นับเป็นการแสดงจุดยืนท่าทีที่ชัดเจนเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ประกาศตัวยอมรับบทบาทในฐานะนักการเมืองเต็มตัว ขณะเดียวกันก็ไม่ปฏิเสธพร้อมนั่งเก้าอี้นายกฯคนนอกหลังการเลือกตั้งทั่วไปที่คาดว่าจะมีขึ้นในเดือนพ.ย.ปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติมาแล้วเปิดช่องไว้
เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ คิดจะไปต่อบนเส้นทางอำนาจย่อมต้องมีกองหนุนเพื่อเป็นต้นทุน ไปสู่เป้าหมาย ซึ่งกองหนุนสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือศรัทธาจากมหาชนจากผลงานในการแก้ปัญหาสำคัญของประเทศขณะนี้ก็คือปัญหาเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นและปัญหาราคาพืชผลการเกษตรหลายชนิดโดยเฉพาะข้าว ยางพารา และปาล์มน้ำมันที่ตกต่ำ
หากสร้างศรัทธาจากมหาชนไม่สำเร็จโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะไปต่อคงริบหรี่เต็มที ในทางตรงกันข้ามหากสามารถสร้างผลงานเข้าตามหาชนโดยเฉพาะการแก้ปัญหาความยากจนปากท้องของประชาชนระดับรากหญ้าได้สำเร็จก็จะกลายเป็นพลังกองหนุนที่ยิ่งใหญ่ที่หนุนเสริม พล.อ.ประยุทธ์ นั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศต่อไปหลังการเลือกตั้ง
ขณะเดียวกันปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไปต่อได้โดยไม่เผชิญวิกฤติศรัทธาก็คือต้องไม่สะดุดขาตัวเองโดยมีคนในรัฐบาลหรือคสช.ที่ใกล้ชิดกับพล.อ.ประยุทธ์ ตกเป็นข่าวอื้อฉาวส่อไปในทางร่ำรวยผิดปกติโดยเฉพาะกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ที่กำลังถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ตรวจสอบกรณีครอบครองนาฬิกาหรูราคาแพงนับสิบเรือน
ทั้งนี้แม้หากคณะกรรมการป.ป.ช.ซึ่งมี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็นประธานจะสรุปผลตรวจสอบว่า พล.อ.ประวิตร บริสุทธิ์ผุดผ่องด้วยเหตุผลคำชี้แจงที่ไม่ชัดเจนย่อมเป็นตราบาปนำไปสู่วิกฤติศรัทธาของประชาชนที่มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้เนื่องจากพล.ต.อ.วัชรพล นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่า เคยเป็นลูกน้องเก่าของ พล.อ.ประวิตร มาก่อน
นักสังเกตการณ์ทางการเมืองมองว่าแผนไปสู่เก้าอี้นายกฯคนนอกของ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกนับตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ไปจนถึงพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมือง ตลอดจนคำสั่งคสช.ก่อนหน้านี้ที่ให้เซตซีโร่สมาชิกพรรคการเมือง ด้วยการกำหนดให้สมาชิกการเมืองทุกพรรคต้องแสดงเจตจำนงการเป็นสมาชิกพรรคใหม่ทั้งหมดซึ่งถูกมองว่าเป็นการเปิดช่องปูทางให้อดีต สส.พรรคการเมืองต่างๆ ย้ายพรรคไปสังกัดพรรคร่างทรงคสช.
ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ เดินสายพบแกนนำพรรคการเมือง อาทิ ที่จ.สุพรรณบุรี นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา สุโขทัย ก่อนหน้านี้ รวมทั้งภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ถ่ายกับนักการเมืองตระกูล “สะสมทรัพย์” ค่ายพรรคเพื่อไทยอันทรงอิทธิพลของจ.นครปฐมสะท้อนสัญญาณดีลลับเพื่อดูดกลุ่มก๊วนจากพรรคต่างๆ โดยเฉพาะ 2 พรรคใหญ่ คือเพื่อไทยและประชาธิปัตย์เพื่อให้อ่อนกำลังลงให้มากที่สุด อันจะเปิดทางสะดวกแก่ พล.อ.ประยุทธ์ บนเส้นทางสู่เก้าอี้นายกฯคนนอก
อย่างไรก็ตาม ตัวแปรสำคัญที่สุดที่จะเป็นกองหนุนหลักที่จะชี้ชะตาเส้นทางสู่เก้าอี้นายกฯคนนอกของพล.อ.ประยุทธ์หลังการเลือกตั้งก็คือผลงานจะสำเร็จหรือล้มเหลว โดยหากรัฐบาลคสช.ล้มเหลวในการแก้ปัญหาสำคัญของประเทศโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจฐานราก ซ้ำยังเกิดเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตประพฤติมิชอบของคนสำคัญในรัฐบาลจนทำลายความศรัทธาของมหาชน ซึ่งจะส่งผลให้การไปต่อของ พล.อ.ประยุทธ์อาจถึงทางตัน ในทางตรงกันข้ามหากรัฐบาลคสช.สามารถทำผลงานจนเป็นที่ศรัทธาของมหาประชาชน นักการเมืองไม่ว่าพรรคไหนก็ไม่ต้านทานกระแสความต้องการของพลังมหาประชาชนได้ทำให้เหล่านักการเมืองตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าควรจะมีจุดยืนอย่างไร ดังนั้น เวลาเกือบ 1 ปีจากนี้ไป ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งจึงเป็นโอกาสสุดท้ายรัฐบาลคสช.ที่จะต้องสร้างผลงานพิสูจน์ตัวเองซึ่งจะเป็นตัวชี้อนาคตโอกาสการไปต่อของพล.อ.ประยุทธ์และการเดินหน้าภารกิจปฏิรูปประเทศให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ของคสช.
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี