วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แฉ'เขมร'เล่นไม่ซื่อ! ทบ.พบบันทึกพิกัด-ทุ่นระเบิด-หัวลูกปืนใหญ่ รอกดปุ่ม-ทำลายล้างสูง

แฉ'เขมร'เล่นไม่ซื่อ! ทบ.พบบันทึกพิกัด-ทุ่นระเบิด-หัวลูกปืนใหญ่ รอกดปุ่ม-ทำลายล้างสูง

วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 16.23 น.

ทบ.พบบันทึกพิกัด-ทุ่นระเบิดดักรถถังดัดแปลงสังหารบุคคล เช่นเดียวกับที่บ้านสามหลัง จ.ตราด ซ้ำมีหัวลูกปืนใหญ่ 105 มม.ดัดแปลงเป็นระเบิด รอกดปุ่มบึ้มทีเดียวพร้อมกัน ทำลายล้างสูง

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พันเอก ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงสถานการณ์ภาพรวมในพื้นที่ชายแดน ว่า จุดที่มีการปะทะหนักก็คือบริเวณพื้นที่ประสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เนิน 350 ซึ่งฝ่ายไทยพยายามผลักดัน ต้านทานอย่างหนัก ส่วนร่างของทหารที่พลีชีพ 2 นาย พบแล้ว อยู่ระหว่างการนำร่างออกมา ในขณะที่กองทัพอากาศ ยังปฏิบัติการทางอากาศสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง


สำหรับพื้นที่ กองทัพภาคที่ 1 กองกำลังบูรพา ก็มีความพยายามช่วงชิงพื้นที่ที่กัมพูชารุกล้ำเข้ามา ทั้งบริเวณบ้านคลองแผง บ้านหนองแก้ว และบ้านหนองจาน

ส่วน UAV ที่ขาดการติดต่อไปเมื่อคืนนี้ ช่วง 20.00 น.คาดว่าน่าจะเสียการควบคุมและตก โดยกัมพูชามีการออกข่าวแล้ว โดย UAV ตัวนี้เป็นของ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม ที่สนับสนุนกองทัพบกในการปฏิบัติทางอากาศ เป็น DP-20 อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา ปัจจุบันอยู่ในขั้นการทดลองใช้และนำมาปฏิบัติการ ซึ่งจุดที่สัญญาณขาดหาย คือทิศตะวันออกของปอยเปต ประมาณ 10 กิโลเมตร ส่วนรายละเอียดว่าถูกโจมตีหรือไม่ หรือมีเหตุขัดข้องใด ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์ทราบ

พันเอก ริชฌา กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่ที่เราควบคุมได้แล้ว คือพื้นที่ ซำแต จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตรวจพบทุ่นระเบิดดักรถถัง ดัดแปลงสังหารบุคคล ผิดต่ออนุสัญญาออตตาวา นอกจากนี้ ยังพบเอกสารจดบันทึกพิกัดที่มีการวางทุ่นระเบิดในพื้นที่ ซึ่งได้เข้าไปพิสูจน์ทราบแล้ว ขณะเดียวกัน ยังพบที่มั่นดัดแปลงแข็งแรงของทหารกัมพูชา ซึ่งเชื่อว่ามีตลอดแนว รวมถึงเนิน 350 ด้วย จึงเป็นความยากลำบากของทหารไทยในการรุกคืบเข้าไป

ด้าน นาวาเอก เกียรติยุทธ เทียนสุวรรณ รองโฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ทางกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้เข้ายึดพื้นที่บ้านหนองรี และขับไล่ฝ่ายกัมพูชาออกไปแล้ว จากนั้นได้นำหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมของกองทัพเรือเข้าไป ได้ตรวจพบหลักฐานจำนวนมากที่แสดงให้เห็นว่า การปฎิบัติการทางทหารของกัมพูชาไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ หรืออยู่บนหลักการพื้นฐานด้านมนุษยธรรม และไม่ได้อยู่บนพื้นฐานใดๆ ของอนุสัญญาที่เกี่ยวกับการงดใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล

พร้อมกันนี้ ยังพบบันทึกที่เขียนด้วยลายมือ ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2567 เกี่ยวกับวิธีการและคุณลักษณะของระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 และ POMZ-2 และยังพบยุทโธปกรณ์ สรรพาวุธ อีกมากกว่า 340 รายการ นอกจากนี้ ยังมีการใช้หัวลูกปืนใหญ่ 105 มิลลิเมตร มาดัดแปลงเป็นระเบิด ที่มีตัวจุดชนวนเชื่อมต่อกันจากลูกระเบิดหลายลูกเข้าไปที่ปุ่มที่สามารถกดเพียงครั้งเดียว แล้วลูกระเบิดทั้งหมดระเบิดพร้อมกัน ซึ่งถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง จะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง ต่อกำลังทหารและพลเรือนไทย

ขณะเดียวกัน ยังค้นพบว่า กัมพูชามีการสร้างป้อมปราการในลักษณะของอุโมงค์ที่มีการสร้างอย่างปราณีต แข็งแรง ทำลายได้ยาก ถือเป็นอุปสรรคในการปฎิบัติการทางทหารที่ยากลำบากขึ้น แต่ทำให้เราได้รู้ว่าเราจะทำอย่างไรกับเป้าหมายเหล่านี้ให้ดีกว่าเดิม และรวดเร็วกว่าเดิม โดยหวังว่าท้ายที่สุดแล้วจะบรรลุวัตถุประสงค์ทางทหาร ในการสนับสนุนวัตถุประสงค์ทางด้านกาทูตและการเมืองของเรา

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top