แนวหน้าหนังสือพิมพ์คุณภาพ ทุกบรรทัดคือสาระและข้อเท็จจริง...
nn “นักรบต้องมีบาดแผล”...nn บรรทัดนี้ “คชสีห์” ต้องขอให้กำลังใจบรรดาแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯตลอดจนแนวร่วม ที่ถูกคดียาวเป็นหางว่าวอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะคดีบุกยึดสนามบินเมื่อปี 2551...
nn “คชสีห์” ไม่ใช่ประเภทคนล้มแล้วข้าม เพราะอย่าทำเป็นลืม หรือแกล้งทำเป็นลืมกันเป็นอันขาดว่า เมื่อตอนเกิดเหตุการณ์นั้น มี “กลุ่มคน” และ “แนวร่วม” จำนวนไม่น้อยที่เห็นดีเห็นงาม
กับการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งมีจุดยืนคือ “ต่อต้านและล้มล้างระบอบทักษิณ”...
nn “คชสีห์” ยกมือชูสองแขนมาตลอด นั่งยันนอนยันว่า ไม่เอา “ระบอบทักษิณ” อย่างแน่นอน ขณะที่การต่อสู้ของพันธมิตรฯก็ได้ใช้ “ยุทธวิธี” หลายรูปแบบ ซึ่งการปิดยึดสนามบินก็เป็นหนึ่งในยุทธวิธี...
nn บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 13 แกนนำพันธมิตรฯ ประกอบไปด้วย “พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายอมร อมรรัตนานนท์ นายนรัญยู หรือศรัณยู วงษ์กระจ่าง นายสำราญ รอดเพ็ชร นายศิริชัย ไม้งาม นางมาลีรัตน์ แก้วก่า และนายเทิดภูมิ ใจดี” ตกเป็นจำเลยร่วมกันในคดีฟ้องละเมิดเรียกค่าเสียหาย จากกรณีร่วมกันปิดสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2551 โดยต้องชดใช้พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 3 ธ.ค.2551 เป็นเงินกว่า 522 ล้านบาท...
nn ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์นั้น กลุ่มพันธมิตรฯได้ต่อสู้ แต่ก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้มาตลอด กระทั่งกลุ่มพันธมิตรฯ ได้สู้กันถึงศาลฎีกา โดยคดีนี้หลังจากมีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อเดือน มิ.ย. 2558 ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ 13 แกนนำ พธม.ร่วมกันชดใช้เงินกว่า 522 ล้านบาทแล้ว ต่อมา ทอท.โจทก์ ได้ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีถึงที่สุดตามคำพิพากษานั้น เนื่องจากจำเลยไม่ได้ยื่นฎีกาตามกฎหมาย ต่อมา 13 แกนนำ พธม.ได้ยื่นคำขออนุญาตขยายฎีกาโดยอ้างเหตุสุดวิสัยการปิดหมายแจ้งคดี ตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ต่อศาลแพ่ง ที่เป็นศาลชั้นต้นปรากฏว่า ศาลแพ่งยกคำร้อง ซึ่งศาลอุทธรณ์ก็มีคำสั่งเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2559 เช่นเดียวกันเห็นว่า ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีร่วมกันปิดสนามบินโดยชอบแล้ว ในปี 2559 ทนายความผู้รับมอบอำนาจของ 13 แกนนำ พธม.จึงได้ยื่นฎีกาเกี่ยวกับคำขอขยายเวลาฎีกานี้ ต่อศาลฎีกาอีก...
nnอย่างไรก็ตาม คดีนี้ได้สิ้นสุดเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2560 ที่ศาลแพ่ง ศาลได้อ่านคำสั่งศาลฎีกา ที่พิจารณาแล้วเห็นว่า ที่ศาลชั้นและศาลอุทธรณ์ พิจารณายกคำร้องของจำเลยมานั้นชอบแล้วตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น ให้ยกคำร้องจำเลย...
nn สรุป ผลสุดท้ายของคดีนี้ 13 แกนนำพันธมิตรฯต้องร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 522,160,947.31 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งเฉลี่ยแล้วตกคนละประมาณ 40,166,226 บาทเศษ...
nn เปิดพุทธศักราชใหม่ ปี 2561 มีรายงานว่า สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการบังคับคดี 1 สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ทำหนังสือแจ้งถึง 13 แกนนำ ให้ร่วมกันชำระหนี้ตามคำพิพากษาเป็นจำนวนเงิน 522,160,947.31 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี ของเงินต้นดังกล่าว นับตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค. 2551 ให้แก่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (นับรวมดอกเบี้ยจะอยู่ที่วงเงิน 744 ล้านบาท) รวมถึงค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความ จำนวน 597,847 บาท โดยในหนังสือระบุว่า หากไม่ดำเนินการ ทอท. จะนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดอายัดทรัพย์ เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่ทอท.ต่อไป...
nn ถึงที่สุดแล้ว “คชสีห์” ก็ทำได้แต่เพียงเห็นใจบรรดาแกนนำ เพราะการต่อสู้ได้เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วไม่มีอะไรจะสู้ต่อ ท้ายที่สุด ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการและขั้นตอนการยึดทรัพย์และถูกฟ้องกลายเป็นบุคคลล้มละลาย...
nn “ทนายพันธมิตรฯ” สุวัตร อภัยภักดิ์ แถลงไขว่า “ตามขั้นตอน ฝ่ายจำเลยหรือลูกหนี้คงไม่ต้องแจ้งอะไร เพราะว่าไม่มีทรัพย์สินมาชำระได้ โดยฝ่ายโจทก์ เจ้าหนี้ ก็จะติดตามตรวจสอบดูทรัพย์สินของจำเลยแต่ละรายว่ามีอะไรบ้าง เพียงพอชำระหนี้อย่างไร หากมีทรัพย์สินที่มีมูลค่าที่จะนำมาขายทอดตลาดได้ ก็จะดำเนินยึดอายัดมาประกาศขายทอดตลอดเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งการติดตามหาทรัพย์สินมาบังคับคดีจะมีเวลาดำเนินการ 10 ปี แต่ถ้าระหว่างนี้การตรวจสอบชัดเจนว่า จำเลยที่เป็นลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินที่มีมูลค่าจะนำมาขายทอดตลอดชำระหนี้ได้ โจทก์ก็จะยื่นฟ้องเป็นคดีล้มละลายต่อศาลล้มละลายกลาง ขอให้จำเลยที่มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินนั้นตกเป็นบุคคลล้มละลาย...”...
nn สรุปจุดจบกันตรงๆ นี้สำหรับคดีบุกยึดสนามบิน แต่ก็ใช่ว่าจะจบสิ้นไปเลย เพราะนี่คือคดีแพ่งเท่านั้น ยังมีคดีอาญาที่ยังต้องต่อสู้กันต่อหลายยก!!...nn
คชสีห์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี