ยังตามตัวธัมมชโยมาไม่ได้ อาจพอเข้าใจได้ เพราะเจ้าตัวเป็นสิ่งมีชีวิต สามารถเดินทางหลบหนีไปไหนต่อไหนได้ ผลุบๆ โผล่ๆ ทางการหาตัวไม่เจอ อ้างกันได้
แต่การสอบสวนและจัดการกับมหาอาณาจักรธรรมกาย ที่ไม่ได้ย้ายหนีไปไหน ขณะนี้ กลับไม่ปรากฏความคืบหน้า ไม่มีการเปิดเผยการตรวจสอบ
ทำราวลืมๆ กันไปแล้วว่ากรณีธรรมกายนั้น มีเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ส่อไปในทางไม่สุจริตเข้ามาเกี่ยวข้องมากมายเหลือเกิน
1. ล่าสุด ทราบว่า ธรรมกายได้เจ้าอาวาสคนใหม่แล้ว
ชื่อ พระครูสังฆรักษ์รังสฤษดิ์ อิทฺธิจินฺตโก
ส่วนมูลนิธิต่างๆ ก็มีการเปลี่ยนตัวกรรมการมูลนิธิกันยกแผง
ไม่ใช่ชื่อพระระดับแกนนำวงในเดิมออกหน้าเลย
แต่แหล่งข่าววงในทราบมา อำนาจจัดการแท้จริงในธรรมกายเวลานี้ อยู่ในมือ พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ
น้องชายของเสี่ย ส. มือหุ้นผู้อื้อฉาวในอดีตนั่นเอง
2. นายอัยย์ เพชรทอง ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายคนดัง เพิ่งจะออกมาแฉว่า มีบางคนในวงการผู้บริหารของธรรมกายออกนอกลู่นอกทาง ทำงานด้วยความ“ซิกแซ็ก”
นายอัยย์ระบุว่า บางท่านเหล่านี้กลับมีตำแหน่งสูงในองค์กร มีอำนาจในการตัดสินใจที่จะชี้ถูกชี้ผิดให้กับองค์กรและหลายๆ ครั้งก็ทำความเสียหายให้เกิดขึ้นด้วยความ “ซิกแซ็ก” โดยอ้างว่าไม่เจตนาอยู่บ่อยๆ จนเป็นที่มาของความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับหมู่คณะและช่วยกันปกปิดความผิดที่ก่อขึ้นไม่ให้หลุดออกมา
บางท่านเหล่านี้ไม่เคยจะแสดงความรับผิดชอบใดๆ หรือจะแสดงสปิริตใดๆ ออกมาเลย ทั้งๆ ที่ ความเสียหายเหล่านั้นใหญ่หลวงยิ่งนัก
นายอัยย์ยื่นข้อเรียกร้อง 5 ข้อ ได้แก่ ขอให้บางท่านเหล่านี้ได้ “ขอขมา” ต่อหลวงพ่อ, ขอให้บางท่านเหล่านี้ได้ยุติบทบาท เว้นวรรคการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแก้ปัญหาด้วยความบริสุทธิ์ โปร่งใส ตรงไปตรงมา, ขอให้มีการแต่งตั้งพระผู้ใหญ่ที่มีภูมิรู้ภูมิธรรม มีความโปร่งใส มีเมตตามีความบริสุทธิ์ มีความสามารถมาทำหน้าที่แทนชั่วคราว, ให้เปลี่ยนทีมทนายที่มีประวัติด่างพร้อยออกไปให้หมด ให้มีทนายชุดใหม่ที่มีจรรยาบรรณไม่ขายตัว รักบุญ เข้ามาดูแลงานด้านกฎหมายแทน และขอให้ทีมทำงานชุดใหม่ รีบเร่งช่วยหลวงพ่อให้พ้นมลทิน
สะท้อนว่า คนธรรมกายเองที่เริ่มมองเห็นปัญหาอันเกิดจากการกระทำจริงของคนธรรมกาย มิใช่ถูกฝ่ายรัฐใส่ร้ายป้ายสีอย่างไม่มีมูล ก็มีอยู่ไม่น้อย
3. ที่ผ่านมา มีคดีเกี่ยวกับการกระทำผิดของธรรมกายหลายกรณี บางคดีไปถึงศาลแล้ว บางคดีสำคัญๆ อยู่ในชั้นอัยการ แต่คดีส่วนใหญ่ยังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนดีเอสไอ เช่น
คดีเอาเงินวัดพระธรรมกายไปเล่นหุ้น เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พระทัตตชีโว ต้องถูกถอดสมณศักดิ์
ขณะนี้ เป็นคดีอยู่ที่ดีเอสไอ ยังไม่ปรากฏความคืบหน้า
ส่วนน้องชายเสี่ย ส. ก็กำลังฉายแสงในธรรมกาย แทนที่ธัมมชโย
4. การตรวจสอบมูลนิธิหลักๆ ในเครือของธรรมกาย นำโดยมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ มูลนิธิธรรมกาย ฯลฯ ที่มีเงินหมุนเวียนแต่ละปีหลายพันล้านบาท มีเงินสะสมหลักหมื่นล้านบาท
บางมูลนิธิเข้าไปพันกับเงินทุจริตที่โกงมาจากสหกรณ์ฯคลองจั่น
บางมูลนิธิเข้าไปพันกับการก่อสร้างอาคารบนที่ดินคดีฟอกเงิน
แต่ละมูลนิธิล้วนมีบทบาทเป็นช่องทางผันเงินผ่านเข้า ออกมหาอาณาจักร ดำเนินกิจการ จัดการผลประโยชน์มูลค่ารวมหลักแสนล้านบาท
ไม่พบการเสียภาษีเงินได้ โดยอ้างว่าทำในนามมูลนิธิ
น่าสงสัยว่า กรณีทัวร์ศูนย์เหรียญ มีการสอบภาษีย้อนหลังเครือข่ายที่ดำเนินการหลบเลี่ยง ดำเนินการเป็นขบวนการทัวร์ศูนย์เหรียญ แบ่งหน้าที่กันทำงาน
กรณีมหาอาณาจักรธรรมกาย สมควรจะต้องตรวจสอบด้วยหรือไม่? เพราะเกี่ยวกับกลุ่มทุนธุรกิจมหาศาล แต่อาศัยดำเนินการในนามมูลนิธิ ผ่องถ่ายเงินไปสู่กลุ่มทุนรับเหมา กลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มทุนการเงิน
บางกรณีเข้าข่ายมูลฐานความผิด ยึดทรัพย์ได้ตามกฎหมาย ปปง.
หากไม่ดำเนินการ นอกจากไม่สามารถจับธัมมชโยได้แล้ว เสียรังวัดไปแล้ว ยิ่งจะตอกย้ำความล้มเหลวว่า การจัดการกับขุมข่ายผลประโยชน์เดิม ที่ยังคงอยู่ ก็ยังทำกันแบบลูบหน้าปะจมูก
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี