วันพฤหัสบดี ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
ศึกรัฐสภาเดือด! ‘สภาสูงมุ้งน้ำเงิน’ระดมค้านตัดเสียง ‘สว.1ใน3’ ร่วมเห็นชอบแก้ รธน. หวั่น ‘เผด็จการรัฐสภา’ กลับมาหลอน

ศึกรัฐสภาเดือด! ‘สภาสูงมุ้งน้ำเงิน’ระดมค้านตัดเสียง ‘สว.1ใน3’ ร่วมเห็นชอบแก้ รธน. หวั่น ‘เผด็จการรัฐสภา’ กลับมาหลอน

วันพฤหัสบดี ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 18.33 น.
Tag : แก้รัฐธรรมูญ เผด็จการรัฐสภา ศึกรัฐสภา
  •  

 

‘สภาสูงมุ้งน้ำเงิน’ ระดมค้านตัดเสียง ‘สว.1ใน3’ ร่วมเห็นชอบแก้รัฐธรรมนูญ หวั่น ‘เผด็จการรัฐสภา’ กลับมาหลอน ขู่คว่ำโหวตวาระ3 ด้าน ‘นันทนา’ ซัดทำกลไกบิดเบี้ยว


วันที่ 11 ธันวาคม 2568 เมื่อเวลา 16.10 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ.. ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาแล้วเสร็จ ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง เข้าสู่มาตรา 256/28 ที่มีสาระสำคัญคือ การพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญพิจารณาเสร็จแล้ว ให้ที่ประชุมรัฐสภาใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย โดยมติเห็นชอบของรัฐสภา ต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของรัฐสภา แตกต่างจากรัฐธรรมนูญปี2560 ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาและมีสว.ร่วมให้ความเห็นชอบ 1ใน3  โดยสว.สีน้ำเงินขึ้นมาอภิปรายในทางเดียวกันคือ ให้คงเสียงสว. 1ใน3 ในการให้ความเห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อป้องกันการใช้เสียงข้างมากลากไป จนเกิดเผด็จการรัฐสภา และเป็นการยึดหลักการคำนึงถึงเสียงข้างน้อย 

นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า การมีเสียงสว.1ใน3 ร่วมเห็นชอบแก้รัฐธรรมนูญ เป็นการสร้างดุลยสภา 4ด้านคือ 1.ป้องกันเผด็จการรัฐสภา เป็นเบรกนิรภัยให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ผ่านมาเคยมีบทเรียนในอดีตพรรคการเมืองเดียวชนะแลนด์สไสลด์ หรือหากมีพรรคการเมือง 2-3พรรครวมเสียงได้มากกว่า 350เสียงของ 2สภา ทำให้แก้รัฐธรรมนูญเพื่อเอื้อประโยชน์พวกพ้องได้ง่าย สภาผู้แทนราษฎรเหมือนคันเร่งแต่วุฒิสภาเป็นเบรก  คอยยับยั้งกลั่นกรอง หากตัดเสียงสว. 1ใน3 เท่ากับขับรถยนต์ที่มีเครื่องแรงขับ แต่ไร้เบรก จะกล้าขับรถยนต์ที่มีแต่คันเร่ง แต่ไม่มีเบรกหรือไม่ 2.สส.และสว.มีที่มาต่างกัน สส.มองผลประโยชน์ระยะสั้น แต่สว.มองประโยชน์ประเทศและประชาชน  เสียงสว. 1ใน3 ไม่ใช่สิทธิพิเศษ แต่เป็นหลักประกันคุณภาพว่าการแก้กติกาประเทศผ่านหลักวิชาการ ไม่ใช่เพราะมติพรรคสั่ง 3.รัฐธรรมนูญต้องแก้ไขยากกว่ากฎหมายทั่วไป เพื่อเสถียรภาพระบอบประชาธิปไตย 4.คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ วางบรรทัดฐานตอกย้ำถึง 4ครั้งระบุในราชกิจจานุเบกษาว่า ต้องมีเสียงสว.1ใน 3 ร่วมเห็นชอบการแก้รัฐธรรมนูญ จึงมีผลผูกพันทุกองค์กร หัวใจสำคัญของการแบ่งแยกอำนาจเป็นสิ่งที่แตะต้องไม่ได้ การคงไว้เสียงสว. 1 ใน3 ไม่ใช่ขัดขวางแก้รัฐธรรมนูญ แต่คุ้มครองเสียงข้างน้อย ปกป้องไม่ให้รัฐสภาใช้อำนาจเสียงเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

น.ส.ภิญญาพัชร์ ศันสนีย์ชีวิน สว. อภิปรายว่า การตัดอำนาจสว.ในการลงมติเห็นชอบแก้รัฐธรรมนูญเป็นสิ่งยอมไม่ได้สิ่งที่กังวลไม่ใช่เรื่องอำนาจสว. แต่เป็นการกลับมาของเผด็จการเสียงข้างมากในอนาคต เท่ากับเขียนเช็กเปล่าให้ผู้มีอำนาจใช้เสียงข้างมากผลักดันเนื้อหารัฐธรรมนูญ ทำลายความเป็นอิสระองค์กรอิสระ อำนาจที่ปราศจากการตรวจสอบย่อมนำไปสู่การใช้อำนาจตามอำเภอใจ ยืนยันว่า สว.ไม่มีต้องรักษาอำนาจเพื่อตัวเอง ไม่มีอะไรต้องกลัว เพราะรัฐธรรมนูญปัจจุบัน สว.ไม่มีทางกลับมาเป็นสว.ได้ เป็นได้แค่ครั้งเดียวในชีวิต แต่หากการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่รอบคอบ จะเปิดช่องให้คนมีอำนาจเปลี่ยนกติกาเพื่อตัวเอง การตัดกลไกสว.ในการกลั่นกรองออกไป อาจทำให้วาระ3ที่เป็นวาระชี้ขาด ไม่สามารถผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาได้ ขอให้ทุกคนพิจารณาหลักการถ่วงดุลอำนาจให้รอบคอบ ก่อนถึงจุดชี้ขาดวาระ3 

น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ กล่าวว่า การมีเสียงสว. 1ใน3 เป็นอุปสรรคแก้รัฐธรรมนูญ การแก้รัฐธรรมนูญต้องเป็นไปตามอาณัติของประชาชน ไม่แก้ง่ายหรือยากเกินไป จนไม่สามารถแก้ไข ต้องฉีกทิ้งโดยคณะรัฐประหารเหมือนรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านๆมา ปัญหาสว.คือ ที่มาไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จึงขาดความชอบธรรมในฐานะตัวแทนประชาชน แต่การใช้เสียง สว.1ใน 3เป็นความบิดเบี้ยวที่ถูกร่างโดยเนติบริกร และมาจากการรัฐประหาร การมอบอำนาจให้สว. จึงไม่ใช่การถ่วงดุล แต่ขโมยอำนาจประชาชนไปให้กลุ่มก๊วนการเมือง  ไม่อาจมอบอำนาจ 1ใน3 ให้สว.ได้ การใช้เสียงรัฐสภาเกินกึ่งหนึ่งถือว่า ดีกว่าข้อเสนอสว.ที่กินรวบอำนาจ ขอชวนสว.ร่วมแสดงจุดยืนว่า ไม่ได้เป็นสว.เพื่อประโยชน์ตัวเอง แต่เพื่อรักษาผลประโยชน์ประชาชน 
 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

ห้องประชุมเดือด ‘วิโรจน์’ แซะ ‘สว.’ เหยียบเบรกถี่เกิน ดวลฝีปากกันสนั่น

แก้ตรงนี้! บิว ภูริพล เผยทีเด็ดวิ่งต่ำ 10 วินาทีคว้าทอง

‘ตม.สงขลา’รวบแก๊งวัยรุ่นสร้างตัว ดัดแปลงรถตู้ทึบขนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

จ่อเปิดตัว เชน-หนิม นั่งแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย อีกราย สาย ศก.รอคอนเฟิร์ม

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved