อดีต สว. เตือนสติคนไทย! สงครามไทย-กัมพูชา แยกมิตร ศัตรูให้ขาด

อดีต สว. เตือนสติคนไทย! สงครามไทย-กัมพูชา แยกมิตร ศัตรูให้ขาด

วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 08.37 น.

วันที่ 19 ธันวาคม 2568 นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความระบุว่า สงครามไทย - กัมพูชา : ใครคือมิตร และศัตรูของไทย?

กฎข้อแรกของยุทธศาสตร์การทำสงครามระหว่างไทยกับกัมพูชา คือต้องจำแนกมิตรและศัตรูออกจากกันให้ชัดเจนและเด็ดขาดตั้งแต่เริ่มต้น ต้องรู้ว่าใครคือมิตรของเรา  และใครคือศัตรูของเรา หากไม่มีการกำหนดว่าใครเป็นมิตรของเราอย่างชัดเจน ไม่มีการกำหนดว่าใครเป็นศัตรูของเราอย่างชัดเจน เราก็ไม่มีวันเอาชนะสงครามได้อย่างแน่นอน ต่อให้วันนี้ถึงเราจะมีกำลังเป็นต่อเหนือกว่ากำลังของศัตรูอย่างมากมาย แต่ไม่ช้านานกำลังของเราก็จะค่อยๆ อ่อนแอลง และเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในที่สุด หากเรามีการกำหนดยุทธศาสตร์การทำสงครามได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม แม้ ในตอนเริ่มต้นเราจะมีกำลังน้อยกว่าข้าศึกมาก แต่ไม่ช้านาน เราก็จะกลับมามีกำลังเหนือกว่าข้าศึก และจะกลับมาเป็นฝ่ายที่สามารถเอาชนะข้าศึกได้ในที่สุด


หลายวันที่ผ่านมาหลังจากที่สงครามระหว่างไทยกับกัมพูชาเริ่มต้นขึ้น ผมอ่านข้อความต่างๆ ที่เผยแพร่อยู่ทั่วไปในโซเชียลมีเดียแล้ว มีความกังวลใจบางประการเกิดขึ้น ผมพบว่ามีคนไทยจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถจำแนกมิตรและศัตรูของไทยออกจากกันได้อย่างชัดเจนและเหมาะสม พวกเขาจะด้วยความสุจริตใจ หรือเพราะความไร้เดียงสาทางการเมือง หรือไปรับเอาข่าวเท็จจากฝ่ายตะวันตก หรือเป็นแผนของฝ่ายตรงกันข้าม รวมถึงอาจเป็นพวกกลุ่มรับจ้างก็ตาม ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยเริ่มหวั่นไหวจนเกิดความไม่ไว้วางใจต่อรัสเซียและจีน บางพวกถึงขนาดสรุปว่ารัสเซียและจีนเป็นฝ่ายสนับสนุนกัมพูชา คนกลุ่มนี้ไม่ว่าจะกระทำโดยสุจริตใจหรือไม่ แต่พฤติกรรมของพวกเขาในขณะนี้ไม่ต่างจากการเป็นพวกก่อกวน ก่อความวุ่นวายทางการเมือง หรือเป็นไส้ศึกให้แก่ฝ่ายศัตรู เพราะพวกเขากำลังทำหน้าที่ผลักมิตรประเทศของเราให้กลายเป็นศัตรูไปแทน

พวกเขาพยายามโฆษณาป่าวร้องว่าจีนและรัสเซียให้การสนับสนุนกัมพูชา และทั้งสองชาติมีท่าทีที่เป็นปฏิปักษ์กับประเทศไทย ผมเห็นว่าสำหรับคนกลุ่มนี้ยังมีทัศนะที่มองปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับไทยและจีนกับไทยอย่างตัดตอนประวัติศาสตร์ และแสดงความเห็นโดยปราศจากความรับผิดชอบต่อประเทศ เพราะพวกเขาไม่ได้ใช้ทัศนะทางประวัติศาสตร์ และข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ของความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับรัสเซียและระหว่างไทยกับจีนมาพิจารณาปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน

ประเทศไทยกับรัสเซียมีความสัมพันธ์อันดีในทางประวัติศาสตร์มาโดยตลอดตั้งแต่ในสมัยพระเจ้าซานิโคลัส กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 รัสเซียเป็นชาติยุโรปชาติเดียวที่ได้ช่วยเหลือไทยให้รอดพ้นจากการถูกอังกฤษและฝรั่งเศสข่มขู่ คุกคามในการล่าอาณานิคมในขณะนั้น การช่วยเหลือของรัสเซียมีส่วนให้ไทยรอดพ้นจากการตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษและฝรั่งเศส และประวัติศาสตร์ระยะใกล้ยังแสดงให้เห็นว่าประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อประเทศไทยมาก โดยการเคารพยกย่องต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 สูงมาก และจนกระทั่งถึงบัดนี้ รัสเซียยังไม่เคยแสดงให้เห็นถึงความเป็นปฏิปักษ์ใดๆ ต่อประเทศไทยเลยแม้แต่น้อย

เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน ที่รัฐบาลจีนย้ำถึงสถานะความผูกพันระหว่างสองประเทศที่มีลักษณะพิเศษต่างจากประเทศอื่นๆมาโดยตลอดว่า “ไทยจีนมิใช่อื่นใด หากแต่เราเป็นพี่น้องกัน” สิ่งที่จีนพูดกับไทยไม่ใช่เป็นเพียงคำหวานไพเราะเสนาะหู หากแต่เป็นคำกล่าวที่มาจากใจจริงเสมอมา ในวันที่ประเทศไทยยากลำบากที่สุดเมื่อกองทัพเวียดนามประกาศจะบุกเข้ากรุงเทพฯ หลังจากเอาชนะเขมรแดงได้แล้ว ไทยมีความหวังว่ามหามิตรเดียวของเราคือสหรัฐจะช่วยเหลือ ปกป้องคุ้มครองประเทศไทยบ้าง เพราะเราเคยส่งทหารไทยไปช่วยสหรัฐรบ ทั้งที่เกาหลีใต้ เวียดนามและลาวมาก่อน แต่สหรัฐกลับนิ่งเฉย ปล่อยให้เราเผชิญกับชะตากรรมโดยลำพัง และโดยไม่สนใจใยดี มีแต่จีนเท่านั้นที่เป็นมิตรแท้ของเราในยามยาก โดยจีนได้ส่งกำลังทหารนับแสนนาย เข้าโจมตีเวียดนามทางตอนเหนือ เพื่อดึงกำลังทหารเวียดนามส่วนใหญ่ออกจากกัมพูชาไปเพื่อป้องกันประเทศ ของตนเอง ทำให้ประเทศไทยสามารถรอดพ้นจากวิกฤตที่เป็นภัยคุกคามจากนอกประเทศครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งไปได้ โดยประเทศจีนต้องยอมเสียสละกำลังทหารไปเป็นจำนวนไม่ใช่น้อยเพื่อปกป้องคุ้มครองให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการ คุกคามของเวียดนาม และจีนไม่เคยกล่าวอ้างเพื่อทวงบุญคุณหรือเรียกร้องสิ่งตอบแทนใดๆ จากไทยเลย

เมื่อประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตต้มยำกุ้งในปี พ.ศ. 2540 จีนเป็นประเทศแรกที่ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ประเทศไทย แต่สหรัฐกลับไม่ให้ความช่วยเหลือเราแม้แต่ดอลลาร์เดียว และเมื่อไทยเกิดภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่หาดใหญ่เมื่อไม่กี่วันก่อน จีนให้ความช่วยเหลือแก่เรามากกว่า 60 ล้านบาท แต่สหรัฐก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือแก่เรา เช่นเคยเหมือนที่ผ่านๆ มา

เมื่อใช้จุดยืนและทัศนะทางประวัติศาสตร์มาพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับไทย จีนกับไทย และสหรัฐกับไทยแล้ว เราจึงไม่ควรเคลือบแคลงสงสัย หรือตั้งข้อสงสัยต่อรัสเซียและจีนว่ามีความจริงใจต่อไทยจริงหรือไม่ หรือมากน้อยเพียงใด ผมคิดว่าผลประโยชน์ของรัสเซียและจิีนในปัจจุบันคือสันติภาพและสันติสุขของโลก ไม่ใช่สงคราม รัสเซียและจีนไม่มีความจำเป็นต้องหาผลประโยชน์ใดๆ จากสงครามระหว่างไทยกับกัมพูชา การไม่มีสงครามระหว่างไทยกับกัมพูชาต่างหากที่เป็นที่พึงปรารถนาและเป็นผลประโยชน์โดยแท้จริงในขณะนี้ทั้งของรัสเซียและจีน

ผมมีความปรารถนาว่าคนไทยที่รักชาติจะมองเห็นสภาพความเป็นจริงในปัจจุบันจากมุมมองทางประวัติศาสตร์ และสามารถจำแนกได้ว่าใครคือมิตร และใครคือศัตรูที่แท้จริงของไทยในศึกสงครามระหว่างไทยกัมพูชาในครั้งนี้

ผมเห็นว่ามิตรประเทศของเรา ไม่จำเป็นที่จะต้องคิดหรือทำเหมือนกับไทยไปเสียทุกเรื่อง และเราไม่สมควรเรียกร้องมิตรประเทศของเราให้ต้องมีจุดยืนและทัศนะต่างๆ ทางการเมืองเหมือนกับเราไปเสียทั้งหมด

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top