ที่ผ่านมา ขบวนการพรรคเพื่อแม้วมักสมคบกับสื่อต่างชาติและผู้บริหารองค์กรประเภทผีโม่แป้งหน้าเดิมๆ ขาประจำอย่างนายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียฮิวแมนไรท์วอทช์ ใช้วิธีการแบบเดิมๆเดินเกมโลกล้อมไทยหวังบ่อนทำลายอำนาจรัฐคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาตลอด และครั้งนี้ก็เช่นกันพรรคเพื่อแม้วเดินเกมชักศึกเข้าบ้านหลังฝ่ายกฎหมายคสช.เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง หรือ “หมวดเจี๊ยบ” อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อแม้ว ด้วยความผิดตามมาตรา 14(2) ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และมาตรา 116 ตามประมวลกฎหมายอาญาฐานปลุกปั่นยุยงให้เกิดความกระด้างกระเดื่องต่ออำนาจรัฐ
ทั้งนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ “หมวดเจี๊ยบ” ใช้เฟซบุ๊คส่วนตัววิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. กรณีเปิดทำเนียบรัฐบาลต้อนรับ “ตูน บอดี้สแลม” แต่ไม่ยอมพูดคุยกับม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จ.สงขลา ที่มาร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อน ซึ่งถือเป็นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์อันสร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชนและเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ
ขณะเดียวกันล่าสุดทีมกฎหมายคสช.ยังแจ้งความต่อกองบังคับการการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อดำเนินคดีกับ “หมวดเจี๊ยบ” ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลด้วยข้อความอันเป็นเท็จต่างกรรมต่างวาระอีกรวม 6 กระทง ซึ่งแต่ละกระทงโทษสูงสุด 7 ปี รวมโทษทั้งหมดหากศาลตัดสินว่าผิดจริงคือ 42 ปี
“หมวดเจี๊ยบ” ให้สัมภาษณ์สื่อหลังเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ บก.ปอท.ว่า ตัวเองมีสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามหลักสิทธิมนุษยชนที่จะวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ซึ่งการดำเนินคดีกับตัวเองครั้งนี้น่าจะมีแรงจูงใจทางการเมือง
ไม่มีใครเถียง “หมวดเจี๊ยบ” ในเรื่องทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่ก็การใช้เสรีภาพแสดงความคิดเห็นต้องไม่กระทำผิดกฎหมายหรือละเมิดผู้อื่นโดยมีเป้าหมายทางการเมืองแอบแฝง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผู้วิพากษ์วิจารณ์อำนาจรัฐคสช.รายวันอยู่แล้วโดยเฉพาะพรรคเพื่อแม้วที่บางครั้งวิพากษ์วิจารณ์อย่างสาดเสียเทเสียบิดเบือนปลุกระดมด้วยข้อความอันเป็นเท็จ แต่อำนาจรัฐคสช.ก็พยายามไม่เอาเรื่องและผ่อนปรนไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีเพราะไม่ต้องการสร้างบรรยากาศความขัดแย้ง
และเมื่อถึงจุดที่ “หมวดเจี๊ยบ” ส่อพฤติการณ์ล้ำเส้นกฎหมายเลยเถิด อำนาจรัฐคสช.แทนที่จะใช้อำนาจพิเศษดำเนินการกับ “หมวดเจี๊ยบ” กลับเลือกการดำเนินคดีตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมปกติทั่วไปทุกประการ ซึ่งถือว่ายุติธรรม ส่วนเรื่องถูกผิดต้องไปพิสูจน์โดยศาลสถิตยุติธรรม
นายนรินทร์พงศ์ จินาภักดิ์ ทนายความของของ “หมวดเจี๊ยบ” กล่าวว่า จากการพิจารณาข้อกล่าวหาแล้วน่าจะรุนแรงเกินความเป็นจริงโดยเฉพาะข้อหาปลุกปั่นยุยงเกี่ยวกับความมั่นคง ดังนั้นจึงขอเตือนพนักงานสอบสวนคดีนี้อาจถูกฟ้องกลับ ซึ่งก็ถือเป็นสิทธิ์ของทนายความ “หมวดเจี๊ยบ” ที่จะดำเนินการต่อสู้ด้วยหลักของกฎหมาย
พฤติการณ์ของ “หมวดเจี๊ยบ” ที่ผ่านมาถูกตั้งข้อสังเกตว่า ส่อเจตนายั่วยุท้าทายหาเรื่องชวนทะเลาะเพื่อให้คสช.ทนไม่ไหวแจ้งความดำเนินคดีเพื่อที่จะใช้เป็นข้ออ้างโจมตีว่า คสช.ใช้อำนาจเผด็จการคุกคามสิทธิเสรีภาพนักการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยขณะเดียวกันก็ส่อพฤติการณ์ชักศึกเข้าบ้านตามแผนโลกล้อมไทยที่พรรคเพื่อแม้วใช้เดินเกมการเมืองบ่อนทำลายอำนาจรัฐ คสช.มาตลอด
ที่สำคัญยังอาจเป็นการชักศึกเข้าบ้านแทรกแซงกดดันกระบวนการยุติธรรมของไทยด้วยการเชิญบรรดาตัวแทนสถานทูตประเทศต่างๆ รวมทั้งตัวแทนฮิวแมนไรท์วอทช์เข้าร่วมสังเกตการณ์การเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ บก.ปอท.
ตัวแทนสถานทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยที่ร่วมสังเกตการณ์ครั้งนี้ประกอบด้วยตัวแทนจากสถานทูตสหรัฐ อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ออสเตรเลีย และประชาคมยุโรป โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า ตัวแทนเหล่านี้ล้วนเป็นระดับเจ้าหน้าที่หรือที่ปรึกษาโดยไม่มีระดับเอกอัครราชทูตแม้แต่คนเดียว นั่นสะท้อนให้เห็นว่าประเทศต่างๆ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับกรณีของ “หมวดเจี๊ยบ” มากนัก รวมทั้งระมัดระวังบทบาทที่อาจถูกมองได้ว่าแทรกแซงกิจการภายในและกระบวนการยุติธรรมของไทย
แม้แผนชักศึกเข้าบ้านหวังใช้โลกล้อมไทยของพรรคเพื่อแม้วจะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ “หมวดเจี๊ยบ” ก็ต้องเดิมพันด้วยโทษที่สูงลิ่ว เพราะครั้งนี้หากศาลพิพากษาว่า “หมวดเจี๊ยบ” ทำผิดจริงตามข้อกล่าวหาหลายกระทงจะมีโทษรวมกันถึง 42 ปี นั่นหมายถึงหมดอนาคตโดยปริยาย
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี