วันพุธ ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568
กกต.สรุปภาพรวมผู้สมัคร สส.ทั่วประเทศทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่ออย่างไม่เป็นทางการ พบมีรายชื่อแคนดิเดตนายก 94 คน ส่วนปมเขต 33 กทม. "บุญญฤทธิ์" ถือว่าขาดคุณสมบัติแล้วเพราะพ้นสภาพสมาชิกพรรค ส่งผล"เท่าพิภพ"สามารถใช้เบอร์เดิมได้เลย
วันที่ 31 ธันวาคม 2568 เวลา 16.30 น. ว่าที่ร้อยตรีภาสกร สิริภคยาพร รองเลขา ธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงสรุปภาพรวมการรับสมัครรับเลือกตั้ง สส. แบบบัญชีรายชื่อและบุคคลที่พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ โดยสรุปข้อมูลเวลา 16.00 น. วันที่ 31 ธ.ค. 2568 ผู้สมัคร สส.แบบแบ่งเขตทั้งหมด 400 เขต มีพรรคการเมือง 60 พรรค ส่งผู้สมัครรวม 3,526 คน ส่วนการรับสมัครแบบบัญชีรายชื่อ มีจำนวน 57พรรค ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อรวม 1,570 คน และมี พรรคการเมือง 43 พรรค ส่งรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจำนวน 94 คน
โดยเขตที่มีการส่งผู้สมัครมากสุด คือ เขต 30 กทม. (บางแค- ภาษีเจริญ) มีผู้สมัคร 19 คน และในจำนวนผู้สมัครทั้งหมด มีผู้สมัคร สส.อายุมากที่สุด อายุ 90 ปี สําหรับกระบวนการหลังจากนี้ ทางสำนักงานเขตการเลือกตั้งจะส่งข้อมูลผู้สมัครไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 26 หน่วยงานเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ อาทิ ศาลยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสรรพากร ฯลฯ ซึ่งหน่วยงานจะต้องส่งข้อมูลกลับมายังผู้อํานวยการประจําเขตการเลือกตั้ง โดยจะต้องมีการประกาศรายชื่อผู้สมัครแบบแบ่งเขตทั้งหมดทั่วประเทศ ในวันที่ 7 ม.ค.69
รองเลขาธิการกกต. กล่าวอีกว่า แต่ถ้ามีกรณี กกต.หรือผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งไม่มีการประกาศรายชื่อบุคคลใดเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ให้บุคคลนั่นยื่นคําร้องต่อศาลฎีกาภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันประกาศรายชื่อ โดยการพิจารณาของศาลฎีกากําหนดไว้ว่าจะต้องพิจารณาวินิจฉัยให้เสร็จก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 3 วัน ส่วนกรณีที่มีการประกาศรายชื่อออกมา แต่พบว่ามีประชาชนร้องคัดค้าน ทางผู้ร้องคัดค้านจะต้องยื่นคําร้องคัดค้านประกาศภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันประกาศรายชื่อผู้สมัคร โดยในส่วนผู้สมัครมีความมั่นใจว่าตัวเองมีสิทธิ์สมัครรับการเลือกตั้งสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาได้ภายในระยะเวลา 3 วัน นับตั้งแต่คณะกรรมการการเลือกตั้งถอนชื่อ และกรณีสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งประจำเขต และ กกต.ตรวจสอบพบว่ามีผู้สมัครรายใดไม่มีสิทธิ์รับสมัครเพราะขาดคุณสมบัติ กกต.จะต้องยื่นคําร้องต่อศาลฎีกาให้ถอนชื่อผู้สมัครออกจากประกาศบัญชีรายชื่อ
สำหรับผู้สมัครที่รู้ตัวอยู่แล้วว่ามีคุณสมบัติต้องห้ามแต่ยังมาสมัครรับเลือกตั้งจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสส.2561 มาตรา151 มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนาทธิ์การเลือกตั้ง 20 ปี สำหรับกรณีนี้เป็นความผิดเฉพาะตัว ไม่เกี่ยวกับกรรมการบริหารพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ปรากฏการทำลายป้ายหาเสียงหลายพื้นที่นั้น รองเลขาธิการกกต. กล่าวว่า เรื่องนี้ถือว่าเป็นทรัพย์สินของผู้สมัครสส.ของแต่ละคน ซึ่งทางผู้สมัคร สส.และพรรคการเมืองที่ได้รับความเสียหายสามารถแจ้งความดําเนินคดีได้โดยตรง ไม่ถือว่าผิด พรป.การเลือกตั้ง
ส่วนคลิปการแจกเงินของผู้สมัคร สส.พื้นที่ภาคใต้ ที่พบว่าได้แจกเงินให้ประชาชนนั้น ว่าที่ร้อยตรีภาสกร ชี้แจงว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน ซึ่งจะต้องใช้ข้อมูลบางส่วนที่ต้องอาศัยข้อเท็จจริง ในกรณีที่มีการถูกกล่าวหาว่าทําผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งห้ามไม่ให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทําการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับตนเอง หรือผู้สมัครอื่นด้วยวิธีการเสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้ หรือให้ทรัพย์สินประโยชน์อื่นใด การโฆษณาหาเสียง และการจัดงานรื่นเริง การจัดงานเลี้ยง การหลอกลวงการบังคับขู่เข็ญและใช้อิทธิพล ซึ่งจะต้องนำเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวน
ส่วนกรณีนายบุญญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ อดีตผู้สมัคร สส.เขต 33 กทม. พรรคประชาชนที่ถูกจับกุมฟอกเงินเกี่ยวข้องยาเสพติด ซึ่งต่อมาพรรคได้ส่งผู้สมัครคนใหม่แทนนั้น ว่าที่ร้อยตรีภาสกร กล่าวว่า กรณีนี้ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตได้ออกหลักฐานการรับสมัครให้กับผู้สมัครแล้ว ซึ่งผู้สมัครและพรรคการเมืองจะถอนการสมัครหรือเปลี่ยนแปลงผู้สมัครได้ เฉพาะกรณีการตาย การขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม แต่ต้องกระทำก่อนปิดการรับสมัคร เพื่อให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่กำหนดไว้ว่าผู้สมัครที่เข้ามาแทนนั้น สามารถใช้หมายเลขประจําตัวหมายเลขเดิมได้เลย เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ระเบียบข้อ 99 ที่กำหนดว่า ผู้รับสมัครขาดคุณสมบัติกรณีถูกจับกุม เป็นเรื่องของลักษณะต้องห้าม คดีนั้นจะต้องถึงที่สุด หรือหากผู้สมัครรายนี้ได้พ้นสภาพการเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองไปแล้ว ก็ถือว่าขาดคุณสมบัติเช่นกัน ในกรณีนายบุญญฤทธิ์ ได้ลาออกจากสมาชิกของพรรคประชาชนแล้วถือว่าขาดคุณสมบัติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี