบมาเพื่อสร้างการสูญเสียแก่กำลังพลที่สัญจรผ่านพื้นที่ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ได้เร่งดำเนินการเก็บกู้และทำลายอันตรายดังกล่าวทันที
สดุดีทหารกล้าพลีชีพอีกนาย
จากสถานการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ 7 ธ.ค.2568 ถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ จ.ส.อ.ศตวรรษ สุจริต สังกัด กองร้อยทหารม้าลาดตระเวนที่6 เสียชีวิต ที่ฐานป้องไพร ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 8ธ.ค.ที่ผ่านมา รายที่2 พลทหารวายุ ขวัญเสือ พัน.ร.27 ร้อย.ร.3( ร.31 พัน.3 รอ.)ตำเเหน่งพล.ปลก.หมู่ ปล.มว.ปล. ร้อย.อวบ.พัน.ร.27 พัน.ร.27 โดนสะเก็ดระเบิดแขนขวา และขาขวา รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพนมดงรัก ก่อนทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่วนรายที่3 ส.อ.ชวกร เดชขุนทด สังกัด ม.4 พัน.11 รอ. ถูกโดรนทิ้งระเบิดของฝั่งกัมพูชา เสียชีวิตในฐานปฏิบัติการทางทหาร อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ
“เหล่าทัพ”ร่วมแถลงจุดยืน
ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พลเรือตรี สุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม, พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ, พลอากาศโท จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ, พันเอก ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก และ พลตำรวจตรี ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าวการดำเนินการของเหล่าทัพต่อสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา
พลเรือตรี สุรสันต์ กล่าวว่า สถานการณ์การปะทะที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เกิดจากการเปิดฉากยิงโจมตีทหารไทย ในพื้นที่ภูผาเหล็ก - พลาญหินแปดก้อน จ.ศรีสะเกษ เมื่อ 7 ธ.ค.รวมทั้งการปะทะที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา เมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.68) เป็นสาเหตุหลักที่ไทยไม่สามารถอดทนอดกลั้นกับการกระทำของกัมพูชาได้อีกต่อไป เนื่องจากการกระทำแบบเดิม ๆ ของฝ่ายกัมพูชา โดยเป็นการรุกรานไทยและปฏิเสธการกระทำดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการยั่วยุในรูปแบบต่างๆ เช่น ลอบวางทุ่นระเบิด แต่สร้างภาพเรียกร้องสันติภาพ
ลั่นไทยหมดความอดทนอดกลั้น
ขณะที่ฝ่ายไทยมุ่งมั่นปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน และจำเป็นต้องดำเนินการทางทหารอย่างถึงที่สุด เช่นเดียวกับประชาชนชาวไทย หมดความอดทนอดกลั้นต่อการดำเนินการของกัมพูชาที่ไม่ได้คำนึงถึงศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของประเทศไทย รวมถึงการที่คนไทยต้องเผชิญกับภัยคุกคามต่อความปลอดภัยครั้งแล้วครั้งเล่า รัฐบาลไทยจึงต้องให้ความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตย และประชาชนทั้งชีวิตและทรัพย์สิน จนกว่าอธิปไตยและบูรณภาพดินแดนของไทยจะไม่ถูกคุกคาม
พลเรือตรี สุรสันต์ กล่าวถึงท่าทีของไทย และการปฏิบัติการทหารของไทยจะดำเนิน ไปจนกว่ากัมพูชาจะเปลี่ยนแปลงจุดยืน เช่น การกลับมาเลือกเดินบนทางเดินสู่สันติภาพที่แท้จริง และประเด็นสุดท้ายก็คือ กัมพูชานั้นเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงต่างๆ รวมถึงข้อตกลงหยุดยิง และถ้อยแถลงร่วม หรือ joint declaration ที่ได้มีการลงนามที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ที่ผ่านมา
ทบ.แจงปฏิบัติการอย่างเป็นระบบ
ขณะที่ พันเอก ริชฌา ชี้แจงสถานการณ์การปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่รับผิดชอบ ภายหลังเหตุปะทะเมื่อวันที่ 7 - 8 ธ.ค. การปะทะได้ขยายวงครอบคลุมพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และสระแก้ว โดยฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธทุกประเภทโจมตี เช่น อาวุธกล ปืนใหญ่ จรวดหลายลำกล้อง โดรนทิ้งระเบิด รวมทั้งการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล เข้าดำเนินการต่อฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สถานการณ์ที่ทวีความตึงเครียด กองทัพบกได้ปฏิบัติการทางทหารตามแผนเผชิญเหตุอย่างเป็นระบบ เพื่อการป้องกันตนเอง ควบคู่กับการผลักดันพื้นที่ที่ถูกรุกล้ำอธิปไตย และทำลายศักยภาพการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาไม่ให้สามารถเป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทย
ทภ.2ทำลายตึกกาสิโนฐานทหารเขมร
พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ปฏิบัติการดังนี้ 1.ทำลายตึกกาสิโนร้างเครือข่ายสแกมเมอร์ ซึ่งถูกใช้เป็นฐานที่ตั้งทางทหารและจุดปล่อยโดรน ในพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี 2.ทำลายเสาสัญญาณระบบ Anti-Drone ในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ 3.กวาดล้างพื้นที่ ที่รุกล้ำแนวปฏิบัติการ บริเวณช่องระยี ทิศตะวันออกของช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ 4.เข้าผลักดันทหารกัมพูชาในพื้นที่ปราสาทคนา อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ โดยปัจจุบันยังไม่สามารถควบคุมพื้นที่ได้เบ็ดเสร็จ เนื่องจากมีสนามทุ่นระเบิดอยู่บริเวณโดยรอบ
5.ทำลายกระเช้าลำเลียงเสบียงบริเวณเนิน 350 พื้นที่ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์
ทภ.1ผลักดันข้าศึก-ควบคุมพื้นที่
พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ปฏิบัติการดังนี้ 1.ผลักดันและควบคุมพื้นที่ตามแนวเส้นปฏิบัติการ ใน 3 ที่หมาย ได้แก่ บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง และบ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว สามารถทำลายที่มั่นดัดแปลงของฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่ปฏิบัติการได้บางส่วน และเมื่อวานนี้เวลา 17.00 น.สามารถยึดและควบคุมพื้นที่ตามแนวเส้นปฏิบัติการบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้วได้เรียบร้อยแล้ว ส่วนพื้นที่อื่นยังคงอยู่ระหว่างการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง
กองทัพบก ขอยืนยันว่า ทุกการปฏิบัติการที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ ปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความปลอดภัยของประชาชนไทยในพื้นที่ชายแดน ตามกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ หลักมนุษยธรรม และมติของสภาความมั่นคงแห่งชาติอย่างเคร่งครัด โดยกองทัพบกไม่ได้เป็นฝ่ายริเริ่มความรุนแรง แต่มีหน้าที่ต้อง ตอบสนองต่อการล่วงละเมิดอธิปไตย อย่างจำเป็นและเหมาะสม
ทร.เร่งเผด็จศึกสมรภูมิตราด
ด้าน พลเรือตรี ปารัช กล่าวว่า ภารกิจของกองทัพเรือในช่วงเช้าของได้เปิดปฏิบัติการทางทหารในการขับไล่ผู้รุกรานในพื้นที่บ้านหนองรี ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด หรือ บ้าน 3 หลัง หลังตรวจพบทหารกัมพูชากลับเข้ามายึดครองพื้นที่ใหม่อีกครั้ง และมีการเสริมกำลังปรับปรุงฐานที่มั่น และปรับปรุงบ้านเรือนที่ยังคงค้างอยู่ในพื้นที่ 3 - 4 หลัง โดยทำเป็นที่พักอาศัยและเป็นพื้นที่เก็บยุทโธปกรณ์ นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงพัฒนาเป็นฐานยิง มีการขุดคูเลตเพื่อวางกำลังเพิ่มเติม ประกอบกับมีการเสริมกำลังด้วยพลซุ่มยิงและรบพิเศษ มีการลาดตระเวนในพื้นที่บ่อยครั้ง ซึ่งนอกจากจะมีการวางกำลังทหารแล้ว ก็ยังมีการยั่วยุโดยใช้อากาศยานไร้คนขับมาตรวจการในพื้นที่ของไทย ซึ่งจุดที่มีการยั่วยุโดยอากาศยานไร้คนขับนั้น กระทำในจุดที่เป็นฐานที่มั่นของกองกำลังนาวิกโยธิน
ล่าสุดเมื่อเช้ามืดวันนี้ ทางกำลังทหารเรือได้ใช้กำลังทหารในการผลักดันทหารของกัมพูชาให้ถอยร่นออกจากพื้นที่ไป โดยใช้อาวุธขับไล่ และจนถึงขณะนี้ก็ยังคงติดพันการรบอยู่ ปฏิบัติการทหารยังไม่เสร็จสิ้น คาดว่าจะจบภายในเร็ววันนี้
ทอ.จะโจมตีจนเขมรหยุดคุกคามไทย
ส่วน พลอากาศโท จักรกฤษณ์ ชี้แจงรายละเอียดการปฏิบัติการทางทหารร่วมกับกองกำลังสุรนารี ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดน โดยมุ่งเป้าในการโจมตีเป้าหมายทางทหาร การดำเนินการของกองทัพอากาศตอบโต้การปฏิบัติการของกัมพูชาในการโจมตีฝ่ายเราก่อน เป็นความพยายามที่จะหยุดยั้งการกระทำที่เป็นภัยคุกคามต่อเอกราชอธิปไตย รวมถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน การกำหนดเป้าหมายที่กองทัพอากาศโจมตีนั้น เป็นการวางแผนคิดร่วมกันระหว่างกองทัพอากาศและกองทัพบก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองกำลังสุรนารีในการกำหนดเป้าหมายที่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติภารกิจ และส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ทั้งในเรื่องชีวิตและทรัพย์สิน ตรงนี้เป็นจุดสำคัญที่กองทัพอากาศใช้เป็นการกำหนดเป้าหมาย
“การโจมตีเป้าหมาย จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกว่าฝ่ายกัมพูชาจะยุติความพยายามในการกระทำที่เป็นภัยคุกคามต่อกำลังของเรา รวมถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ต่อจากนี้ไปกองทัพอากาศจะให้การสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจ ทั้งในส่วนของกองกำลังสุรนารี กองกำลังบูรพา และกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี - ตราด” พลอากาศโท จักรกฤษณ์ กล่าวและว่า การปฏิบัติการร่วมของทั้ง 3 เหล่าทัพ ขอให้ความเชื่อมั่นกับพี่น้องประชาชนว่า กองทัพอากาศจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้ภารกิจครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ตร.ร่วมดูแลประชาชนเต็มที่
พลตำรวจตรี ศิริวัฒน์ ระบุว่า ขณะนี้ตำรวจภูธรภาค 2 และภาค 3 รวมไปถึงตำรวจตระเวนชายแดน ดำเนินการรักษาความสงบ ด้วยการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และตรวจสอบเส้นทางอพยพ สนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ การอพยพจะต้องคำนึงถึงความมีมนุษยธรรม จะต้องจัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ ดูแลตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง อำนวยความสะดวก เรื่องเส้นทางจราจร ปิดกั้นเส้นทางอันตราย เพื่อนำประชาชนไปยังจุดหมายที่ปลอดภัยอย่างรวดเร็ว ส่วนการรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สิน ในระหว่างที่ประชาชนต้องทิ้งบ้าน ไปยังจุดที่ปลอดภัย ตำรวจได้ทำการ เข้าไปตรวจสอบอยู่ตลอด เพื่อไม่ให้โจรเข้ามาลักขโมย ซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมประชาชน
เสธ.ทบ.ลั่นเอาแผ่นดินไทยคืนมาให้หมด
ที่ รพ.ค่ายสรรพสิทธิ์ จังหวัดอุบลราชธานี พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.) เดินทางมอบเงินช่วยเหลือ พร้อมให้กำลังใจ นายทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา พร้อมขอให้หายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ววัน และได้กล่าวว่า ในปัจจุบันเพื่อนทหารกำลังปฏิบัติการในการไล่ยึดพื้นที่ต่างๆ และไม่ต้องห่วง เพราะเราจะเอาแผ่นดินไทยคืนมาให้หมดแน่นอน โดยตอนนี้กัมพูชา มีการใช้โดรนในพื้นที่มากขึ้น สิ่งที่น้องได้ทำมาคือการทำเพื่อชาติบ้านเมือง อย่างแท้จริง ยืนยันว่าจะยึดคืนให้หมดตอนนี้เหลือ 4 ที่หมาย เพื่อนๆที่อยู่ที่นั่นจะจัดการเอาคืนให้
“เพื่อไม่ให้มีปัญหาในอนาคตต่อไป ครั้งนี้เราจำเป็นต้องลิดรอนขีดความสามารถของเขาไปให้ไกล รวมทั้งขีดความสามารถในเชิงลึกด้วย เพื่อให้เขาหมดสภาพในแนวคิดที่เขาเข้ามาในดินแดนของเรา ด้วยวิธีการต่างๆที่เขาเคยใช้ และให้ไม่สามารถดำเนินการได้ต่อไปในอนาคต” พลเอกชัยพฤกษ์ กล่าว
นายกฯเชื่อมั่นทั่วโลกเชื่อถือไทย
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) กรณีได้รับรายงานกัมพูชาใช้โดรนพลีชีพโจมตีเจ้าหน้าที่หรือไม่ว่า กองทัพรับทราบ และมีแผนเผชิญเหตุอยู่แล้ว พวกเราต้องให้กำลังใจกันเยอะๆ อย่าเพิ่งวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ
ผู้สื่อข่าวถามถึงการรับมือการบิดเบือนข้อมูลของกัมพูชาว่าจะชี้แจงต่อนานาประเทศอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ได้เชิญเอกอัครราชทูตทั่วโลกมารับฟังคำอธิบาย รวมถึงได้ชี้แจงต่อเวทีสหประชาชาติ ซึ่งท่านมีความชัดเจนอยู่แล้ว พร้อมย้ำว่าประเทศไทยมีความน่าเชื่อถือทางด้านการทูต การดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เราไม่มีปรุงแต่ง ทุกอย่างเป็นข้อมูลที่เกิดจากความจริง ไม่เช่นนั้นเราจะไปพูดกับโลกไม่ได้
ย้ำตอนนี้หยุดยิงไม่ได้แล้ว
เมื่อถามว่ากัมพูชายังไม่ติดต่อมาเจรจาใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่มีครับ” ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่ติดต่อมาหรือเราไม่เจรจา นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยดำเนินการในสิ่งที่ควรจะทำ ได้แสดงความเป็นประเทศไทยให้กับผู้ที่คิดไม่ดีกับเราได้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว ดังนั้น ตอนนี้ให้กำลังใจผู้ที่ปกป้องประเทศ และอธิปไตยของเราดีกว่า
เมื่อถามว่ามีคำสั่งให้ทหารหยุดหรือไม่ นายกฯ ยืนยันว่า ไม่มี ตอนนี้หยุดไม่ได้แล้ว รัฐบาลให้คำมั่นสัญญากับกองทัพแล้วว่าให้ดำเนินการตามแผนการที่คิดไว้อย่างเต็มที่ รัฐบาลให้การสนับสนุนทุกรูปแบบ
เมื่อถามย้ำว่าจะดำเนินการจนกว่ากองทัพกัมพูชาจะสิ้นสภาพใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “กองทัพเขา ไม่ใช่กองทัพเรา กองทัพเราไม่มีวันสิ้นสภาพ”
ไม่สน“ฮุน เซน”ปล่อยคลิป-ภาพโจมตี
เมื่อถามว่าสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกมาเปิดเผยภาพถ่าย นายกฯ และผู้ว่าราชการจังหวัดไพลิน พร้อมโจมตีว่าเป็นการสร้างกระแสทางการเมือง นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ไปกินก๋วยเตี๋ยว ก๋วยจั๊บ ข้าวต้ม ก็มีแต่คนให้กำลังใจ คงไม่ต้องไปสร้างกระแสตามที่คนต่างชาติเขาว่า ส่วนที่สมเด็จฮุน เซน ออกมาเปิดภาพแบบนี้ เป็นวิธีแบบสแกมเมอร์ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้สนใจตรงนั้น ที่นี่ประเทศไทย จะสนใจและกังวลกับเรื่องดูแลประชาชนเท่านั้น คนอื่นไม่สน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี