ยิ่งลักษณ์บีบน้ำตารายวัน
แถปัดรับผิดกู้2ล้านล้าน
โวยเลิกห้ำหั่น-ขอมีที่ยืน
พท.เหิมโวยศาลถ่วงเจริญ
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงตรวจราชการที่ จ.ขอนแก่น ถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะล่ารายชื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรี หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2ล้านล้านบาท ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทั้งกระบวนการตรากฎหมายและเนื้อหาว่า เราใช้ข้อกฎหมายไล่ล่ากันทุกวัน แล้วเราจะหาความสงบในบ้านเมืองได้อย่างไร ซึ่งเมื่อศาลตัดสินแล้ว เราก็ต้องพร้อมที่จะเอาไปปรับ จึงมอบหมายให้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรมช.เกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางกฏหมายหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป
“ปู”วอนเลิกห้ำหั่น-ให้มีพื้นที่ยืน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองหรือไม่ว่า รัฐบาลไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะองค์กรอิสระ นายกฯ กล่าวว่า ขอใช้คำว่า ขอความเห็นใจ เราอย่าใช้กฏหมาย หรือใช้องค์กรมาทำงานเพื่อเรา จะเรียกว่าเราตัดสิทธิห่ำหันกันไปคนละข้างกันเลย การที่จะห่ำหันกันไม่ว่าวิธีใดวิธีหนึ่ง เราคงอยู่กันลำบาก แต่ถ้าเรารู้จักการที่บอกว่า เหลือพื้นที่ให้กับทุกคนในสังคมได้อยู่เถอะ เพราะสุดท้ายเราก็คือคนไทยด้วยกัน เราต้องมองหน้า อยู่ในประเทศไทยด้วยกัน ไม่ใช่ว่าไม่สามารถมองหน้ากันในสังคมได้เลย จากคนที่ไม่เคยรู้จักกัน สามารถที่จะโกรธเกลียดกันได้ขนาดนี้ เราไม่อยากเห็นการแตกพวก เราคือคนไทยด้วยกัน มีพื้นที่ให้กับคนไทยทุกคนอยู่
ใช้หลักเมตตา-ผิดสังคมตัดสินเอง
เมื่อถามว่า คิดว่าการเมืองเล่นกันรุนแรงไปหรือไม่ จนไม่คิดถึงอนาคตของประเทศ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เราอย่าใช้การเมือง หรือเครื่องมือต่างๆเป็นเครื่องมือเพื่อให้เกิดการเอาชนะซึ่งกันและกัน เราน่าจะใช้เครื่องมือทางการเมืองให้เกิดความสามัคคี สร้างสมดุลขอกระบวนการตรวจสอบการทำงาน แต่อย่าสร้างสมดุลด้วยการห่ำหัน จนไม่มีที่อยู่ ซึ่งคนที่ถูกรังแกก็ต้องกลับมายืนสู้ เราเจอเหตุการณ์อย่างนี้วนซ้ำแล้วซ้ำเหล่ามา 7-8 ปีแล้ว วงจรนี้ก็ไม่มีทางจบ ถ้าเราใช้หลักเมตตา เราใช้คำว่าให้อภัยกันและใช้คำว่าเหลือพื้นที่ให้กับบางคนได้อยู่ แล้วให้กลไกต่างๆเดินไป ถ้าใครไม่ทำดีในสังคม เชื่อว่าประชาชนคนไทยจะประณามเขาเอง
ตาแดงเสียงสั่น-เกลียดตระกูลชิน
เมื่อถามว่า นายกฯไม่ท้อใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่ท้อ อย่าพูดคำว่าท้อหรือไม่ท้อ แต่เราพูดว่า เราต้องช่วยกัน ต้องใช้ความพยายามด้วยกัน ไม่อยากให้ทุกคนลดความพยายามและทำให้สังคมไทยสงบไม่ได้ เมื่อถามว่า เคยตั้งข้อสังเกตหรือไม่ คนที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล ถึงไก้เกลียดชังคนตระกูลชินวัตรเหลือเกิน นายกฯ หยุดไปสักครู่ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและตาแดงว่า คงต้องถามคนถามด้วยมั้งคะ ตนคงไม่ขอตอบ เชื่อว่าสังคมจะเป็นคนพิจารณา ตระกูลชินวัตรเป็นอย่างนี้เชียวหรือ ตนคิดว่าเราอย่าพูดกันอย่างนี้เลย เดี๋ยวก็มีตระกูลนั้นตระกูลนี้ แล้วคุณะจะไม่ให้คนไทยอยู่ด้วยกันแลัวหรือ นี่คือสิ่งที่ต้องถาม
ชัชชาติหันใช้พรบ.หนี้สาธารณะ
ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม กล่าวระหว่างตรวขราชการที่ จ.ขอนแก่น ว่า การปรับแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หลังจาก พรบ.เงินกู้ 2ล้านล้านบาทขัดรัฐธรรมนูญนั้น ต้องปรับใช้แหล่งเงินภายใต้ พรบ.หนี้สาธารณะแทน โดยกระบวนการเริ่มจากรัฐบาลชุดใหม่เป็นผู้อนุมัติโครงการและให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ดำเนินการหาแหล่งเงินกู้ จากนั้นจะตั้งงบประมาณจ่ายเงินคืน การกู้เงินภายใต้ พรบ.หนี้สาธารณะทำได้ง่ายกว่าและมีการตรวจสอบน้อยกว่า พรบ.เงินกู้ 2ล้านล้านบาท
“พิชัย”ซัดตลก.ถ่วงความเจริญ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังกับคำตัดสินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (ตลก.) ที่ทำให้ พรบ.เงินกู้ 2ล้านล้านบาท ที่จะนำมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคมของประเทศไม่สามารถดำเนินการต่อได้ ซึ่งจะทำให้ประเทศพัฒนาล่าช้า เหมือนเป็นการถ่วงความเจริญ ทำให้ประเทศเสียโอกาสการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคไปและต่อไปนี้หากรัฐบาลจะทำอะไรก็น่าจะต้องไปขอ ตลก.ก่อน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำแผนงานและทำเรื่องผ่านสภาฯหรือไม่ก็ให้ ตลก.มาบริหารประเทศ
ภูมิธรรมชี้น้ำตาคลอใช่อ่อนแอ
ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้อยู่แล้วว่า ผลจะออกมาแบบไหน เมื่อศาลวินิจฉัยว่า ขัดรัฐธรรมนูญร่าง พรบ.กู้เงิน 2ล้านล้านฉบับนี้ต้องตกไป หลังจากนี้พรรคคงต้องหารือ เบื้องต้น นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม เตรียมการรองรับไว้แล้ว โดยยังยืนยันความจำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยตนรู้สึกเห็นใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ต้องประคับประคองบ้านเมืองและการที่นายกฯน้ำตาคลอหลายครั้งระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไม่ใช่เพราะอ่อนแอ แต่เป็นความอึดอัดคับข้องใจที่ทำอะไรไม่ได้และที่ผ่านมานายกฯไม่เคยบ่นท้อ
“เฉลิม”ไม่หวั่นยื่นถอดถอนปู
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) กล่าวถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญกรณี พรบ.เงินกู้ 2ล้านล้านบาทขัดรัฐธรรมนูญ ว่า เป็นการมองคนละมุม ศาลวินิจฉัยชัดเจนว่าหากจะมีงบบริหารราชการต้องจัดทำตามรัฐธรรมนูญ มาตรา169 เรียกว่างบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อเอาเงินไปลงทุน แต่รัฐบาลเห็นว่ากำลังสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จึงอยากพัฒนาความเจริญให้มีรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ ซึ่งรัฐบาลก็รู้ว่าถ้าตั้งงบประมาณรายจ่ายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา169 มันไม่มีเงิน จึงตั้งเป็นร่าง พรบ.กู้เงินกรณีพิเศษ เมื่อศาลบอกว่าไม่ได้ ก็ต้องเคารพคำตัดสิน ส่วนที่จะยื่นถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถามว่า จะถอดถอนอะไร รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรผิด พิจารณาเปิดเผยผ่านสภา 3วาระ วุฒิสภาก็เห็นด้วย เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว
40สว.เชื่อฟันอาญา”ปู”ยาก
ทางด้าน นายคำนูณ สิทธิสมาน สว.สรรหา หนึ่งในผู้ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่าง พรบ.เงินกู้ 2ล้านล้านบาท กล่าวว่า จากนี้คงต้องไปยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) พิจารณาว่า กระทำผิดอาญาหรือไม่ ซึ่งคงใช้เวลาค่อนข้างนานและอาจไม่มีผลต่อสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน เช่นเดียวกับจะไปเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบ คงทำได้ยาก เพราะรัฐบาลมีข้ออ้างว่า ตัวเองไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเพราะยุบสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว
ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน สว.สรรหาและกลุ่ม 40สว.กล่าวว่า การเอาผิดทางอาญากับรัฐบาลในเรื่องนี้ผ่าน ปปช.คงทำได้ยาก เพราะเห็นว่าการเสนอกฎหมายการเงินถือเป็นอำนาจของรัฐบาลที่สามารถกระทำได้ แต่อีกด้านหนึ่งย่อมมองได้ว่า เป็นเรื่องของมุมมองทางกฎหมายที่แตกต่างกันระหว่างรัฐบาลและศาลรัฐธรรมนูญ จึงคิดว่าน่าจะใช้แนวทางเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความผิดชอบทางการเมืองมากกว่า
ปชป.ถล่มโกหก-จี้รับผิดชอบ
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวกรณีศาลรัฐธรรมนูญนิจฉัยว่า ร่างพรบ.กู้เงิน 2ล้านล้านบาท ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ว่า คำให้สัมภาษณ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ระบุว่า อย่าใช้กฎหมายลิดรอนสิทธิ ขอให้ดูที่เจตนา หลังศาลวินิจฉัยว่า พรบ.เงินกู้ 2ล้านล้านขัดรัฐธรรมนูญนั้น ตนมองว่า กฎหมายลิดรอนสิทธิคนชั่วเท่านั้น แสดงว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จงใจละเมิดกฎหมาย ฉะนั้นขอเรียกร้องความรับผิดชอบจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมถึงกรณีอดีต ส.ส.เพื่อไทย กดบัตรแทนกันจะรับผิดชอบอย่างไร อีกทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังเป็นผู้ลงนามเสนอกฎหมายเงินกู้ 2ล้านล้านอีกด้วย
‘อรรถวิชช์”ชี้เจตนาชั่วแต่ต้น
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวกรณีเดียวกันว่า การตรา พรบ.ดังกล่าว รัฐบาลมีเจตนาจะหลีกเลี่ยงระบบตรวจสอบ ทั้งที่เงินจำนวนดังกล่าวสามารถอยู่ในระบบงบประมาณได้ แต่รัฐบาลกลับต้องการหลีกเลี่ยงการจัดซื้อจัดจ้างตามปกติ เพราะเมื่อออกกฎหมายเงินกู้จะมีระเบียบต่างหาก จึงเป็นเจตนาเลวตั้งแต่ต้น นอกจากนี้ยังโกหกว่า ถ้าอยู่ในงบประมาณจะทำให้ต่างชาติไม่เชื่อมั่นก็ไม่เป็นความจริง เพราะสามารถทำงบประมาณผูกพันได้ตาม พรบ.วิธีการงบประมาณ ซึ่งโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านของรัฐบาลใช้เวลาถึง 7ปี สามารถทำงบผูกพันได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี