การบินไทยเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ กระทรวงการคลังถือหุ้น 51%
มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ และเคยเป็นรัฐวิสาหกิจเกรดพรีเมียม นำส่งรายได้แก่แผ่นดินอันดับต้นๆ
แต่หลังถูกการเมืองรุมทึ้ง บริหารบกพร่อง ผิดพลาด หรือทุจริตเชิงนโยบาย มีการจัดซื้อเครื่องบินมาบินขาดทุน จอดทิ้งๆ ขว้างๆ ฯลฯ ผลประกอบการขาดทุนย่อยยับ จนรัฐบาล คสช. สั่งให้เข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อปฏิรูปการบินไทยในปัจจุบัน
ล่าสุด ผลประกอบการไตรมาส 3 /2560 ปรากฏว่า การบินไทยขาดทุน 1,825 ล้านบาท
เป็นการขาดทุนเพิ่มขึ้น 224 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 1,601 ล้านบาท
ตรวจสอบไส้ใน พบว่า
1.ในไตรมาส 3 /2560 ผลการดำเนินงานปรากฏว่า การบินไทยและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 46,928 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 2,802 ล้านบาท
บริษัทย่อยของการบินไทย ได้แก่ 1) บริษัท ไทย-อะมาดิอุสเซาท์อีสต์เอเชีย จำกัด 2) บริษัท วิงสแปน เซอร์วิสเซส จำกัด 3) บริษัท ไทยไฟลท์เทรนนิง จำกัด 4) บริษัท ทัวร์เอื้องหลวง จำกัด และ 5) บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด
ขณะเดียวกัน มีค่าใช้จ่ายรวม 46,189 ล้านบาท
ทำให้การบินไทย และบริษัทย่อย มีกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 739 ล้านบาท (ขณะที่ช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนขาดทุน 836 ล้านบาท)
ถ้าดูแบบนี้ ก็ไม่เห็นจะขาดทุน แต่ปรากฏว่า มีการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบินจำนวน 1,502 ล้านบาท ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอีก 829 ล้านบาทมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวรวมอีก 537 ล้านบาท ในที่สุดก็จึงขาดทุน 1,814 ล้านบาท
คิดเฉพาะตัวการบินไทยเอง ขาดทุนสุทธิ 1,825 ล้านบาท
2.ไส้เน่าของการขาดทุนมาจากไหน?
2.1 ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน จำนวน 1,405 ล้านบาท
โดยในไตรมาสนี้ ตั้งสำรองด้อยค่าเพิ่มขึ้นของเครื่องบินที่ปลดระวางและรอการขายรวม 13 ลำ
ประกอบด้วย เครื่องบินแบบแอร์บัส A340-600 จำนวน 6 ลำ A340-500 จำนวน 3 ลำ และ โบอิ้ง 747-400 จำนวน 2 ลำ รวมถึง A330-300 จำนวน 2 ลำ
2.2 การขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 829 ล้านบาท เป็นการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น คือ อัตราแลกเปลี่ยนมันยังมีการเคลื่อนไหว ขึ้น-ลงได้
2.3 ขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 48 ล้านบาท ซึ่งส่วนนี้ พบว่า ขาดทุนลดลงจากปีก่อน 238 ล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากผลการดำเนินงานบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ในไตรมาส 3 ของปี 2560 ขาดทุน 128 ล้านบาท ในขณะที่ปีก่อนขาดทุนถึง 373 ล้านบาท ส่วนนี้ จึงนับว่ามีแนวโน้มดีกว่าเดิม
เพราะฉะนั้น หากยังไม่พิจารณาถึงความสามารถในการหารายได้ของการบินไทยแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในส่วนของรายจ่ายอันนำมาสู่การขาดทุน จึงกล่าวได้ว่า ไส้เน่าของการขาดทุนสำคัญที่สุด ได้แก่ เครื่องบินที่ปลดระวางและจอดรอขายนั่นเอง
3.นอกจากนี้ ยังปรากฏว่า 9 เดือนแรกของปี 2560 มีผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบินที่ปลดระวางและรอการขาย จำนวน 16 ลำ รวม 2,401 ล้านบาท
ตั้งสำรองด้อยค่าของเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน A340-600 และ A340-500 จำนวน 207 ล้านบาท
4.โดยสรุป ในงวด 9 เดือนแรก การบินไทยและบริษัทย่อย ขาดทุนสิทธิ 3,853 ล้านบาท
ขณะที่ปีก่อนกำไร 1,504 ล้านบาท
เฉพาะตัวการบินไทยเอง 9 เดือนแรกของปีนี้ ขาดทุนสุทธิ 3,879 ล้านบาท
5.จะเห็นว่า ปัญหาที่ยังตามหลอกหลอนการบินไทยอยู่จนถึงวันนี้ ก็คือ เครื่องบินที่ปลดระวาง จอดรอขาย
ต้องตั้งด้อยค่าไปเรื่อยๆ
ยิ่งจอด ยิ่งเสื่อม ยิ่งขายลำบาก
จนถึงวันนี้ ยังไม่มีการเช็คบิล สะสาง ตรงไปตรงมา
ในสมัยรัฐบาลทักษิณ มีการผลักดันให้จัดซื้อเครื่องบิน A340-500 และ A340-600 เพื่อมาบินตรงเส้นทางข้ามทวีปไปสหรัฐอเมริกา ทั้งหมด 14 ลำ วงเงินลงทุนรวม 96,355 ล้านบาท
ผลักดันเส้นทางบินตรงนิวยอร์ก เปิดเที่ยวบินแรก 1 พฤษภาคม 2548 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นขาดทุน แม้จะมีเสียงทักท้วงจากพนักงานฝ่ายบริหาร แต่ก็ไม่อาจต้านแรงผลักดันจากฝ่ายการเมืองได้
เครื่องบิน 4 เครื่องยนต์ มีเพียง 215 ที่นั่ง บินแบบนอนสต็อป การศึกษาพบว่า แม้การบินไทยจะขายตั๋วได้ 79% จากจำนวนที่นั่งโดยสารทั้งหมด ก็ยังขาดทุน!!!
น่าสงสัยว่า ไปซื้อมาได้อย่างไร? วางแผนอย่างไร? มีนอก-มีในหรือไม่ ประการใด? ใครจะต้องรับผิดชอบ?
ช่วงนั้น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรคไทยรักไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ผลเสียหายจากการซื้อเครื่องบินมาเจ๊ง
เจ๊งทั้งการบินไทย เจ๊งทั้งเครื่องบินที่ซื้อมา
ขาดทุนรวมเบ็ดเสร็จจากตั๊กแตนเหล็กฝูงนี้ น่าจะหลายหมื่นล้านบาท
ปัจจุบัน จอดไว้ให้ดูต่างหน้าที่สนามบินอู่ตะเภา
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม บอร์ดการบินไทย สตง. ศอตช. ตลอดจน ป.ป.ช. ควรจะต้องเข้าไปตรวจสอบความเสียหายกรณีนี้อย่างเร่งด่วน
กระบวนการจัดซื้อถูกต้องหรือไม่? รอบคอบรัดกุมเพียงใด? มีการทุจริตหรือไม่? ตัดสินใจบนพื้นฐานผลประโยชน์สูงสุดของใคร? มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี