วันนี้ ผมจั๊ด-ธีมะ กาญจนไพริน มาเป็นคอลัมนิสต์รับเชิญแทนคุณณช-พัสณช เหาตะวานิช ที่ติดภารกิจอยู่ต่างประเทศวันนึงนะครับ
ตอนนี้ผมมีรายการอยู่ทางช่อง One 31 และ ฟ้าทะลายโจร ทางช่องฟ้าวันใหม่ พบกันได้เช่นเคยครับ
วันนี้จะขอเล่าให้ฟังถึงที่มาของสังคม “อุดมดราม่า” ด้วยการอธิบายตามหลักวิชาการ ผมในฐานะที่ทำงานด้านสื่อทุกวี่ทุกวัน ต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้มาโดยตลอด เลี่ยงได้บ้างแต่ไม่ทั้งหมด และนี่คือสิ่งที่สังคมไทยและสังคมโลกต้องเจอกันไปอีกนานทีเดียว
มนุษย์ยุคปัจจุบันมีศักยภาพในการเป็นสื่อมวลชนด้วยกันทุกคน(จาก one-to-many เป็น many-to-many) และก็เป็นธรรมดาที่ปริมาณมักสวนทางกับคุณภาพ รับ ส่ง บิด เปลี่ยน ย่อ ขยาย ข้อมูลข่าวสารกันได้โดยไม่ต้องพึ่งสื่อมวลชนมืออาชีพแต่อย่างเดียวเหมือนในอดีต
เมื่อคุณได้รับข้อมูลข่าวสาร ไม่ว่าจะจากทางใดเมื่อไร หรือจากใคร กระบวนการรับรู้และตีความสารในห้วงความคิดของเราๆ ท่านๆ ทุกคนมักดำเนินไปภายใต้หลักการดังต่อไปนี้
1.Availability Heuristic : เรามักจะใช้ประสบการณ์ส่วนตัว หรือบทสรุปจากเหตุการณ์ในความทรงจำส่วนตัวที่นึกออกทันทีทันใดมาตัดสินว่า ข่าวสารนั้นๆ ถูกหรือผิด โดยไม่คำนึงถึงเหตุผลทางวิทยาศาสตร์หรือสถิติใดๆ
เช่น ข่าวผู้โดยสารรถไฟโดยไม่ซื้อตั๋ว เพราะมาสาย เมื่อขึ้นไปบนรถไฟพนักงานตรวจตั๋วแล้วไม่มีตั๋วจึงโดนเก็บเพิ่มอีกหนึ่งร้อยบาทจากราคาค่าโดยสารจริงเพียงห้าบาท ผู้คนในโลกโซเชียลรุมประณามการกระทำของพนักงานรถไฟ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง หนึ่งร้อยบาทคือค่าปรับตามประกาศของการรถไฟแห่งประเทศไทยพนักงานรถไฟเป็นฝ่ายถูก
2.Controversial : เรามักตกเป็นเหยื่อของการพาดหัวข่าวที่หวือหวา เรามักสนใจประเด็นที่กำลังเป็นที่ถกเถียงในสังคม โดยหารู้ไม่ว่าเรื่องทั้งหมดนั้นอาจถูกกุขึ้น ไม่ก็เป็นเรื่องที่ติดตามไปก็ไม่เกิดประโยชน์อันใดต่อตนและสังคม
เช่น ที่ปรากฏทุกวัน วันละหลายร้อยครั้งในเว็บไซต์หรือเว็บเพจคลิกเบตต่างๆ ที่เน้นพาดหัวด้วยเรื่องแรงที่เป็นเท็จ หลอกให้คนสนใจแล้วคลิกเข้าไปดู เพื่อแลกยอดวิวและบางครั้งล่อให้คลิกเข้าไปเพื่อฝังไวรัส
3.Preconception : แปลง่ายๆได้ว่า อคติ คือการที่เราตัดสินผิดถูกด้วยความเชื่อหรือความชื่นชอบส่วนตัว ไม่ใช่จากความจริง
เช่น การปกป้องหรือเข้าข้างศิลปินหรือคนดังที่ตนชื่นชอบอย่างหน้ามืดตามัวโดยไม่สนใจว่าความเป็นจริงคือ เขาคนนั้นทำผิด เห็นชัดๆ กับกรณีผู้คนที่ออกมาแก้ตัวแทน เสก โลโซ
4.Confirmation Bias : เมื่อไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจเชื่อหรือไม่เชื่อในเรื่องใดๆ ก็มักจะหาข้อมูลเฉพาะในด้านที่สนับสนุนในสิ่งที่ตนเชื่อว่าถูก
5.Escalating of commitment : เมื่อได้แสดงจุดยืนไปแล้ว แต่กลับพบในภายหลังว่าจุดยืนนั้นผิด ก็ยังคงจะดึงดันยืนยันในสิ่งที่ตนประกาศไปแต่แรก ด้วยเพราะกลัวเสียหน้า หรือเพราะหวังว่าเหตุการณ์จะพลิกกลับมาเข้าทางตน
พบได้บ่อยในคอมเม้นท์ในโลกโซเชียลมีเดีย ที่คอมเม้นท์ไปแล้วมาทราบภายหลังว่าที่โพสต์ไปนั้นผิด แต่ก็ไม่ยอมรับผิด ยังคงนั่งยันนอนยันว่าถูก
6.Group polarization : ความเชื่อของแต่ละคนจะยิ่งทวีความสุดขั้วไปในทางของตน เมื่อได้ตัดสินใจร่วมกับกลุ่มคนที่มีความเชื่อเหมือนหรือคล้ายคลึงกัน
เช่น ความเชื่อไปในทางเดียวกันของสมาชิกในกรุ๊ปไลน์ โอ้โห! อันนี้แชร์กระหน่ำ ส่งย้ำกันกระจาย มีการใส่สีตีไข่ย้ำข้อมูลต่อๆ ไปตามๆ กัน
7.Dunning-Kruger Effect : คนที่ไร้ความสามารถมักจะประเมินตนว่าเก่งกาจ ส่วนคนที่เก่งกาจจริงมักประเมินตนว่าไม่มีความรู้ความสามารถมากพอปรากฏการณ์นี้พบเห็นได้ทั่วไปในโพสต์ ในคอมเม้นท์หรือในกระทู้บนโลกอินเตอร์เนต กล่าวคือ โลกเราทุกวันนี้กลาดเกลื่อนไปด้วยผู้เชี่ยวชาญที่คิดเองเออเองทึกทักไปเองว่าตนนั้นเชี่ยวชาญ ศึกษาค้นคว้าเพียงนิดแต่คิดว่ารู้แจ้งแทงตลอดลึกซึ้งครบถ้วนทุกมิติ
เช่น การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ บนโลกโซเชียล ซึ่งมีทั้งตัวจริงและตัวปลอม กูรูเอย เชฟเอย โค้ชเอย นับแทบไม่ถ้วนครับ
8.แชร์เรื่องเท็จแล้วไม่แก้ : นักวิจัยด้านการสื่อสารทดลองปล่อยข่าวเท็จในหัวข้อ “แพทย์ออกโรงเตือนอั้นตดเสี่ยงกรดไหลย้อน” พบว่ามีผู้แชร์ต่อเนื่องกว่า 1.1 ล้านครั้ง ในสามสัปดาห์ แต่เมื่อเฉลยว่าเป็นข่าวปลอม กลับมีผู้แชร์เพื่อแก้ผิดให้เป็นถูกเพียงแค่แสนกว่าครั้ง ต่างกันถึงสิบเท่า อันนี้หลับตาก็นึกภาพออกครับ พวกสื่อเสี้ยม สื่อบิดเบือนทั้งหลายแหล่
9.Filter bubble : ระบบของโซเชียลมีเดียที่จะกรองเอาเฉพาะข้อมูลที่เราชื่นชอบ จากผู้ที่มีแนวคิดเช่นเดียวกับเราขึ้นมาโชว์ในหน้าฟีด กลายเป็นการกำจัดเอาความเห็นต่างออกไปจากสารบบความคิดบีบโลกทัศน์ของทุกผู้ทุกคนให้แคบลง
ปิดท้ายด้วยคำแห่งปี 2016 จากการจัดอันดับโดย Oxford ได้แก่คำว่า “Post truth” แปลเป็นไทยได้ว่า “ความจริงมาทีหลัง” อธิบายปรากฏการณ์รับส่งข้อมูลข่าวสารของมนุษย์ในยุคปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับอารมณ์ความรู้สึกเป็นหลัก ข้อเท็จจริงเป็นรอง
ดังนั้น ก่อนจะรับหรือส่ง ก่อนจะปักใจเชื่อหรือไม่เชื่อก่อนทำซ้ำ ดัดแปลง หรือผลิตใหม่ก่อนส่งสารใดๆ ต่อไปในอนาคต ขอให้ทุกท่านคิดคำนึงถึงปัจจัยเก้าประการข้างต้นไว้ให้จงดี...
พึงระลึกอยู่เสมอทุกวินาทีว่ายุคนี้สมัยนี้ เราทุกคนคือสื่อมวลชน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี