‘ดร.ณัฏฐ์’ชำแหละ‘วันรัฐธรรมนูญ’ หมุดหมายประชาธิปไตย-เสถียรภาพรัฐบาล

‘ดร.ณัฏฐ์’ชำแหละ‘วันรัฐธรรมนูญ’ หมุดหมายประชาธิปไตย-เสถียรภาพรัฐบาล

วันพุธ ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 15.23 น.

"ดร.ณัฏฐ์"ชำแหละ"วันรัฐธรรมนูญ" หมุดหมายประชาธิปไตย-เสถียรภาพรัฐบาล ตกอยู่ใต้กลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง เกมแก้รธน.อยู่ในมือฝ่ายอนุรักษ์นิยม

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2568 นายณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ ดร.ณัฏฐ์ นักกฎหมายมหาชน กล่าวว่า สืบเนื่องจาก นายมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาได้เปิดประชุมวิสามัญกรณีพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 (8) ในวาระ 2 ระหว่างวันที่ 10 - 11 ธันวาคม 2568 โดยวันนี้ตรงกับวันครบรอบรัฐธรรมนูญนั้น เป็นเป้าหมายสูงสุดที่ประชาชนไทยต้องการรัฐธรรมนูญที่เป็นกติกาสูงสุดของประเทศที่ใช้ร่วมกันอย่างมี ประสิทธิภาพสูงสุดและยอมรับกันได้ทุกฝ่าย ​โดยเป้าหมายสิทธิขั้นพื้นฐานคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของพี่น้องประชาชน โดยตั้งข้อรังเกียจรัฐรรมนูญฉบับไม่เป็นประชาธิปไตยอันเกิดจากคณะรัฐประหารที่ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศนอกวิถีทางรัฐธรรมนูญ


นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ ตรงกับเจตจำนงเป้าหมายเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบใหม่ของคณะราษฎรที่ว่า “อำนาจสูงสุดของประเทศนั้นเป็นของราษฎรทั้งหลาย” ในมาตรา 1 พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 เจตจำนงในการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบใหม่เพื่อให้มี “รัฐธรรมนูญ” และ “ระบบรัฐสภา” หรือ Parlimentary System พูดภาษาชาวบ้าน คือ การให้ประชาชนปกครองกันเอง ให้มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ผู้ปกครองต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ใช้อำนาจตามอำเภอใจไม่ได้อีกต่อไป โดยโครงสร้างการเมืองการปกครองของประเทศใช้ระบบการแบ่งแยกอำนาจ มิให้อำนาจอยู่ภายใต้บุคคลคนเดียว โดยให้พระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า เหตุที่เป็นเช่นนี้ รัฐธรรมนูญเป็นกลไกกำหนดสิทธิขั้นพื้นฐานให้เสมอภาคและเท่าเทียมกัน รวมถึงการออกแบบสถาบันทางการเมืองของไทย โดยประชาชนเจ้าของอำนาจ ใช้อำนาจประชาธิปไตยทางตรง เรียกว่า การออกเสียงประชามติและใช้อำนาจประชาธิปไตยทางอ้อมผ่านตัวแทน เรียกว่า การเลือกตั้งระบบรัฐสภา กำหนดให้รัฐสภา (ฝ่ายนิติบัญญัติ) เป็นใหญ่เพราะมาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยหลักการแบ่งแยกอำนาจ ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการ มีอิสระและถ่วงดุล ตรวจสอบซึ่งกันและกันแต่รัฐธรรมนูญ กำหนดนิติสัมพันธ์ระหว่าง “ประชาชน” กับ “ออกเสียงประชามติ”พรบ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 มาตรา 10 ให้ประธานรัฐสภาแจ้งนายกรัฐมนตรีในการออกเสียงประชามติแก้รัฐธรรมนูญ กำหนดเวลาไม่เร็วกว่า 90 วันและไม่ช้ากว่า 120 วัน โดยมาตรา 11/1 กำหนดให้จัดออกเสียงประชามติกับวันเลือกตั้งระดับชาติหรือท้องถิ่นได้ และในมาตรา 13 “ข้อยุติในการออกเสียงประชามติให้ใช้เสียงข้างมาก” ปัญหาว่า ศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจหน้าที่รัฐสภา ระบุชัด รัฐสภาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แต่ต้องจัดให้ประชาชนออกเสียงประชามติสอบถามประชาชนเจ้าของอำนาจ ผู้สถาปนาอำนาจรัฐธรรมนูญก่อน โดยกำหนดให้จัดทำประชามติถึง 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 - 2 จัดออกเสียงประชามติรวมกันมาได้โดยตีความมัดและเสร็จเด็ดขาด ห้ามรัฐสภาจัดให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญ

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า พูดภาษาชาวบ้าน คือ ห้ามรัฐสภาจัดให้มีการเลือกตั้ง สสร.ไม่ว่าขั้นตอนหนึ่ง ขั้นตอนใดของกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หากฝ่าฝืน ตกเป็นโมฆะ รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน โดยประชาชนมีส่วนร่วมในการออกแบบรัฐธรรมนูญของไทยเคยเกิดขึ้นในอดีต อาทิ รัฐธรรมนูญปี 2517 เกิดหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และรัฐธรรมนูญ 2540 แต่ทั้งสองฉบับถูกฉีกขาดโดยคณะรัฐประหาร แต่รัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับซ่อนรูปโดย คสช.ยกระดับกระชับอำนาจ ในการตั้งรัฐบาลนาวาภายใต้การเลือกตั้งปี 2562 และปี 2566 ไม่เป็นไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก กลับตั้งรัฐบาลไม่ได้ แต่ส้มหล่นเป็นพรรคการเมืองลำดับสองที่รวบรวมเสียงข้างมากได้ โดยมีตัวแปรหลัก “สว.250 คน มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี” เป็นกับดัก มาตรา 272 วรรคหนึ่ง เมื่อพ้นอำนาจ สว.ยังเจอกับดักในเรื่อง มาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ภายหลังบริหารประเทศเหตุเพราะคำว่า มาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 219 ประกอบข้อกำหนดมาตรฐานจริยธรรมปี 2561 เป็นยาแรงโดยใช้บังคับทั้ง สส. สว.หรือคณะรัฐมนตรี รวมถึง 5 องค์กรอิสระ แม้เกมแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านวาระที่ 2 แต่ยังเจอกับดักในวาระที่ 3 โดยรัฐธรรมนูญฉบับแก้ยาก ต้องมี สว.1 ใน 3 หรือจำนวน 67 คน เป็นบทบังคับเด็ดขาด แต่เกมการเมืองระหว่างขั้วอำนาจเป็นเรื่องเฉพาะ กลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง มิใช่ผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เกมผลักดันให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นการสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองแต่ละพรรคก่อนการเลือกตั้งใหญ่ แต่เกมแก้รัฐธรรมนูญ มีเงื่อนไข ต้องผ่านวาระที่ 3 และผ่านประชามติ ส่วนเนื้อหาร่างพิมพ์เขียวรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อยู่ที่กำหนดเกมว่า คณะใด กลุ่มใด เป็นผู้ร่าง ฃโดยใช้เสียงข้างมากลากไป โดยเฉพาะกลุ่มที่มีอำนาจชิงความได้เปรียบ หากพลาดพลั้ง คุมเกมไม่ได้ ย่อมเปิดช่องให้ล้มกระดานร่างพิมพ์เขียวฉบับใหม่ ทำให้เสียงบประมาณในการจัดทำ โดยโยนความผิดให้แก่รัฐธรรมนูญ 2560 อ้างว่า แก้ยากเป้าหมายเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ยังไม่แน่ชัดว่าจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับแก้ยาก วางกับดัก หลุมพราง ไว้รอบด้านเป็นหลุมพราง​

"เนื่องในโอกาสครบรอบ 93 ปี รัฐธรรมนูญและ ระบบรัฐสภาเป็นตัววัดระดับประชาธิปไตยของไทย ทั้งในประชาธิปไตยในเนื้อหาและในรูปแบบความเสถียรภาพของรัฐบาลจะเข้มแข็งหรือไม่ เกิดจาก กลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง แย่งชิงอำนาจเป็นหลัก เห็นได้จาก ขณะนี้เกิดภาวะสู้รบปัญหาขายแดนไทย - กัมพูชา ประชาชนเรือนแสนชายแดนอพยพหนีภัย แต่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ผู้นำประเทศ สวมหมวกสองใบ หัวหน้าพรรคภูมิไจไทย (ภท.) ยังเดินหน้าเปิดตัวผู้สมัคร สส.เขต โดยมุ่งถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง ที่ชิงความได้เปรียบรวบรวมบ้านใหญ่ในมือเพื่อรวบรวมเสียงอันดับ 1 แต่ในแง่การเมือง อำนาจในการกำหนดให้พรรคการเมืองใดชนะเลือกตั้ง เป็นเสียงของประชาชนตัวชี้ขาด มิใช่ เกิดจากพรรครัฐบาลใช้พลังดูดบ้านใหญ่ให้ได้เสียงมากสุดในการจัดทำรัฐธรรมนูญ แม้ สสร.จากภาคประชาชนไม่มีส่วนร่วมในการร่างพิมพ์เขียวรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ในกระบวนการจัดทำประชามติถึง 3 ครั้ง เป็นหลักประกันที่ประชาชนเจ้าของอำนาจผู้สถาปนารัฐธรรมนูญจะ เห็นชอบกับร่างพิมพ์เขียวรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ แต่การร่างและออกแบบเป็นไปตามธงของผู้มีอำนาจและอาจล้มกระดานได้ โดยไร้หลักประกัน เกมอำนาจหลักอยู่ที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยม" นายณัฐวุฒิ กล่าว

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top