วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568
“ไชยชนก”เผย ดีเอสไอ สอบปม MOU กระทรวงดีอีกับบริษัทจากสิงคโปร์โยง 2 นักการเมือง ชี้เป็นหน้าที่ ดีเอสไอ สอบสวน ปมให้สแกนม่านตา กระทบประชาชน 1.2 ล้านคน ด้าน“ประเสริฐ” อ้างยังไม่มีหนังสือจากดีเอสไอ เชิญไปสอบ ยันพร้อมชี้แจงเพราะแค่เป็นพยานการทำ MOU โวย เชื่อดิสเครดิตการเมือง
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรียกสอบกรณี MOU ระหว่างกระทรวงดีอี กับบริษัทจากประเทศสิงคโปร์ มีการสาวไปถึงนักการเมืองหรือไม่ ว่า ต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอ และได้ยินว่ามีการเรียกอดีตปลัดกระทรวงดีอี ซึ่งจากคำให้การของอดีตปลัดฯ ก็จะมีการเรียก นายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีต รมว.ดีอีก็ต้องรอดูผลการวินิจฉัย ซึ่งหน้าที่ของตน คือการรวบรวมข้อมูลที่ตรวจสอบพบในกระทรวงฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้กำกับดูแล ส่งให้กับดีเอสไอ โดยมีเอกสารสำคัญหลายส่วนที่มีข้อน่าสงสัย แต่การวินิจฉัยก็เป็นหน้าที่ของดีเอสไอ
เมื่อถามย้ำว่า ข้อมูลที่ดีเอสไอ ตรวจสอบ เชื่อมโยงไปถึงนักการเมืองหรือไม่ นายไชยชนก กล่าวว่า ก็พบเอกสารที่มีลายเซ็น ซึ่งขณะนี้มีความเชื่อมโยงเพียง 1-2 คน
ด้านพล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีดีเอสไอ สอบปากคำอดีตปลัดกระทรวงดีอี พบข้อมูลเชื่อมโยงถึงระดับนโยบาย ว่ารายละเอียดคงต้องสอบถามดีเอสไอ แต่ส่วนตัวไม่ทราบ เพราะได้ให้นโยบายไป เมื่อถามว่าช่วงนี้ใกล้ช่วงที่จะมีการเลือกตั้ง เป็นการดิสเครดิตทางการเมืองหรือไม่ พล.ต.ท.รุทธพล กล่าวว่า ไม่ทราบ เรื่องรูปคดีรวมถึงสำนวน ต้องถามดีเอสไอ ตนได้ให้นโยบายว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง เพราะมีประชาชนเกี่ยวข้องมากกว่า 1.2 ล้านคน ในเรื่องการสแกนม่านตา และเราไม่ทราบว่าข้อมูลตรงนี้จะถูกเอาไปทำอะไรบ้าง
ที่พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ดีเอสไอ จะเรียกสอบกรณีลงนามทำ MOU ในขณะที่ดำรงตำแหน่ง รมว.ดีอี กับทางบริษัทไพรม์ ออพ พอร์ทูนิตี้ ฟันด์ วิซีซี จากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งปรากฏภาพนายเบน สมิธ ร่วมเฟรม ว่ายังไม่ได้รับประสานจากดีเอสไอ ให้เข้าชี้แจงและให้ข้อมูล แต่อยากจะชี้แจงว่า การทำ MOU หรือข้อตกลงต่างๆ ของกระทรวงฯ จะมีการพิจารณารายละเอียด ว่าทำได้หรือไม่อย่างไร ซึ่งหน่วยงานราชการจะตรวจสอบ มีทั้งคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานอัยการสูงสุด และกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อดูครบถ้วนแล้วจึงสามารถลงนามได้
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า จากนั้นจะแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือสำนักงานปลัดกระทรวงฯ ยืนยันว่ากระบวนการขั้นตอนต่างๆ เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ยืนยันว่ามีความบริสุทธิ์ใจ และไม่มีหมกเม็ดอะไร ไม่ทราบว่านายเบน สมิธ มาปรากฏตัวอยู่ในการลงนาม MOU ดังกล่าว ได้อย่างไร เพราะตนไปในฐานะที่เป็นพยานในการลงนาม MOU ซึ่งการลงนามเป็นฝ่ายราชการ โดยปลัดกระทรวงฯ และตัวแทนของบริษัทจากสิงคโปร์ ซึ่งแต่ละปีกระทรวงฯ ได้เซ็น MOU กับหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งต่างประเทศและในประเทศ ยืนยันว่าการลงนามนั้นมีความบริสุทธิ์ใจ และดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายเบน สมิธ และระหว่างการลงนาม MOU ก็ไม่ได้พูดคุยกันแต่อย่างใด ครั้งนั้นปลัดกระทรวงฯ เชิญตนไปในฐานะที่เป็นพยานการทำ MOU ยืนยันว่าไม่มีประเด็นอื่น เมื่อถามว่าขณะนี้เข้าสู่การเลือกตั้ง มองว่ามีการเชื่อมโยงเป็นประเด็นทางการเมืองหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า คิดว่าฝ่ายที่ไม่หวังดีมีความพยายามโยงเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งกำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง เป็นการดิสเครดิตให้เกิดความเสียหายโดยปราศจากข้อเท็จจริง เรื่องนี้ต้องระวัง เพราะตนไม่อยากให้เป็นเรื่องการเมือง ยืนยันว่าพร้อมเข้าชี้แจงต่อดีเอสไอ หากได้รับหนังสือเชิญมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี