วันพุธ ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568
"วิทยา"กังขา? ทำไมต้องขวางนักการเมืองลงสมัคร"กมธ.ร่างรธน." ขู่ยื่นร้อง"ศาลรธน."ตีความ ซัดถ้ากลัวแค่นี้ไม่ต้องแก้ อยู่เฉยๆดีกว่า
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ. .... วาระสอง ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วาระสอง พิจารณาเสร็จแล้ว เข้าสู่การพิจารณามาตรา 256/3 เกี่ยวกับคุณสมบัติของคณะกรรมาธิการร่างรัฐรรมนูญ โดย น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย อภิปรายว่า คุณสมบัติที่ทางกรรมาธิการเสียงข้างมากระบุ คือมีสัญชาติไทยโดยกำเนิด อายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี การศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า จึงอยากตั้งคำถามว่าคนที่มีอายุ 25 ปี ผ่านรัฐธรรมนูญมากี่ฉบับถ้านับจากปี 68 แสดงว่าท่านเกิดปี 2543 ก็จะเจอรัฐธรรมนูญเพียงปี 2549 2550 2557 2560 ซึ่งตอนนั้นท่านรู้หรือไม่ว่ารัฐธรรมนูญคืออะไร เพราะอายุยังน้อย ดังนั้น ถ้าเราเอาคนอายุ 25 ปี มาร่างรัฐธรรมนูญ เอาประสบการณ์การใช้รัฐธรรมนูญมาจากที่ไหน ที่จะมาแก้กฎหมายสูงสุดของประเทศให้คนทั้งประเทศใช้ เพราะคุณวุฒิอและวัยวุฒิต้องมาพร้อมๆ กัน
ด้าน นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อภิปรายว่า ตนติดใจว่าทำไมต้องห้ามคนที่เป็นนักการเมืองลาออกวันนี้แล้วไปสมัครเป็น กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้ ทำไมห้ามอดีตรัฐมนตรี อดีตประธานสภาฯ อดีตผู้ว่าฯ กทม. อดีตนายกเทศมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว ทำไมต้องรอถึง 5 ปี และจะรับรองได้อย่างว่าหากตนหรือท่านประธานสภาฯ ลาออกแล้วไปสมัคร แล้วคณะกรรมการการเลือกตั้งตีความว่าเป็นอดีต สส. อดีตรัฐมนตรีลาออกยังไม่ถึง 5 ปี แล้วไปเข้าเงื่อนไข ซึ่งตนเป็นกรรมการสิทธิและเสรีภาพมา 7 ปี มีอาชีพทนายความ 45 ปี ดังนั้น ตนมีคุณสมบัติ แต่เมื่อคุณสมบัติหนึ่งของตนที่ไปขัดข้อกำหนด หากลาออกแล้วไปลงสมัคร กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ แล้วใครจะรับรอง หรือประธาน กมธ.จะทำหน้าที่เป็นตุลาการวินิจฉัยไว้ตอนนี้ก็จะบันทึกไว้ว่าหากเป็นหลายตำแหน่ง แล้วหยิบตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งมาก็ได้ ถ้าไม่วินิจฉัยให้ในวันนี้ ตนก็จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าเขียนกฎหมายขัดกันในตัว
“ผมต้องการคำตอบว่ากันนักการเมืองไปสมัคร กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ ทำไม เพราสุดท้ายคนมีมาเลือก กมธ.ก็คือรัฐสภา ซึ่งคลอดมาจากรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ เรากลัวอะไร หรือกลัวนักการเมืองไปร่างรัฐธรรมนูญเอื้อประโยชน์ตัวเอง สรุปแล้วรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่จะทำคิดเพื่อประโยชน์ตัวเองหรือ ถ้ากลัวแค่นั้น ผมว่าอย่าไปแก้เลย อยู่เฉยๆ ดีกว่า เพราะก็ไม่พ้นรัฐสภาแห่งนี้” นายวิทยา ระบุ
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ฐานะประธานกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า ตนคงไม่ใช่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่ยืนยันว่านี่คือเจตนารมณ์ ขณะที่กรรมาธิการมีการพิจารณาว่ามาตรา 256/3 คือประตูเข้าซึ่งเป็นชอยส์เบื้องต้น เรายืนยันว่ามีการอภิปรายและบันทึกการประชุมชัดเจนว่าหากเข้าเงื่อนไข คือมีสัญชาติไทยอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และเข้าเงื่อนไข (3) คือมีอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นคุณสมบัติพื้นฐาน และไม่มีประเด็นติดข้อใดข้อหนึ่ง จะไม่สามารถเดินต่อได้ หากจะมีการขัดหรือเข้าข่ายเป็นลักษณะต้องห้าม ที่ไม่ใช่ให้เป็นผู้มีคุณสมบัตินั้น จะต้องไปพิจารณาในมาตรา 256/4
จากนั้นที่ประชุมลงมติมาตรา 256/3 เห็นชอบตามกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน 530 ไม่เห็นด้วย 30 งดออกเสียง 11 ไม่ลงคะแนน 5
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี