กกต.ไฟเขียว ‘อินฟลูฯ-ยูทูบเบอร์’ สมัครชิง ส.ส.ได้ เข้ม ตั้งคณะกรรมการสอบเงินใช้หาเสียง

กกต.ไฟเขียว ‘อินฟลูฯ-ยูทูบเบอร์’ สมัครชิง ส.ส.ได้ เข้ม ตั้งคณะกรรมการสอบเงินใช้หาเสียง

วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 17.41 น.

กกต. ชี้ชัดอินฟลู-ยูทูปเบอร์  สมัคร สส.ไม่เข้าข่ายลักษณะต้องห้าม ไม่เป็นเจ้าของ-ถือหุ้นสื่อ แต่เป็นผู้ใช้สื่อ  

วันที่ 23 ธันวาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จัดประชุมชี้แจงสื่อมวลชนประเด็นการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร  ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงวิธีการหาเสียงซึ่งเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับ 40 ฐานความผิด การหาเสียงที่ไม่ผิดกฎหมายคือการขายความคิด การขายนโยบายและการขายเครดิต  โดยไม่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้องจะถือว่าเป็นการหาเสียงที่แท้จริง 


สำหรับฐานความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เช่น การทำลายเครื่องมือและกระบวนการในการจัดการเลือกตั้ง เช่น การทำให้บัตรเสียหาย  รวมถึงการทำลายเจตนารมณ์การเลือกตั้งโดยตรงและโดยลับ ทำให้การเลือกตั้งไม่มีเสรีภาพ มีการจ้างให้สิ่งของ ข่มขู่ หรือการพนันจัดการเลือกตั้ง  กกต.จะต้องมีการออกกฎระเบียบและรายละเอียดของฐานความผิดต่อไป   อย่างไรก็ตามสื่อมวลชนห้ามทำโพลโดยมีเจตนาไม่สุจริต มีลักษณะชี้นำหรือมีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนน มีความผิดตามมาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ทั้งนี้ ห้ามไม่ให้มีการเปิดเผยผลโพลในระหว่างเวลา 7 วันก่อนวันเลือกตั้งจนถึงเวลาปิดการลงคะแนน

ร.ต.อ.ชนินทร์ ยังแสดงความกังวลต่อกรณีสัญญาว่าจะให้ จัดการเงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด  โดยขอให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งระมัดระวังเรื่องการทำบุญใส่ซอง หาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพรื่นเริง รวมถึงห้ามจูงใจว่าจะจัดเลี้ยง หรือรับจะจัดเลี้ยงให้แก่ผู้ใด ส่วนที่เป็นปัญหามากคือ การปราศรัยใส่ร้ายด้วยความเท็จ สื่อมวลชนต้องระมัดระวังอย่ากลายเป็นเครื่องมือของพรรคการเมือง พร้อมทั้งเน้นย้ำลักษณะต้องห้ามทั้งกรณีติดยาเสพติดให้โทษ ล้มละลายหรือเคยล้มละลายทุจริต เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน 

ส่วนกรณีผู้ประกอบวิชาชีพ เช่น อินฟลูเอนเซอร์-ยูทูปเปอร์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์  สื่อออนไลน์ ที่มีการทำคอนเทนต์ในลักษณะเอนเตอร์เทนต์เมนต์หรือ สื่อสารสาธารณะเผยแพร่วิเคราะห์ข่าวสารทางการเมือง  โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นรายได้จากบริษัทหรือผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน ถือเป็นเพียงผู้ใช้สื่อไม่เข้าข่ายพฤติการณ์เป็นเจ้าของ หรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชน อันเป็นลักษณะต้องห้ามที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง สามารถลงสมัครได้   

ขณะที่ นายเกรียงไกร พานดอกไม้ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวในจัดประชุมชี้แจงสื่อมวลชนประเด็นการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร  โดยตอนหนึ่งกล่าวเน้นย้ำถึงการกำหนดนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองหรือนโยบายประชานิยม ว่าพรรคการเมืองต้องรับฟังความเห็นของสาขาพรรคและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด  โดยนโยบายหาเสียงที่ต้องใช้เงินจะต้องมีการรายงาน กกต. โดยนโยบายจะต้องมีรายละเอียดวงเงินที่ต้องใช้และที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ  ความคุ้มค่าและประโยชน์ รวมถึงผลกระทบและความเสี่ยง ต้องมีการกำหนดข้อมูลเหล่านี้ให้ครบถ้วน และส่งให้ กกต.ทราบได้ตั้งแต่บัดนี้ หรืออย่างช้าที่สุดก่อนการเลือกตั้ง 20 วัน หรือประมาณวันที่ 10 ม.ค.2569   ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีพรรคการเมืองใดส่งนโยบายมาให้ กกต. 

เมื่อ กกต.ได้รับนโนบายของพรรคการเมืองแล้ว ครั้งนี้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ โดยประกอบด้วยผู้แทน 8 หน่วยงานที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเงินการทางเศรษฐกิจ ได้แก่ 1.ผู้แทนของกระทรวงการคลัง 2.กระทรวงพาณิชย์ 3.สำนักงบประมาณ 4.สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5.ธนาคารแห่งประเทศไทย 6.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 7.สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และ 8. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ก่อนที่จะเสนอให้ กกต.พิจารณา หากพบว่าพรรคการเมืองใดเสนอไม่ครบถ้วนก็จะแจ้งให้แก้ไข ซึ่งในการเลือกตั้งปี 2566 มีพรรคการเมืองส่งนโยบายหาเสียงมาให้ กกต. 743 นโยบาย และ กกต.ได้สั่งให้แก้ไข 10 พรรคการเมือง โดยทุกพรรคให้ความร่วมมือ 

“ครั้งนี้เราจะเข้มกว่าทุกครั้ง เราแจ้งให้พรรคการเมืองไปแล้วว่าต้องดำเนินการอย่างไร  มีการส่งแบบฟอร์มให้กรอก เราให้ความสำคัญกับการตรวจสอบนโยบายของพรรคการเมือง จึงมีการตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมา ซึ่งในวันพรุ่งนี้(24 ธ.ค.)ทั้ง 8 หน่วยงานจะส่งรายชื่อตัวแทนมาทำหน้าที่มายัง กกต.และเมื่อ กกต.มีคำสั่งแต่งตั้งก็จะมีการประชุมทันที เพื่อจะกำหนดกรอบการทำงาน”

นายเกรียงไกร ยังกล่าวอีกว่าการตรวจสอบนโยบาย กกต.ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขกฎหมาย ซึ่งต้องแยกกับการที่พรรคการเมืองหาเสียงแล้วได้นำนโยบายนั้นไปปฏิบัติหรือไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของพรรคการเมือง เคยหาเสียงไว้แล้วว่าต้องทำนโยบายนั้นนี่ เมื่อได้เป็นรัฐบาล แต่ได้เป็นรัฐบาลแล้วได้ทำหรือไม่ เป็นเรื่องที่ประชาชนต้องไปติดตามและตัดสินว่าพรรคเคยสัญญาและได้ทำตามที่สัญญาไว้หรือไม่ ซึ่งถือเป็นสำนึกและความรับผิดชอบที่แต่ละพรรคการเมืองต้องพิจารณา บางเรื่องเขาอาจไม่ได้เป็นรัฐบาลก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่บางเรื่องเขาได้เป็นรัฐบาล ได้คุยกับพรรคร่วม แล้วนโยบายนั้นตกไป ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ประชาชนต้องดูว่าเขาผลักดันนโยบายนั้นไปสู่สัญญาที่ได้ให้ไว้หรือเปล่า หรือได้พยายามผลักดันนั้นต่อพรรคร่วมเพื่อให้เป็นนโยบายของพรรคร่วมหรือเปล่า ซึ่งเป็นข้อมูลที่ประชาชนใช้ตัดสินใจในการเลือกเป็น สส.หรือไม่ 

ส่วน นายวีระ ยี่แพร รองเลขาธิการ กกต. กล่าวในจัดประชุมชี้แจงสื่อมวลชนประเด็นการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร  โดยตอนหนึ่งกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ส่งข้อมูลเรื่องการทำประชามติมายัง กกต.แล้ว ซึ่งตามกฎหมาย หลังจากนี้ 15 วันรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีจะประกาศวันออกเสียงประชามติ คาดว่าเป็นวันที่ 2 ม.ค.2569  เมื่อประกาศแล้ว เป็นหน้าที่ กกต.จะต้องเผยแพร่ข้อมูลที่รัฐบาลส่งมา และต้องเปิดให้มีการลงทะเบียนออกเสียงประชามตินอกเขต ซึ่งจะลงทะเบียน 3 วัน  อาจเป็นช่วงวันที่ 3-5  ม.ค. 2569  ช่วงเวลาดังกล่าวจะทับซ้อนกับช่วงเวลาทับซ้อนกับการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดและนอกราชอาณาจักร ที่ กกต.เปิดให้ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 20 ธ.ค.  2568 – 5 ม.ค. 2569  จึงเกรงว่าหากประชาชนไม่ลงทะเบียนแต่เนิ่นๆ และไปลงทะเบียนในช่วง 3 วันสุดท้ายอาจทำให้ระบบล่มได้ จึงขอให้ประชาชนที่จะใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 1 ก.พ.69 ได้รีบลงทะเบียนก่อนและหากจะใช้สิทธิออกเสียงประชามตินอกเขตเลือกตั้ง ซึ่งจะต้องไปออกเสียงในวันที่ 8 ก.พ. เท่านั้น ก็ค่อยไปลงทะเบียนในช่วงวันที่ 3-5 ม.ค. ส่วนการนับคะแนนประชามติ จะนับที่หน่วยออกเสียงทั้งในประเทศและนอกราชอาณาจักร แตกต่างจากการเลือกตั้ง สส.ที่บัตรลงคะแนนทั้งนอกเขตและนอกราชอาณาจักรจะถูกส่งกลับไปนับคะแนนตามหน่วยที่มีชื่อในทะเบียนบ้าน 

ขณะที่ว่าที่ร้อยตรีสัมพันธ์ แสงคำเลิศ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร ได้อธิบายขั้นตอนการรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต ซึ่งจะรับสมัครระหว่างวันที่ 27-31 ธ.ค. ซึ่งวันแรกของการรับสมัคร หากผู้สมัครมาถึงก่อนเวลารับสมัคร ถือว่ามาพร้อมกันในเวลา 08.30 น. ก็จะมีการจับสลาก 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการจับสลากยื่นใบสมัครโดย ผอ.กกต. ส่วนครั้งที่สอง ผู้สมัครเป็นจับสลากหมายเลข เพื่อนำไปหาเสียง  จากนั้นก็ยื่นใบสมัครต่อเจ้าหน้าที่ จะมีการตรวจสอบเบื้องต้น  หากเอกสารสมัครหรือเงินค่าสมัคร 10,000 บาทไม่ครบถ้วน ก็จะต้องมายื่นใบสมัครในวันถัดไป  ซึ่งจะมีการเลื่อนลำดับผู้สมัครคนถัดไปขึ้นมาแทน และเมื่อมาสมัครวันอื่นจะได้หมายเลขใหม่ เน้นย้ำว่าจะต้องตรวจสอบเอกสารและเงินค่าสมัครให้ครบถ้วน
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top