คนไทยหลายคนไม่เคยสนใจว่าประเทศไทยโดยรัฐบาลไทยมีหนี้สินมากมายเพียงใด หลายคนเข้าใจว่าหนี้ของรัฐบาล คือเรื่องที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบ แต่บอกได้เลยว่าความคิดเช่นนั้นของ
คนบางกลุ่มบางพวกคือความคิดที่น่าสมเพชมาก เพราะอย่าลืมว่าหนี้ของรัฐบาล หรือหนี้ที่รัฐบาลใดก็ตามก่อไว้ นั่นคือหนี้สินของประชาชนทุกคน และประชาชนทุกคนก็ไม่มีวันปฏิเสธความรับผิดชอบต่อมูลหนี้ดังกล่าวได้
หากคุณต้องการรู้ว่าประเทศไทยโดยรัฐบาลไทยมีหนี้สินจำนวนเท่าไร โปรดดูจาก http://www2.bot.or.th/statistics/ReportPage.aspx?reportID=42&language=th แล้วจะพบว่าหนี้ในประเทศของรัฐบาลเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 มีจำนวน 4,862,423 ล้านบาท ส่วนหนี้ต่างประเทศที่ระบุจนถึงเดือนตุลาคม 2560 อยู่ที่ 84,946 ล้านบาท
หลายคนที่อ้างว่าไม่สนใจเรื่องตัวเลข อาจจะบอกว่าไม่รู้และไม่เข้าใจเรื่องหนี้สินของประเทศ แต่ไม่ว่าจะอ้างอย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าหนี้ของรัฐบาลคือหนี้สินของคนไทยทุกคน และคนไทยทุกคนก็ต้องรับผิดชอบกับมันโดยไม่มีทางปฏิเสธ
รัฐบาลที่มีความรับผิดชอบต่อประชาชน โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้วจะไม่ก่อหนี้สินโดยไม่มีความจำเป็น และทุกครั้งที่จะก่อหนี้สินใดๆ ขึ้นมา รัฐบาลจะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดที่จะตกกับประชาชนเป็นสำคัญ ส่วนในประเทศที่ด้อยพัฒนาที่มีรัฐบาลฉ้อราษฎร์บังหลวงตลอดเวลา รัฐบาลจำพวกนี้จะก่อหนี้สินตลอดเวลา แล้วนำเงินที่ตนเองก่อหนี้ไว้นั้นเข้าพกเข้าห่อของตนเองอย่างไร้ความละอาย
รัฐบาลที่มีความละอายและไม่คิดจะโกงบ้านกินเมืองจะไม่พูดว่าหนี้ของประเทศของเรายังต่ำ เพราะฉะนั้นเรายังสามารถกู้หนี้ยืมสินได้อีกมากมายมหาศาล ขอย้ำว่ารัฐบาลที่ไม่คิดจะโกงบ้านกินเมืองจะไม่บอกว่าการกู้หนี้ยืมสินเป็นเรื่องไม่น่ากลัว รัฐบาลที่ดีมีความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองและต่อประชาชนจะต้องไม่อ้างแบบไร้สติว่า หนี้สาธารณะของประเทศเรายังต่ำ ดังนั้นยังสามารถสร้างหนี้เพิ่มได้อีก
ประเทศไทยก็ตามที่ผู้บริหารประเทศเห็นว่าการสร้างหนี้เป็นเรื่องปรกติธรรมดาสามัญ ขอบอกว่าประเทศนั้นมีความน่าเป็นห่วงมาก
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องผิด และน่ารังเกียจที่รัฐบาลจะมีโครงการพัฒนาประเทศ แต่รัฐบาลก็ต้องสำเหนียกไว้เสมอว่า การพัฒนาประเทศโดยการก่อหนี้ให้กับประเทศไม่ใช่หนทางที่ดีและถูกต้อง แล้วถ้ายิ่งโครงการเหล่านั้นเป็นโครงการฝันกลางแดดด้วยแล้ว การก่อหนี้ให้กับประเทศคือการนำพาประเทศไปสู่ความหายนะโดยแท้
การที่รัฐบาลปล่อยให้คนบางคนในรัฐบาล รวมถึงคนที่ทำงานให้กับรัฐบาลออกมาบอกว่าประเทศของเราจำเป็นต้องก่อหนี้เพื่อนำไปใช้ก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่างๆ นานา โดยฝันหวานแบบไร้ข้อยืนยันว่าจะได้รับผลตอบแทนที่แสนจะงดงาม โดยบางรายบอกว่าต้องระดมเงินทุนผ่านกองทุน Thailand Future Fund รวมถึงการดึงเงินทุนจากนักลงทุนเอกชนในประเทศและเอกชนจากต่างประเทศเข้ามาใช้เพื่อก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และโครงการเมกะโปรเจกท์ต่างๆ ที่วาดฝันเอาไว้อย่างสวยหรู แล้วก็พยายามมโนเอาว่าโครงการดังกล่าวจะให้ผลตอบแทนที่แสนดีอย่างเกินจะบรรยาย ขอถามอีกคำหนึ่งเถอะว่า อะไรคือข้อยืนยันว่าฝันที่คนเหล่านั้นวาดหวังไว้จะกลายเป็นจริงขึ้นมา แล้วถ้าหากฝันสลายกลายเป็นหนี้ก้อนมหึมาขึ้นมาเล่า คนที่ก่อหนี้มหาศาลให้กับประเทศจะรับผิดชอบหรือไม่ เพราะข้อเท็จจริงก็คือ คนก่อหนี้สร้างหนี้ไว้แล้วก็หายหน้าไป ไม่เคยมีคนก่อหนี้หน้าไหนหรือรายใดกลับมารับผิดชอบหนี้ที่ได้สร้างได้เลยแม้แต่รายเดียว แต่สำหรับประชาชนแล้ว ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการชดใช้หนี้ได้ ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลใดๆ ก็ตาม
ประเทศไทยและคนไทยมีหนี้สินอะไรบ้าง
หนี้สินตัวแรกที่รู้จักกันดีคือ หนี้ครัวเรือน ขอย้ำว่าคนไทยส่วนใหญ่มีหนี้ครัวเรือนในอัตราที่สูงมากจนน่าวิตก เมื่อช่วงกลางปี 2560 พบว่าคนไทยมีหนี้ครัวเรือนสูงถึงร้อยละ 78-79 เมื่อเทียบกับ GDP
หนี้ครัวเรือนมาจากไหน ก็มาจากการกู้หนี้ยืมสินของประชาชน เช่น กู้เพื่อซื้อบ้าน กู้เพื่อใช้จ่ายอุปโภคบริโภค หนี้ที่กู้มาเพื่อซื้อรถยนต์ จักรยานยนต์ และข้าวของเครื่องใช้สารพัดชนิดตามแต่จะอ้างว่าจำเป็น รวมถึงหนี้อันเกิดจากการซื้อของเงินผ่อน หนี้บัตรเครดิต แต่ขอบอกว่าหนี้เหล่านี้ยังไม่นับรวมหนี้นอกระบบที่มีจำนวนมหาศาล และก่อให้เกิดปัญหามากมาย อย่างไรก็ตาม หนี้ครัวเรือนจำนวนมากมายนี้เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศกำลังประสบกับปัญหาเรื่องการดำรงชีวิตและการกินการอยู่ในชีวิตประจำวัน ขอบอกให้ทราบว่าประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนสูงมากที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน ถ้าหนี้ตัวนี้ยังสูงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว วันหนึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงไปถึงสถาบันการเงินของประเทศอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
หนี้อีกตัวหนึ่งคือหนี้ของรัฐบาล หรือหนี้สาธารณะภาครัฐ (Public Debt) หนี้ก่อนนี้นับรวมหนี้ของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ หนี้ธนาคารของรัฐที่รัฐบาลค้ำประกัน และหน่วยงานทุกแห่งของรัฐ หนี้เหล่านี้มาจากการกู้ยืมจากทั้งในและนอกประเทศ ประเทศที่มีหนี้สาธารณะมากๆ จะเป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิดของเจ้าหนี้ทุกราย ไม่ว่าจะเป็นธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้เงินกู้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ รวมถึงกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศที่เขามาลงทุนในประเทศไทย ไม่ว่าจะลงทุนโดยตรงหรือโดยอ้อมก็ตาม เหตุที่เขาต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดก็เพราะ เขาเกรงว่าลูกหนี้จะไม่สามารถมีปัญญาชดใช้หนี้สินที่กู้ยืมมาคืนให้เขาได้
หนี้อีกตัวหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือหนี้ที่เอกชนไทยกู้ยืมมาจากต่างประเทศ อาจจะมองว่าเป็นเรื่องดีที่เอกชนของไทยสามารถกู้หนี้จากต่างประเทศได้ด้วยตนเอง เพราะนั่นอาจหมายถึงความ
น่าเชื่อถือที่ต่างประเทศมีให้กับเอกชนของไทย (ตัวเลขก้อนนี้เมื่อช่วงกลางปี 2560 อยู่ที่ 3.6 ล้านล้านบาท) แต่อย่างไรก็ตาม หากเอกชนก่อหนี้ก้อนนี้มากจนเกินความพอดี ก็จะส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศได้โดยมิต้องสงสัย ไม่ต้องดูอะไรอื่นไกลเลย ดูจากเหตุวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ปี 2540 ก็เห็นได้ชัดเจนแล้ว
พูดถึงวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งแล้ว ก็ทำให้คิดได้ว่าเมื่อครั้งนั้นประเทศไทยก็มีหนี้สาธารณะที่สูงไม่เกินร้อยละ 50 ของ GDP
แต่เพราะความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารระบบเศรษฐกิจของประเทศจึงทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยพังพินาศอย่างที่ได้ประสบกันมาแล้ว
เพราะฉะนั้นจึงขอยืนยันว่ารัฐบาลและคนของรัฐบาลไม่ควรจะส่งเสริมให้ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะมากเกินไป แล้วก็เลิกอ้างเสียทีเถอะว่าหนี้สาธารณะของบ้านเรายังต่ำ ยังสามารถกู้ได้อีกมาก กู้ได้จนถึงระดับร้อยละ 60 ของ GDP
รัฐบาลไทยและคนของรัฐบาลไทยบางรายเข้าขั้นเกิดอาการเสียสติ เพราะชอบอ้างว่าไทยเรายังมีหนี้สาธารณะน้อยมาก แล้วก็มักจะชอบนำไทยไปเปรียบเทียบกับญี่ปุ่น โดยอ้างแบบหาผลประโยชน์เข้าตนเองว่า ญี่ปุ่นมีหนี้สาธารณะสูงถึงร้อยละ 150 แล้วของไทยมีไม่ถึงร้อยละ 50 ดังนั้นไทยจึงยังสามารถกู้หนี้ยืมสินได้อีกมากมาย
การอ้างแบบนั้นคือการอ้างที่ไม่ดูความเป็นจริงและดูข้อจำกัดของตัวเอง ขอถามตรงๆ เถอะว่า เศรษฐกิจไทยเทียบกับเศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้ตรงไหนบ้าง คนที่พยายามจะก่อหนี้สาธารณะให้ประเทศไทยต้องตอบคำถามนี้ให้ชัดเจนก่อนเป็นอันดับแรก แล้วก็โปรดอย่าเพ้อให้มากจนกลายเป็นคนเสียสติ
ขอย้ำอีกครั้งก่อนจากลากันในสัปดาห์นี้ว่า ไม่ผิดที่รัฐบาลจะคิดพัฒนาประเทศชาติด้วยการสร้างระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานให้ดีและสมบูรณ์ แต่รัฐบาลก็ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า จะนำเงินจากไหนไปก่อสร้างโครงการเหล่านั้น หากตอบว่ามาจากการกู้หนี้ยืมสิน คำถามคือ แน่ใจหรือว่ากู้หนี้ยืมสินมาแล้ว นำไปสร้างโครงการต่างๆ ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยเงินจำนวนมากไม่หล่นหายไปเข้ากระเป๋าของใครบางคน ส่วนการอ้างว่าต้องระดมเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติเพื่อการนี้ ก็มีคำถามเหมือนเดิมว่า ทำไมนักลงทุนต่างชาติจะต้องเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ลงทุนแล้วเขาได้อะไรตอบแทน อย่าลืมว่านักลงทุนต่างชาติไม่ใช่นักบุญ เขาลงทุน เขาก็ต้องการกำไรสูงสุด แล้วคนไทยพร้อมที่จะกลายเป็นเหยื่อของการแสวงหากำไรของนักลงทุน เช่นนั้นหรือ
รัฐบาลต้องตอบคำถามเหล่านี้กระจ่างชัดก่อนจะลงมือสร้างหนี้ ไม่ว่าจะก้อนใหญ่หรือก้อนเล็กให้กับประเทศและประชาชน ถ้าหากรัฐบาลใดสร้างหนี้แล้วรัฐบาลนั้นเป็นผู้ชดใช้หนี้ คำถามเหล่านี้ก็จะไม่ออกมาจากปากของประชาชน แต่เพราะประชาชนรู้ดีมาโดยตลอดว่า รัฐบาลสร้างหนี้แล้วก็หนีหายไปโดยปราศจากความรับผิดชอบ แล้วทำไมประชาชนต้องทนใช้หนี้ให้กับรัฐบาล รัฐบาลต้องตอบคำถามนี้ให้ชัด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี