‘จุลพันธ์’เชื่อนโยบาย-แคนดิเดตนายกฯ-ผลงานในอดีต ดึงใจ ปชช.กลับมาหนุน‘เพื่อไทย’ได้อีกครั้ง

‘จุลพันธ์’เชื่อนโยบาย-แคนดิเดตนายกฯ-ผลงานในอดีต ดึงใจ ปชช.กลับมาหนุน‘เพื่อไทย’ได้อีกครั้ง

วันพุธ ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 16.30 น.

‘จุลพันธ์’เชื่อนโยบาย-แคนดิเดตนายกฯ-ผลงานในอดีต ดึงใจประชาชนกลับมาสนับสนุน‘เพื่อไทย’ได้อีกครั้ง บอกไม่ปิดกั้นพูดคุยพรรคใดจัดตั้งรัฐบาล ไล่ไปถามพรรคดูด สส.ใช้กระบวนการใด-ถูกต้องหรือไม่ จ่อดำเนินดิจิทัลวอลเล็ตต่อ

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมเพื่อวางแผนยุทธศาสตร์ในการเตรียมความพร้อมเลือกตั้ง ว่า เรามีการประชุมกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการหารือเกี่ยวกับเรื่องการเลือกตั้ง รวมถึงมีการประเมินกระแสหลังจากที่มีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคทั้ง 3 คนแล้วว่าเป็นอย่างไร ทั้งในโซเชียลมีเดีย ซึ่งถือว่าถือว่าได้รับความสนใจสูง


เมื่อถามว่า นโยบายใดที่จะเป็นเรือธงในการหาเสียง นายจุลพันธ์ กล่าวว่า จริงๆ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมาก็ค่อนข้างชัด พรรคเพื่อไทยยังคงยึดมั่นในเรื่องการแก้ไขปัญหาคุณภาพชีวิต และปากท้องของประชาชน เพราะขณะนี้ประชาชนยังตกอยู่ในความลำบากมานาน สิ่งที่เราพยายามทำในหลายมิติ เหมือนที่ นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย นำเสนอเป็นภาพใหญ่คือเรื่องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจเพื่อขับเคลื่อนไปข้างหน้า การนำเทคโนโลยี AI และองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เข้ามาเพื่อเป็นสตรีมบอร์ดให้เศรษฐกิจไทยสามารถก้าวกระโดด ไปอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นอีกครั้ง

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ก็ได้นำเสนอนโยบาย เช่น การลดค่าครองชีพ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย รถเมล์ 10 บาท รวมถึงบ้านเพื่อคนไทย ซึ่งถือว่าเป็นการลดความเหลื่อมล้ำและลดรายจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อที่หากค่าใช้จ่ายลดลง ความสามารถในการแข่งขันก็จะสูงขึ้น ในส่วนที่ตนนำเสนอไป เช่น หวยเกษียณ การแก้ไขปัญหาหนี้สินในหลายๆ มิติ สิ่งเหล่านี้เราทำมาแล้วและต้องการที่จะเดินต่อ ทั้งนี้ หากดูดีๆ ก็จะเห็นภาพชัดเจนว่า เราต้องการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นหลัก และเชื่อมั่นว่าหลักการประชาธิปไตย เราต้องสร้างให้ประชาชนแข็งแรง เอ็มพาวเวอร์ให้พี่น้องประชาชนเพื่อให้ประชาชนทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน สามารถยืนอยู่ในสังคมได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งการที่เราจะเติมพลังทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน เพื่อทำให้ประชาชนสามารถยืนขึ้นได้ อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี อีกครั้ง นี่คือหลักคิดของพวกเรา

เมื่อถามว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะดึงกลับมาใช้หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า นโยบายนี้ถูกนำเสนอไปเมื่อครั้งที่การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว และเราได้มีการดำเนินการให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางไปแล้ว 20 ล้านคน และยังค้างกับประชาชนอีก 20 ล้านคน เรื่องนี้เราคิดว่าต้องดำเนินการต่อ ในลักษณะที่ว่าเมื่อเราบริหารจัดการได้แล้ว เราจะดำเนินการให้กับกลุ่มที่ยังค้างอยู่

เมื่อถามย้ำว่า หากได้กลับมาเป็นรัฐบาลจะดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต อีกครั้งหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่นโยบาย แต่จะเป็นเรื่องของการดำเนินการให้ครบถ้วน

เมื่อถามว่า คาดหวังเก้าอี้ในสภาผู้แทนราษฎรเท่าไหร่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เมื่อวานนายสุริยะระบุชัดเจนว่า 200 บวกลบ เพราะเรามองว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคขนาดใหญ่ ขณะนี้เราทำงานเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งไปไกล มีนโยบายต่างๆ และเชื่อมั่นว่านโยบายจะถูกใจพี่น้องประชาชน รวมถึงตัวของแคนดิเดตนายกฯ และประวัติการทำงานของพรรคในอดีตที่ผ่านมา จะสามารถดึงใจพี่น้องประชาชนให้กลับมาสนับสนุนเราอีกครั้ง

"หากถามว่าถ้าการเลือกตั้งเกิดขึ้นวันนี้ เรามั่นใจ 200 หรือไม่ อาจจะยังนะ แต่เรามีเวลาอีก 2 เดือน ในการที่จะทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน" นายจุลพันธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ยังมั่นใจหรือไม่เพราะคนเก่าของเราถูกดึงออกไป และคนใหม่ที่เข้ามายังถือเป็นหน้าใหม่ทางการเมืองอยู่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า มีทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า มีความผสมผสานกัน แต่อย่างหนึ่งที่ต้องชี้ให้เห็นคือการเลือกตั้งทุกครั้ง จะมีสมาชิกที่สอบได้และสอบตก สอบไม่ได้มีประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ครั้งที่แล้วรู้สึกว่าจะเยอะกว่าปกติ อยู่ที่ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ครั้งนี้ตนคิดว่าจะไม่หนีกัน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคนที่ไปจะสอบได้ทุกคน หรือต้องยอมรับว่าคนที่อยู่จะสอบได้ เราไม่สามารถนำเกมเก่าๆ มาวัดพี่น้องประชาชนได้ เพราะเป็นอำนาจการตัดสินใจของประชาชน

เมื่อถามว่า หากผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว ตัวเลข สส.ของพรรคเพื่อไทย , พรรคประชาชน (ปชน.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เท่าๆ กัน จะจับมือกันหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เป็นธรรมชาติหากเสียงไม่ถึงก็ต้องมีกลไกในการเจรจาหารือเพื่อให้ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นพรรคอันดับ 1 แคนดิเดตนายกฯ พรรคเราต้องเป็นนายกรัฐมนตรี หากไม่ใช่ ก็ต้องเป็นพรรคที่ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ที่จะมีสิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่ขณะนี้การต่อสู้ทางการเมือง พวกตนเต็มที่ พวกเราเดินหน้าหาเสียงอย่างเต็มกำลัง ย้ำว่า การแข่งขันทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ เมื่อจบแล้วสุดท้ายการเมืองก็เป็นเรื่องคณิตศาสตร์ คือต้องดูว่าใครมีจำนวนเท่าไหร่ จะรวมอย่างไรเพื่อให้ได้รัฐบาลที่มีความแข็งแรง นโยบายของพรรคหลักสามารถผลักดันหรือขับเคลื่อนได้หรือไม่ มีอุดมการณ์หรือแนวความคิดตรงกันหรือไม่อย่างไร แต่ในขณะนี้ ยังไม่ได้ปิดกั้นว่าจะต้องคุยกับใครหรือไม่คุยกับใคร

เมื่อถามถึง กรณีที่ นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ อดีตนายกเทศมนตรีธัญบุรี พร้อมลูกชาย ย้ายไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย นายจุลพันธ์ กล่าวว่า แต่ละคนอาจจะมีเหตุผลและความจำเป็น ซึ่งตนไม่ได้พูดคุยกับเขา เพราะไม่ได้มีความสนิทคุ้นเคยกันส่วนตัว ฉะนั้น เราจึงไม่รู้เหตุผล แต่ในส่วนของการขยับหรือเคลื่อนไหวของคนที่เป็นนักการเมืองในช่วงเลือกตั้งถือเป็นเรื่องปกติ

"ผู้สมัครพวกผมไม่ได้ขาดแคลน ตอนนี้เต็มพื้นที่ เราส่งผู้สมัครครบ 400 เขตแน่นอน ซึ่งการเปลี่ยนสังกัดพรรค หากเป็นเรื่องของแนวความคิดหรืออุดมการณ์ก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเป็นเรื่องของการใช้อามิสสินจ้าง เป็นเรื่องเงินทองที่เรียกว่าดูด หรืองูเห่า ก็เป็นอีกเรื่อง ซึ่งต้องไปดูกับต้นสังกัดที่ย้ายไป ไปถามเขาดูว่ากระบวนการที่เขาใช้คืออะไร ถูกต้องหรือไม่ เพราะหากเริ่มต้นด้วยการดึงด้วยเงินทอง สิ่งตอบแทนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหรืออะไรก็ตาม สุดท้ายจะนำไปสู่สังคมประชาธิปไตยที่บิดเบี้ยว และจะเกิดการทุจริตคอรัปชั่น ประเทศชาติมีความเสียหายในอนาคต หากจะมาสัมภาษณ์คนที่ถูกดึงไปคงไม่ถูก ให้ไปถามฝั่งนั้นดีกว่า" นายจุลพันธ์ กล่าว

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top