เกิดมาเป็นมนุษย์นั้น ไม่ว่าใครก็ตาม ควรเพียรพยายามที่จะเป็นคนดี ต้องมีสัจจะ พูดจริงทำจริง หรือรักษาคำพูดโดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์ผู้อาสาเข้ามารับใช้ชาติบ้านเมือง มีตำแหน่งหน้าที่ เช่น เป็นผู้นำประเทศ ที่นอกจากจะมุ่งทำการต่างๆเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นสำคัญแล้ว หากได้เอ่ยคำมั่นสัญญาใดๆไว้ต่อสังคมแล้ว ก็ต้องยึดมั่นรักษาไว้ยิ่งชีพ
การรักษาสัจจะนั้น นำมาซึ่งความเคารพ ความเชื่อถือ ผู้ใดที่รักษาคำพูด จึงได้รับความนับหน้าถือตาจากผู้อื่น จะทำการอันใด การให้กำลังใจและแรงสนับสนุนย่อมตามมา และคงอยู่ตราบที่สังคมเห็นว่าเป็นคนตรง คนจริง
และหากประเทศใดได้คนรักษาสัจจะมาเป็นผู้นำแล้ว บ้านเมืองโดยรวมก็จะก้าวหน้า และสังคมก็จะสงบเรียบร้อย เพราะ“พ่อบ้าน”กับ“ลูกบ้าน”อยู่กันด้วยคำมั่นสัญญา และต่างร่วมขับเคลื่อนประเทศไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อพลเมืองและผู้นำสวมหัวใจเดียวกัน แม้รัฐนาวาจะเผชิญกับคลื่นลมรุนแรง หรือความท้าทายมากมาย หรือแม้แต่จะตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย ประเทศชาติก็จะสามารถฟันฝ่าไปได้อย่างไม่ยากเย็น นั่นก็เพราะทุกคนต่างร่วมกันพายเรือไปในทิศทางเดียวกัน เป็นจังหวะเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง
แต่เมื่อวันใดที่กัปตันเรือเริ่มขาดสัจจะ บอกว่าจะไปทิศนี้ แต่กลับเฉไปอีกทางหนึ่ง ความสับสนก็เกิดขึ้น ความสมัครสมานสามัคคีที่เคยมีก็เริ่มสั่นคลอน ส่งผลให้เกิดความแคลงใจและความเบื่อหน่าย และเริ่มแตกแถว เมื่อนั้นทางเดียวที่จะทำให้ลูกเรือยังคงทำหน้าที่ฝีพายและให้ความร่วมมือ ก็จะมีแต่การใช้อำนาจบังคับเอา ซึ่งเมื่อคนเราโดนบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ได้เชื่อมั่น ก็จะทำไปแบบแกนๆ ไม่ได้ใส่ใจ ทำแบบให้พ้นไปวันๆ ความตกต่ำก็จะบังเกิดผลตามมา
ที่ผ่านมา รัฐบาลทหารได้ป่าวประกาศถึงความเลวร้ายของนักการเมืองให้กับประชาชนชาวไทยฟังกันเป็นประจำว่า นักการเมืองนั้นเป็นพวกสับปลับ พูดอย่างทำอย่างเป็นปกติวิสัย ชอบเล่นพรรคเล่นพวก เพื่อเอาประโยชน์เข้าส่วนตน เป็นผู้ทำให้ประเทศชาติเสียหาย
แล้วพอวันเวลาผ่านไป นายทหารผู้มีเกียรติและศักดิ์ศรี ที่กระโจนลงมาแก้ไขปัญหาประเทศ เหตุใดจึงเริ่มโอนเอน มีพฤติกรรมแบบเดียวกันกับที่พวกนักการเมืองที่ได้เคยถูกก่นด่าว่า เป็นนิสัยของคนขาดสัจจะ และกอบโกยผลประโยชน์ชาติ และเหตุใดจึงประกาศว่าเป็นนักการเมืองแล้ว
ซึ่งในกรณีคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้เป็นนายทหารรับราชการอยู่แล้ว ได้อาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศ ได้ประณามและปรามาสนักการเมืองไว้มากมาย แต่เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า “หมดกองหนุนแล้ว” ก็ประกาศว่า ตัวเองเป็นนักการเมือง คำถามที่ตามมาคือ เมื่อเป็นนักการเมือง ก็หมายความว่าคุณประยุทธ์จะมีพฤติกรรมแบบนักการเมือง คือเรื่องสัจจะไม่ต้องพูดถึงใช่หรือไม่
และหากจะจัดประเภทบุคคลหรืออาชีพ ผมก็จะคงต้องบอกว่า คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นเป็นพวก “ทหารการเมือง” (Political Military) มากกว่า
เหตุเพราะ คุณประยุทธ์ แม้จะเกษียณอายุแล้ว แต่ก็ยังมียศติดตัวอยู่ อีกทั้งมีเครือข่ายกับฝ่ายกองทัพมากมายมหาศาล และแน่นอนว่ายังมีอิทธิพลต่อความเป็นไปในกองทัพอีกหลายปี
อีกทั้งการมาเป็นนักการเมืองของคุณประยุทธ์นี้ ก็เสมือนเป็นตัวแทนของกองทัพด้วย และฝ่ายกองทัพก็จะมั่นใจว่า เมื่อคุณประยุทธ์เป็นพวกเดียวกับตนหรือเป็นคนของตน คุณประยุทธ์ก็ต้องปกป้องรักษาและส่งเสริมผลประโยชน์ของกองทัพด้วยอย่างแน่แท้
เท่ากับว่า ฝ่ายกองทัพมีเส้นสายโยงใยเข้ามาในแวดวงทางการเมืองผ่านทางคุณประยุทธ์ คุณประยุทธ์ก็เป็นผู้แทนกองทัพในเวทีการเมือง(Military Representative) ก็เท่ากับว่า กองทัพต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองไทยต่อไปอย่างต่อเนื่องยาวนาน และหากประยุทธ์อยากเล่นการเมืองต่อไป ก็สะท้อนความทะเยอทะยาน การลุ่มหลง ยึดติดกับอำนาจ แต่สัจจะที่ให้ไว้คือ เข้ามาแก้ปัญหาบ้านเมือง แล้วส่งมอบอำนาจ แต่บัดนี้จะเก็บอำนาจต่อไป แล้วสัจจะเล่า
เมื่อพูดถึงสถานะของคุณประยุทธ์กันแล้ว ก็ขอย้อนกลับมาที่คำว่า สัจจะ อีกหน่อย ผ่านกาลเวลาไปจะ 4 ปีแล้ว สังคมกลับเห็นคาตาว่า ที่สัญญากันไว้ว่า ยึดอำนาจเพื่อเข้ามาทำงานเพียงชั่วครู่ชั่วยามนั้น ดูท่าจะไม่จริงเสียแล้ว และการปฏิรูปประเทศแบบสมบูรณ์แบบก็มิได้เกิดขึ้น แต่กลับกลายมาเป็นการปฏิรูปเพื่อต่ออำนาจฝ่ายกองทัพ และคุณประยุทธ์มากกว่า
เมื่อคุณประยุทธ์เป็นนักการเมืองแล้ว ต้องเปิดเวทีประชาธิปไตยและต้องให้นักการเมืองอื่นๆ ปฏิบัติตนได้แบบคุณประยุทธ์ เพื่อความเสมอภาค และความยุติธรรม นักการเมืองที่มีสัจจะ เขาจะได้แสดงตน
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี