‘จาตุรนต์’ค้านสูตรเลือก‘กมธ.ร่างรธน.’ เปิดช่อง‘พรรคการเมือง-สว.’จัดตั้งคนทำรธน.

‘จาตุรนต์’ค้านสูตรเลือก‘กมธ.ร่างรธน.’ เปิดช่อง‘พรรคการเมือง-สว.’จัดตั้งคนทำรธน.

วันพุธ ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 15.41 น.

"จาตุรนต์"ค้านสูตรเลือก"กมธ.ร่างรธน." เปิดช่อง"พรรคการเมือง-สว."จัดตั้งคนทำรธน. แนะปรับสัดส่วนเลือกผู้ร่างเจาะจงยึดตามความเชี่ยวชาญ ด้าน"ปธ.กมธ."แจงเพื่อไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรธน. ก่อนมติเสียงข้างมากโหวตผ่านตามการแก้ไขของกรรมาธิการเสียงข้างมาก

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ที่มี นายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ. .... วาระสอง ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว ทั้งนี้ ในร่างมาตรา 256/2 ว่าด้วยขั้นตอนของการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) ร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่ง กมธ.เสียงข้างมาก แก้ไขให้ผู้ที่ประสงค์จะสมัครต้องยื่นใบสมัครพร้อมหลักฐาน การแสดงวิสัยทัศน์ และรายชื่อผู้สนับสนุนไม่น้อยกว่า 100 คน ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และยื่นรายชื่อให้รัฐสภาดำเนินการเผยแพร่บัญชีผู้สมัคร รวมถึงหลักฐาน ให้ประชาชนตรวจสอบ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ประธานรัฐสภากำหนด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการอภิปรายของ กมธ.เสียงข้างน้อย ในฝั่งพรรคเพื่อไทย (พท.) สงวนความเห็นให้แก้ไข เนื่องจากกังวลในเงื่อนไขที่ กมธ.เสียงข้างมาก กำหนดนั้น อาจทำให้เกิดความล้มเหลวของการคัดเลือกบุคคลเข้ามาเป็นผู้ทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

โดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า ตามกลไกที่ กมธ.เสียงข้างมากเสนอ และคิดว่าจะมีผู้สมัครจำนวนมาก นับหมื่นคน แต่ในข้อเท็จจริงเชื่อว่าพรรคการเมืองจะเตรียมคนของตัวเองไว้แล้ว ดังนั้น การสมัครจะมีผู้สมัครน้อย เพราะรู้ว่าพรรคการเมือง หรือ สว.ที่รวมกลุ่มกัน จะเลือกใครและให้ใครไปสมัคร ด้วยสูตร 20 หยิบ 1 จะล้มเหลว ที่คิดว่าเลือกจากคนที่หลากหลาย แต่ด้วยสิ่งที่กำหนดจะทำให้การคัดเลือก กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญซบเซา คนทั้งประเทศไม่เกี่ยวข้อง ไม่มีคนสมัครไม่อยากไปให้เสียเวลา หากไม่ได้รับการติดต่อหรือทาบทามมาก่อน

นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า สูตร 20 หยิบ 1 มีความกังวลต่อความรู้ความสามารถของบุคคลที่มาทำร่างรัฐธรรมนูญ หรืออาจกระจุกตัวอยู่ในบางคุณสมบัติ ทำให้คนร่างไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญที่หลากหลายเพียงพอ ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงสงวนความเห็นให้ผู้ร่างรัฐธรรมนูญ แบ่งเป็น 2 ส่วน โดยให้รัฐสภาเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติ ความเชี่ยวชาญตามที่กำหนด เพื่อประโยชน์ต่อการร่างรัฐธรรมนูญ

“ที่กำหนดให้มาจากสูตร 20 หยิบ 1 เชื่อว่าคนจะมีส่วนร่วมน้อย ควรกำหนดสัดส่วนให้มีผู้เชี่ยวชาญ อย่างไรก็ดี มีองค์ประกอบที่กลัว คือ เสียงข้างมากรัฐสภากำหนดได้ไปหมด กำกับโดยเสียงข้างมากของรัฐสภาที่รวมตัวกัน กำหนดทิศทางของรัฐธรรมนูญได้ทั้งหมด” นายจาตุรนต์ กล่าว

ขณะที่ น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กทม.พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ตนไม่เห็นด้วยต่อกลไกที่ กมธ.เสียงข้างมากบัญญัติ เพราะมองว่ามีข้อจำกัดเชิงหลักการและอาจทำให้เกิดความไม่ชอบธรรม ดังนั้น จึงไม่เห็นด้วยต่อการเพิ่มสัดส่วนแต่งตั้ง เพราะต้องการให้ประชาชนเป็นเจ้าของและมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

ขณะที่ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ.ชี้แจงว่า เนื้อหาของ กมธ.นั้น ได้พิจารณาในหลักการของการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยทั้ง 4 วรรคที่บัญญัติ ทั้งการให้ผู้สมัครต้องมีผู้สนับสนุน 100 คน และต้องมีกระบวนนการตรวจสอบ และต้องแสดงวิสัยทัศน์ เผยแพร่ประวัติและเอกสารสมัครให้ประชาชนตรวจสอบ โดยเหตุผลสำคัญที่ กมธ.พิจารณาคือ เพื่อให้การแก้ไขผ่านไปโดยไม่มีการส่งตีความ ที่ทำให้ระยะเวลาถูกทอดยาวออกไปโดยไม่จำเป็น ต้องอิงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้การแก้ไขของ กมธ.นั้นจะตอบโจทย์การมีส่วนร่วมของประชาชน

ทั้งนี้ นายจาตุรนต์ ใช้สิทธิอภิปรายย้ำว่า ในการประชุม กมธ.มีการพูดว่าเสียดายที่ กมธ.บางพรรคงดออกเสียง จึงจะสงวนไว้จริงจังว่าจะเอาการเลือกตั้งโดยประชาชนกลับมา แต่วันนี้ไม่ปรากฎ หรือปรากฎน้อยมากว่าต้องการอย่างเดิมหรือ เห็นตามที่ประธาน กมธ.ชี้แจง ซึ่งเดิมประธานกมธ.ไม่ได้สรุปในทำนองดังกล่าว ว่าจะขัดกับคำนิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

“การตำหนิกัน โทษกันไปมา ใครงดออกเสียง หรือทำตรงข้าม สุดท้ายจริงแล้ว คนที่อยากได้ร่างเดิม ลึกๆ ก็ยอมไม่อยากให้ขัดกับคำวินจิฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ยืนยันแบบที่ได้สงวนความเห็นไว้” นายจาตุรนต์ กล่าว

ทำให้ นายณัฐวุฒิ ชี้แจงอีกครั้งว่า ที่บอกว่าตนไม่ได้พูดในประเด็นที่สรุป เพราะตนฐานะประธานในที่ประชุม กมธ.ไม่สามารถแสดงความเห็นแบบจำเพาะได้ แต่ไม่ใช่ไม่เคยพูด ดังนั้นการที่สรุปนั้นเป็นไปตามที่มีการบันทึกการประชุมครั้งที่ 8 และ 9 ซึ่งหลักการพื้นฐานเป็นไปตามที่นำเสนอและเป็นบทสรุปมติของ กมธ.

ขณะที่ นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน ใช้สิทธิพาดพิงโดยยืนยันตามหลักการของร่างแก้รัฐธรรรมนูญฉบับหลัก ซึ่งเป็นไปตามที่พรรคประชาชนสงววนความเห็นไไว้ และยืนยันว่าต้องการให้มีคูหาเลือกตั้ง ทั้งนี้ ในชั้น กมธ.พรรคประชาชนโหวตยันเนื้อหาไว้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นที่ประชุมได้ลงมติตัดสิน โดยเสียงข้างมาก 315 เสียง เห็นด้วยกับการแก้ไขของ กมธ.เสียงข้างมาก ต่อเสียงไม่เห็นด้วย 255 เสียง

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top