คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งแต่มี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ หรือ “บิ๊กกุ้ย” มาเป็นประธานเกิดเรื่องอื้อฉาวกลายเป็นชนวนระเบิดเวลาก่อวิกฤติศรัทธาทั้งต่อป.ป.ช.ซึ่งเป็นองค์กรอิสระสำคัญในการปราบทุจริตคอร์รัปชั่น รวมทั้งอำนาจรัฐคณะรักษาความสงบแห่งชาติด้วย(คสช.)
พล.ต.อ.วัชรพล ถูกตั้งข้อสังเกตว่าได้ขึ้นมานั่งเก้าอี้ประธานป.ป.ช.ก็ด้วยอิทธิพลแรงหนุนของสองบิ๊กพี่น้องตระกูล “วงษ์สุวรรณ” ซึ่งเป็นเจ้านายเก่าคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ซึ่งขณะนี้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)
ก่อนหน้านี้หลัง “บิ๊กกุ้ย” มานั่งเก้าอี้ประธานป.ป.ช.ไม่ทันไรก็เกิดกรณีอื้อฉาวเมื่อป.ป.ช.พยายามจะยื่นเรื่องถอนฟ้อง 4 บิ๊กยุครัฐบาลสมชาย วงษ์สวัสดิ์ ในจำนวนนี้มี พล.ต.อ.พัชรวาท รวมอยู่ด้วยในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อปี 2551 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก แต่เกิดกระแสคัดค้านจึงต้องระงับแผน และหลังศาลมีคำพิพากษาศาลยกฟ้องจำเลยทั้ง 4 อย่างน่ากังขาในเวลาต่อมา ขณะที่มีกระแสเรียกร้องให้ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์เพื่อให้ศาลทบทวนคดีอีกครั้ง แต่ป.ป.ช.กลับไม่ยื่นอุทธรณ์กรณีพล.ต.อ.พัชรวาท โดยยื่นอุทธรณ์จำเลยรายอื่นเพียงคนเดียว
อีกกรณีหนึ่งที่กำลังเป็นข่าวอื้อฉาวที่ถูกเฝ้าจับตาจากสังคมเป็นอย่างมากคือการตรวจสอบกรณี พล.อ.ประวิตร ครอบครองนาฬิกาหรูนับสิบเรือนและแหวนเพชรราคาแพงที่คาดว่ามีมูลค่ารวมหลายสิบล้านบาท โดยที่ พล.อ.ประวิตร ไม่มีการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินหรูราคาแพงเหล่านี้ต่อป.ป.ช.ครั้งล่าสุดเมื่อเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งคดีอื้อฉาวนี้สังคมกำลังเฝ้าจับตาบทสรุปการตรวจสอบของ ป.ป.ช.ยุค “บิ๊กกุ้ย” ว่าจะจบลงแบบโปร่งใสตรงไปตรงมาหรือเป็นมวยล้มต้มคนดู ซึ่งหากผลการสอบสวนออกมาในลักษณะค้านสายตามหาชนหรือมีข้อเคลือบแคลงไม่เพียงจะส่งผลต่อวิกฤติศรัทธาที่สังคมมีต่อองค์กรอิสระสำคัญซึ่งมีหน้าที่ปราบการทุจริตอย่าง ป.ป.ช.ในระยะยาว แต่จะก่อวิกฤติศรัทธาลามไปถึงอำนาจรัฐคสช.ด้วย
ชนวนระเบิดเวลาอีกลูกหนึ่งจากผลพวงป.ป.ช.ยุค “บิ๊กกุ้ย” ที่กำลังกลายเป็นปมร้อนที่หลายฝ่ายกำลังวิตกอยู่ในขณะนี้ก็คือกรณีพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ต่ออายุ 7 กรรมการ
ป.ป.ช.โดยในจำนวนนี้มี “บิ๊กกุ้ย” รวมอยู่ด้วย ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ดึงดันผ่านความเห็นชอบไปแล้ว โดยปมปัญหาอยู่ที่การต่ออายุ 7 กรรมการป.ป.ช.ส่อขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ซึ่งแม้แต่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) แสดงความเป็นห่วงมาตลอดและล่าสุดได้ทำหนังสือแสดงความวิตกไปถึง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. เพื่อแก้ปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนที่จะนำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ โดย นายมีชัย ได้ชี้ช่องทางคลี่คลายปัญหาด้วยการอาศัยมาตรา 148 ของรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้สมาชิกสนช.จำนวน 1 ใน 10 สามารถเข้าชื่อยื่นเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการตั้ง 7 กรรมการ ป.ป.ช.ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
อย่างไรก็ตามล่าสุดมีรายงานข่าวว่าในหมู่สมาชิกสนช.ขณะนี้มีความเห็นแตกเป็นสองฝ่ายโดยฝ่ายหนึ่งเห็นด้วยที่จะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งยังลังเลด้วยเหตุผลคือ 1.กังวลจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าสนช.หวังฟอกตัวเองเพื่อหากเกิดปัญหาขึ้นในอนาคตสนช.จะได้ไม่ต้องรับผิดชอบ 2.หากยื่นเรื่องเกรงจะทำให้ศาลรัฐธรรมนูญอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดว่าการต่ออายุ 7 กรรมการป.ป.ช.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญอาจเกิดความไม่สง่างามเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญเองก็เพิ่งได้รับการต่ออายุเช่นเดียวกันทั้งๆ ที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคนมีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญ แต่หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดว่าการต่ออายุ 7 กรรมการป.ป.ช.ผิดก็เท่ากับว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ได้รับการต่ออายุผิดเช่นกันต้องพ้นจากตำแหน่ง 3.หากยื่นศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นการซ้ำเติมภาพพจน์ป.ป.ช.ที่ย่ำแย่อยู่แล้วเพราะสังคมมองว่า “บิ๊กกุ้ย” มีความใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร
ปมต่ออายุ 7 กรรมการป.ป.ช.โดยเฉพาะ “บิ๊กกุ้ย” ถูกตั้งข้อสังเกตว่าซ่อนไว้ด้วยเบื้องหลังแอบแฝงเพราะ พล.ต.อ.พัชรวาท รวมทั้ง พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ซึ่งเป็นสมาชิกสนช.และร่วมเป็นกรรมาธิการแก้ไขร่าง พ.ร.ป.ต่ออายุให้ 7 กรรมการป.ป.ช.ขณะนี้ถูกป.ป.ช.ตรวจสอบฐานร่ำรวยผิดปกติ ดังนั้น การผลักดันกฎหมายต่ออายุให้ 7 กรรมการป.ป.ช.จึงถูกมองว่าเป็นการเล่นพรรคเล่นพวกปกป้องช่วยพวกเดียวกันเอง
สรุปแล้วเรื่องวุ่นๆ ปมระเบิดเวลาทั้งหมดล้วนเกิดจากป.ป.ช.ยุค “บิ๊กกุ้ย” และเกี่ยวพันกับ “วงษ์สุวรรณคอนเนคชั่น” ซึ่งประเด็นที่ต้องจับตาคือสนช.จะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งหากสนช.ไม่ยื่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกฯควรยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเพื่อแสดงความจริงใจโปร่งใสของอำนาจรัฐคสช. ซึ่งจะช่วยฟื้นศรัทธาจากระเบิดเวลาป.ป.ช.ได้ไม่น้อย
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี