ล่าสุด คดีเปรตอมเงินวัดมีความคืบหน้าที่น่าสนใจ
กรณีกล่าวหานายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (อดีตผอ.พศ.) นายพนม ศรศิลป์ อดีตผอ.พศ. และนางสาวประนอม คงพิกุล รอง ผอ.พศ. ร่วมกันทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณปฏิสังขรณ์วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 20 ล้านบาท ที่อยู่ในขั้นตอนไต่สวนของ ป.ป.ช.
1. นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการป.ป.ช. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนได้สรุปสำนวนเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาแล้ว ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว
ขณะนี้ อยู่ระหว่างดำเนินการส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุด(อสส.) เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องต่อศาลต่อไป
2. นายสุรศักดิ์กล่าวด้วยว่า คดีนี้ไม่มีความยุ่งยากซับซ้อน พฤติกรรมการทุจริตเงินทอนวัดมี 2 อย่าง
แบบแรก ทอนเป็นเงินสด
แบบที่สอง ทอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร
“บางวัดเวลาทอนเงิน ทอนกัน 90 เปอร์เซ็นต์ และมีหลายที่เอาไว้ให้วัด 2 แสนบาท แต่เก็บไว้ 5 ล้านบาท 10ล้านบาทก็มี คุณไม่มีสิทธิไปรับเงินทอน เงินหลวง จะรับไม่ได้เลย แต่ถ้าวัดไม่ต้องการแล้วทอนคืนเป็นงบประมาณแผ่นดินก็จบ” นายสุรศักดิ์กล่าว
3. กรณีวัดพนัญเชิง รายละเอียดในสำนวนของ ป.ป.ช. ยังไม่ปรากฏ
หากมีการชี้มูลความผิดแค่ 3 คน เฉพาะในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐ ได้แก่ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผอ.พศ. นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. และนางสาวประนอม คงพิกุล อดีต รอง ผอ.พศ. ก็แสดงว่า การทุจริตเงินทอนวัดในกรณีวัดพนัญเชิงนั้น ไม่มีผู้ร่วมกระทำความผิด หรือผู้สนับสนุนการกระทำความผิดอื่นๆ เลยหรือไม่
เจ้าหน้าที่รัฐไปติดต่อวัด ติดต่อกับใคร?
ติดต่อกับพระ หรือฆราวาส?
แล้วทางวัดนั้น รู้ หรือควรรู้ว่าเงินที่ทอนคืนไปให้เขาแบบนี้ เป็นการทุจริตโกงกิน หรือไม่?
ได้ร่วมรับผลประโยชน์อันมิชอบด้วยหรือไม่?
หรือมีใครสนับสนุนการปิดบังอำพรางการกระทำ หรืออำพรางทรัพย์สินอันได้มาจากการทุจริต หรือไม่?
เจ้าอาวาสวัด ไวยาวัจกรวัด ล้วนแต่มีสถานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายอาญา สมควรจะต้องตรวจสอบให้สิ้นกระแสความ ประเด็นนี้ ป.ป.ช.ได้มีการตรวจสอบหรือไม่ อย่างไร?
4. ก่อนหน้านี้ ทางวัดพนัญเชิง โดย ดร.สมศักดิ์ โตรักษา ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของวัดพนัญเชิง เคยแถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีการรับเงินอุดหนุนการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดพนัญเชิงวรวิหาร และการพัฒนาวัดประจำปี พ.ศ.2555 ถึง พ.ศ 2559 จากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
มีคำอธิบายว่า พระธรรมรัตนมงคล (แวว กตสาโร) เป็นเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2547 มาจนถึงปัจจุบัน เมื่อประมาณปี พ.ศ.2555 วัดได้ก่อสร้างกุฏิทรงไทย จำนวน 9 หลัง และในปี 2556 วัดได้ก่อสร้างทางเดินรอบวิหารหลวงพ่อโต โดยนำรายได้จากการทำบุญ และเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธามาดำเนินการ
ต่อมา เมื่อปลายปี 2556 น.ส.ประนอม คงพิกุล ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในขณะนั้น ซึ่งรู้จักกับพระธรรมรัตนมงคล เจ้าอาวาส เนื่องจากมีการติดต่อกันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับกิจการของศาสนา โดย น.ส.ประนอม ได้โทรศัพท์หาพระธรรมรัตนมงคล เจ้าอาวาส แจ้งว่า ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะให้เงินอุดหนุนทางวัด จำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินอุดหนุนวัดในงบประมาณปี 2557 เพื่อให้วัดดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์ภายในวัด โดย น.ส.ประนอม แจ้งว่า เงินดังกล่าวให้วัดเพื่อการบูรณะปฏิสังขรณ์ จำนวน 2 ล้านบาท ส่วนอีก 8 ล้านบาท จะนำไปให้วัดอื่นที่ยากจนทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ศาสนสถานภายในวัด และพัฒนาวัด ส่วนเงิน 2 ล้านบาทนั้น ทางเจ้าอาวาสได้นำไปใช้ปรับปรุงก่อสร้างทางเดินบริเวณวิหารหลวงพ่อโต
จากนั้น เมื่อประมาณปลายปี 2557 น.ส.ประนอม ได้ติดต่อมายังพระธรรมรัตนมงคล เจ้าอาวาสอีกครั้ง โดยบอกว่า จะให้เงินสนับสนุนวัดอีก 10 ล้านบาท แต่ขอให้ทางวัดมอบเงินสด จำนวน 5 ล้านบาท ให้แก่ น.ส.ประนอม นำไปช่วยวัดอื่นๆ ที่ยากจนต่อไป ส่วนเงิน 5 ล้านบาท ทางเจ้าอาวาสได้นำไปปรับปรุงกุฏิทรงไทย 9 หลัง
ทนายความวัดพนัญเชิงอธิบายว่า พระธรรมรัตนมงคล ได้สอบถาม น.ส.ประนอม ว่า ถูกกฎหมายหรือไม่ น.ส.ประนอม ตอบว่าถูกกฎหมาย
พระธรรมรัตนมงคล เชื่อ และดำเนินการตามที่ น.ส.ประนอม แนะนำมา ประกอบกับเห็นว่า น.ส.ประนอม เป็นผู้ใหญ่ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับงบประมาณอุดหนุนวัดต่างๆ ในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จากนั้น ประมาณต้นปี พ.ศ.2560 พนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ป.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาที่วัดเพื่อขอสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเงินอุดหนุนที่วัดได้รับมาจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตามที่ น.ส.ประนอม ได้เสนอให้แก่วัดดังกล่าว ทางวัดก็ได้ให้ความร่วมมือต่อพนักงานสอบสวนเป็นอย่างดี
กระทั่งเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2560 พระธรรมรัตนมงคล เจ้าอาวาส ก็ทราบข่าวจากสื่อมวลชนว่า น.ส.ประนอมได้ถูกพนักงานสอบสวน ป.ป.ป. แจ้งข้อกล่าวหากรณีเงินอุดหนุนวัดพนัญเชิงวรวิหาร จำนวน 13 ล้านบาท พระธรรมรัตนมงคล เจ้าอาวาส จึงเชื่อว่า น.ส.ประนอม ไม่ได้นำเงิน จำนวน 13 ล้านบาท ไปดำเนินการช่วยวัดต่างๆ ตามที่พูดไว้กับพระธรรมรัตนมงคล เจ้าอาวาส การกระทำดังกล่าวของ น.ส.ประนอม จึงทำให้วัดได้รับความเสียหาย ทางวัดโดยเจ้าอาวาสจึงได้มอบหมายอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจไปดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ น.ส.ประนอม ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตํารวจพระนครศรีอยุธยา
เจ้าอาวาส ยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็น และไม่มีผลประโยชน์ได้เสียกับเงิน จำนวน 13 ล้านบาทดังกล่าว จึงขอยืนยันในความบริสุทธิ์เพื่อให้สื่อมวลชนรับทราบทั่วกัน
นี่คือคำแก้ตัว หรือคำอธิบายความ ในส่วนของทางเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงตั้งแต่ก่อนหน้านี้
5. จากคำอธิบายข้างต้น ป.ป.ช. ได้มีการไต่สวนต่อไปหรือไม่ อย่างไร?
แนวทางอธิบายเช่นนี้ นับว่ามีน้ำหนักน่าเชื่อถือหรือไม่ อย่างไร?
ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนกรณีทุจริตเงินทอนวัด เข้ามายังหน่วยงานตรวจสอบ เช่น กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ป.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และป.ป.ท. รวม 498 เรื่อง
วัดอื่นๆ อีกหลายสิบวัด จะใช้คำอธิบายแบบนี้ได้หรือไม่?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี