“สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ในปีพ.ศ.2559 วันที่ 30 กันยายน จะมีนายตำรวจระดับผู้บริหารเกษียณอายุราชการ 3 นาย และตำแหน่งที่ปรึกษาสบ 10 อีก 3 นาย รวมทั้งหมด 6 นาย คือ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ,พล.ต.อ.สุพร พันธ์ุเสือ ส่วน พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ได้รับการปรับโอนไปดำรงตำแหน่งที่ ปปง. ในส่วนของที่ปรึกษา สบ 10 มีพล.ต.อ.ชัยยง กีรติขจร, พล.ต.อ.หาญพล นิตย์วิบูลย์ และพล.ต.อ.เจษฎา อินทรสถิตย์ ซึ่งตำแหน่ง สบ 10 นั้นมีข่าวมาว่า เมื่อเจ้าตัวเกษียณอายุราชการ จะทำการยุบตามตัวบุคคลไปด้วย เพื่อลดตำแหน่งออกไปให้เหลือแต่ตำแหน่งผู้บริหารที่มีอยู่ในอดีตที่จำเป็นเท่านั้น....

ชีวิตตำรวจหรืออาชีพตำรวจไม่เหมือนหน่วยงานอื่น ตำรวจเป็นอาชีพที่อาถรรพ์ขึ้นอยู่กับบุญวาสนา คนที่เข้ามาเป็นตำรวจ ถ้าบุญวาสนาดีจะอยู่ในตำแหน่งต่างๆ จนเกษียณอายุราชการ ถ้าไม่มีบุญวาสนาแม้นจะได้เป็นตำรวจก็ต้องถูกออกเพราะสร้างปัญหามีคดีติดตัว ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ ถ้าผ่านมาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจจะมีการช่วยเหลือกัน ด้วยการให้ที่หลบซ่อนหรือแกล้งหลิ่วตาไม่ยอมจับกุมปล่อยคดีหมดอายุความ บางคนมีปัญหาต้องลาออกจากตำรวจ หลายคนที่ต้องจบชีวิตก่อนเกษียณอายุ ตำรวจจำนวนมากทำตัวเป็นกาฝากคอยหาส่วยหาเบี้ยให้นายได้เลื่อนตำแหน่ง บางคนจบจากโรงเรียนนายร้อยไม่เคยผ่านงานสืบสวนสอบสวน อยู่แต่ในตำแหน่งที่มีผลประโยชน์เพราะมีเส้นสายดี แต่ถ้าผู้ใหญ่ที่ช่วยกันโอบอุ้มหมดบุญวาสนา นายตำรวจเหล่านี้พลอยหมดวาสนาไปด้วย....ตำรวจชั้นประทวนเช่นเดียวกัน เมื่อเข้ามามีอาชีพตำรวจ ทำตัวไม่ดีก็ถูกให้ออก หลายคนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต บางนายตกเป็นเหยื่อของเจ้านายโดนป้ายความผิดที่ตนเองไม่ได้ทำ ต้องออกจากตำรวจ.... 

ชีวิตการเข้าสู่อาชีพตำรวจ ถ้าบุญวาสนาไม่ถึงจะล่มกลางคัน ไม่ได้รับการเกษียณอายุราชการ เพราะฉะนั้น ตำรวจที่รับราชการจนเกษียณอายุราชการ นับเป็นตำรวจที่สมบูรณ์แบบ..... นรชาติที่วางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา ..... สวัสดีครับ…