วันอาทิตย์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ขาที่หายไปของทหารไทย กับวาทะอุบัติเหตุของ‘ทรัมป์’ เมื่อมหามิตรไร้น้ำใจ
คำว่า “อุบัติเหตุ” อาจเป็นเพียงถ้อยคำหนึ่งในโพสต์ของผู้นำโลกแต่สำหรับทหารไทยที่เหยียบกับระเบิดในพื้นที่ชายแดน คำคำเดียวกันนั้นหมายถึง ขาที่ขาด ชีวิตที่เปลี่ยน และครอบครัวที่ต้องแบกรับผลกระทบไปตลอดชีวิต
นี่คือเหตุผลที่ถ้อยคำของ โดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ไม่อาจถูกมองว่าเป็นเพียงคำอธิบายทั่วไปในบริบทการทูต
13 ธันวาคม 2568 ทรัมป์เปิดเผยผ่าน Truth Social ซึ่งเป็นช่องทางสื่อสารหลักของตนเองว่า ได้พูดคุยกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไทยและ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

เนื้อหาโดยรวมกล่าวถึงสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาที่ถูกอธิบายว่าเป็นความขัดแย้งยืดเยื้อและกำลังถูกคลี่คลายผ่านการเจรจาระหว่างผู้นำ
แต่ในโพสต์เดียวกันนั้นมีถ้อยคำที่ทำให้สังคมไทยต้องหยุดอ่านและย้อนกลับมาทบทวน
ทรัมป์ กล่าวถึงเหตุระเบิดที่ทำให้ทหารไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายรายโดยระบุว่าเป็นเหตุที่ “เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ” หรือเป็น “อุบัติเหตุ” พร้อมยอมรับว่า ฝ่ายไทยได้ตอบโต้กลับอย่างหนักต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
คำว่า accident ในบริบทนี้ ไม่ได้เป็นเพียงคำอธิบายเชิงภาษา แต่มันลดระดับเหตุการณ์จากการคุกคามทางทหาร ให้กลายเป็นความผิดพลาดที่ไม่มีเจตนา
และเมื่อถ้อยคำนี้ออกมาจากปากผู้นำสหรัฐฯ น้ำหนักของความรับผิดชอบก็ถูกทำให้เลือนรางลงทันที
ปัญหาสำคัญคือ คำอธิบายดังกล่าว สวนทางกับข้อเท็จจริงภาคสนามของฝ่ายไทยโดยตรง
ข้อมูลจากฝ่ายทหารและหน่วยงานความมั่นคงของไทยยืนยันตรงกันว่าการสูญเสียของทหารไทยไม่ได้เกิดจากระเบิดหลงเหลือ หรือเหตุไม่ทราบที่มาแต่เกิดจาก การเหยียบทุ่นระเบิดที่ถูกฝังไว้ในพื้นที่ชายแดน

ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบร่องรอยชัดว่าเป็น ทุ่นระเบิดที่ถูกฝังใหม่ในหลายจุด ซึ่งทำให้เหตุการณ์เหล่านี้ไม่อาจอธิบายว่าเป็นอุบัติเหตุแบบโดดเดี่ยวได้
ผลที่ตามมาไม่ใช่บาดเจ็บเล็กน้อย ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงพฤศจิกายน 2568 ทหารไทย สูญเสียขาแล้วอย่างน้อย 7 นาย
ตัวเลขนี้สะท้อนความต่อเนื่องของเหตุการณ์ ทั้งในแง่พื้นที่ ช่วงเวลา และรูปแบบการสูญเสียที่เกิดซ้ำ
16 กรกฎาคม 2568 พลทหาร ธนพัฒน์ หุยวัน ขาขาด บาดเจ็บรวม 3 นาย พื้นที่เนิน 481 ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี
23 กรกฎาคม 2568 จ่าสิบเอก พิชิตชัย บุญชูหล้า ขาขาด พื้นที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี
28 กรกฎาคม 2568 ร้อยตรี เกียรติวงศ์ สถาวร ขาขาด พื้นที่ปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ เหตุเกิดในวันเดียวกับการมีข้อตกลงหยุดยิง
9 สิงหาคม 2568 จ่าสิบเอก ธานี พาหา ขาขาด บาดเจ็บรวม 3 นาย พื้นที่รอยต่อโดนเอาว์–กฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ
12 สิงหาคม 2568 สิบเอก ธีรพล เพียขันที ขาขาด พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์
27 สิงหาคม 2568 พลทหาร อดิศร ป้อมกลาง ขาขาด พื้นที่ปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์
10 พฤศจิกายน 2568 จ่าสิบเอก เทิดศักดิ์ สมาพงษ์ ข้อเท้าขาดพร้อมทหารบาดเจ็บอีก 1 นาย คือ พลทหารวชิระ พันธนา พื้นที่ห้วยตามาเรีย

เมื่อพิจารณาจากลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ คำว่า “อุบัติเหตุ” แทบไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เหตุที่เกิดซ้ำ พื้นที่ที่กระจาย และช่วงเวลาที่ยืดออกไปหลายเดือน ไม่ใช่ภาพของความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว
ผลที่ตามมาของถ้อยคำจากทำเนียบขาวจึงชัดเจน กัมพูชาหลุดออกจากภาพของผู้กระทำโดยอัตโนมัติ เหตุทุ่นระเบิดถูกทำให้กลายเป็นเรื่องที่ “ไม่มีใครตั้งใจ” ขณะที่สายตานานาชาติหันไปจับจ้องการตอบโต้ของฝ่ายไทยแทน ทั้งที่ความสูญเสียเริ่มต้นเกิดขึ้นกับทหารไทยตั้งแต่ต้น
ในเวทีระหว่างประเทศ ความได้เปรียบไม่ได้เกิดจากข้อเท็จจริงเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ว่า คำอธิบายของใครถูกยอมรับมากกว่า
ขณะที่ในความเป็นจริง ขาที่หายไปทั้ง 7 ขา ไม่ใช่ตัวเลขในรายงาน แต่คือชีวิตของทหารที่ออกปฏิบัติหน้าที่ ในพื้นที่ที่รัฐไทยยืนยันว่าเป็นอธิปไตยของตนเอง
และคือครอบครัวที่ต้องรับผลกระทบต่อไป โดยไม่มีถ้อยคำใดสามารถทดแทนความสูญเสียเหล่านั้นได้
เมื่อผู้นำประเทศมหาอำนาจเลือกเรียกสิ่งนี้ว่าอุบัติเหตุ ความไม่เป็นธรรมก็เกิดขึ้นในทันที และทิ้งคำถามไว้กับสังคมไทยว่าเหตุใดความจริงจากพื้นที่ชายแดน จึงเบากว่าคำอธิบายจากเวทีการเมืองโลก
#ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี