เมื่อวานนี้ เน้นไปที่การจัดการของคณะสงฆ์ในการปัดกวาดวงจรผลประโยชน์ธุรกิจวัตถุมงคล ที่มีอยู่ตามวัด ตามบริเวณพระโอสถของวัดต่างๆ
วันนี้ คงจะต้องกล่าวถึงอีกประเด็นใหญ่ นั่นคือ การจัดระเบียบสงฆ์
กำกับ ควบคุม ดูแล จัดการพฤติกรรมของพระสงฆ์ รวมถึงสามเณร มิให้มีความประพฤติเสื่อมเสีย
1.การจัดระเบียบสงฆ์ครั้งนี้ ดำเนินการโดยเจ้าคณะปกครองสงฆ์ ตามกลไกปกติ
เจ้าคณะใหญ่หนกลาง-เหนือ-ใต้ และคณะธรรมยุต ออกคำสั่งให้พระสังฆาธิการ กวดขันคุมเข้มพฤติกรรมพระภิกษุ สามเณร ที่อยู่ภายใต้ปกครอง มิให้ละเมิดพระธรรมวินัย ประพฤติเสียหาย เป็นที่ติเตียนของสังคม
เนื้อหาของคำสั่ง คล้ายๆ กันทุกหน
ห้ามพระภิกษุสามเณร กระทำการละเมิดกฎหมายบ้านเมือง พ.ร.บ.คณะสงฆ์
ห้ามแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ ด้วยถ้อยคำรุนแรง ส่อยั่วยุ ก้าวร้าว กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และความสงบสุขของประชาชน ห้ามใช้โซเชียลมีเดีย อาทิ เฟซบุ๊ค ห้ามกดไลค์ กดแชร์ โพสต์ภาพ รวมถึงข้อความวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นต่างๆที่ไม่เหมาะสม
ห้ามเดินทางไปในสถานที่ไม่ควรแก่บรรพชิต ห้ามใช้อุปกรณ์สื่อสารผิดกาลเทศะ ห้ามเรื่องโลกวัชชะ ทำแล้วโลกติเตียน ห้ามแต่งกายที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้ย่ามและรองเท้าที่ไม่ใช่ของสงฆ์ ฯลฯ
โดยกำหนดให้พระสังฆาธิการกวดขัน ควบคุม ดูแล
หากพบการฝ่าฝืน ต้องจัดการเด็ดขาด โดยขอกำลังจากฝ่ายราชการเข้ามาดำเนินการด้วย
หากพระสังฆาธิการละเว้น ไม่จัดการ ก็จะต้องมีความผิดเสียเอง
2.นี่คือนิมิตหมายอันดียิ่ง
เปิดศักราชใหม่ของการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
ไม่ปล่อยให้มารศาสนาเข้ามาอาศัยหากิน แล้วทำให้ผ้าเหลืองแปดเปื้อนด้วยพฤติกรรมต่ำทราม ไม่แยแสความรู้สึกของพุทธบริษัทสี่อีกต่อไป หลังจากที่ผ่านมา ปัญหาพฤติกรรมสงฆ์นอกรีตเกิดขึ้นจนเกือบจะกลายเป็นเรื่องปกติ ซึ่งอันตรายต่อพระพุทธศาสนามาก
3.กลไกโครงสร้างระบบการปกครองสงฆ์แบบเดิม จะจัดการกับปัญหาได้หรือไม่?
นี่คือโจทย์ที่น่าสนใจต่อจากนี้ไป
หากคำสั่งเจ้าคณะปกครองสงฆ์ที่ออกมา เป็นเหมือนไฟไหม้ฟาง เกิดความตื่นตัวแค่ประเดี๋ยวประด๋าว แล้วจากนั้นก็เข้าอีหรอบเดิม พระเณรประเภทนอกรีตก็กลับมามีพฤติกรรมต่ำทรามแบบเดิม ไม่แคร์สายตาชาวบ้านอยู่เหมือนเดิม โดยที่คณะปกครองสงฆ์เข้าไปจัดการไม่ได้จริง ถึงเวลานั้น ย่อมจะเป็นเครื่องยืนยันว่า โครงสร้างการปกครองสงฆ์แบบที่เป็นอยู่ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้แล้วจริงๆ
พระทั่วประเทศ มีราว 2.9 แสนรูป อยู่ตามวัด 39,481 แห่งทั่วประเทศ
อาจถึงเวลาที่จะต้องดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างการปกครองคณะสงฆ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปกครองคณะสงฆ์ ด้วยการกระจายอำนาจปกครองออกจากส่วนกลาง และเพิ่มบทบาทการมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลพฤติกรรมของพระและวัดของภาคประชาสังคม
ควรจะต้องมีระบบที่ให้ประชาชนแจ้งเรื่อง มีส่วนร่วมในการสอดส่อง กำกับดูแลพระสงฆ์ มิใช่เห็นความบัดสีแล้วได้แต่ติฉินนินทา อันที่จริง เจ้าของพระพุทธศาสนา คือ พุทธบริษัทสี่ก็ไม่ใช่แค่พระสงฆ์ หากแต่ประกอบด้วย ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา
4.ปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่เกิดจากคนธรรมดานี่เอง บวชเข้าไปเป็นพระแล้วแสวงหารายได้ สั่งสมความมั่งคั่ง ไม่ลด ละ เลิก หรือปล่อยวาง ตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าสอนไว้
ทำเสมือนหนึ่งว่า “การเป็นพระ” คือ อาชีพอาชีพหนึ่ง เหมือนประกอบอาชีพอื่นๆ เช่น นักแสดง นักร้อง วิศวกร สถาปนิก ฯลฯ มีความต้องการหารายได้หรือการรับรายได้จากการบวชเป็นพระ ไม่ต้องรู้สึกผิดต่อการเอาเงินเข้ากระเป๋าส่วนตัว ถือเป็นค่าตอบแทนจากการเป็นพระ เหมือนอาชีพอื่นๆ
วิธีคิดเช่นนี้ ผิดเพี้ยนมาก และนำมาซึ่งปัญหาพฤติกรรมของพระสงฆ์ที่มุ่งแสวงหารายได้ไม่สิ้นสุด และตามมาด้วยการวางพฤติกรรม การใช้ชีวิต การซุกซ่อนทรัพย์สิน ซุกกิ๊ก ซุกเมีย ฯลฯ
อ้างเป็นหมอดู มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ แก้ดวง เสริมโชคลาภ ใบ้หวย ขายเครื่องรางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สร้างความงมงายแก่ชาวบ้าน เพื่อแลกกับชื่อเสียง เงินบริจาค ผลประโยชน์ในเชิงพุทธพาณิชย์
จะแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ต้องมีกลไกบังคับให้พระสงฆ์ต้องปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด หากพระสงฆ์รูปใดไม่ปฏิบัติก็จะต้องมีระบบตรวจสอบและขจัดออกจากการเป็นพระสงฆ์
พูดง่ายๆ ว่า ถ้าไม่พร้อมหรือไม่ตั้งใจเป็นพระสงฆ์จริงๆ ก็ควรจะถูกขับออกจากการเป็นพระสงฆ์
คนที่บวช นอกจากต้องทำตามกฎหมายบ้านเมือง ยังต้องทำตามพระธรรมวินัยด้วย
ย้ำอีกครั้ง หากทำไม่ได้ หรือไม่ยอมทำ ต้องสึกออกไป
หากจะต้องสึกคนห่มเหลืองนับหมื่นที่ไม่ยอมประพฤติตามพระธรรมวินัย ก็จะต้องทำ เพื่อความบริสุทธิ์ของพระพุทธศาสนา แล้วพระสงฆ์ที่เหลืออยู่จะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ด้วยความเคารพสักการะสูงสุด
ชาวอาณาประชาราษฎร์จะสามารถกราบพระได้อย่างสนิทใจ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี