ฟังดูอาจจะเหมือนกันแต่ความจริงแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เพราะกองทุนหมู่บ้านเป็นสถาบันการเงินของประชาชนที่เกิดจากความต้องการของประชาชนโดยประชาชนเพื่อประชาชน
ที่สำคัญคือประชาชนเป็นคนบริหารเงินภาษีอากรที่รัฐเก็บจากประชาชนแล้วส่งคืนไปให้ประชาชนเป็นผู้บริหารจัดการกันเอง เป็นการกระจายอำนาจของรัฐบาลและงบประมาณลงไปที่หมู่บ้านแล้วให้ประชาชนเป็นผู้บริหารจัดการ โดยส่วนราชการไม่มีสิทธิ์หรืออำนาจเข้าไปก้าวก่ายหรือสั่งการใดใด เพราะกฎหมายกองทุนหมู่บ้านให้อำนาจประชาชนในการกำหนดเงื่อนไขกติการูปแบบและระเบียบการบริหารจัดการผ่านกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนในแต่ละชุมชนหมู่บ้านซึ่งมีความต้องการและความจำเป็นที่แตกต่างกัน
ในทางตรงกันข้าม สถาบันการเงินประชาชนที่กำลังจะออกมาเป็นกฎหมายใหม่นั้นเป็นเรื่องของการที่จะรวบอำนาจการบริหารจัดการเรื่องเงินที่รัฐจัดให้และเงินออมของประชาชน ในชุมชนหมู่บ้านกลับมาให้ธนาคารของรัฐบาลเข้าไปบริหารจัดการเงินของประชาชน ตามมาตรการ เงื่อนไขและระเบียบที่ทางราชการกำหนด
กองทุนหมู่บ้านไม่ใช่โครงการประชานิยม เพราะจุดกำเนิดของกองทุนหมู่บ้านไม่ได้เกิดจากพรรคการเมืองตั้งแต่แรก
ที่มาของกองทุนหมู่บ้านเริ่มต้นจากความเดือดร้อน ยากจนและความจำเป็น จากการที่ได้ไปเห็นและได้สัมผัสกับเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นที่ตำบลทรายมูล อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่นเมื่อเห็นแม่บ้านคนหนึ่งหอบปี๊บถั่วลิสงเพิ่งขุดมาจากไร่นำมาขายให้กับกำนันที่ผมกำลังนั่งคุยอยู่ เห็นกำนันส่งเงินให้ 20 บาทเป็น ค่าถั่วลิสงที่นำมาขาย จึงหันไปถามแม่บ้านว่าทำไมเอามาขายแค่ 20 บาท ซึ่งได้รับคำตอบว่าพรุ่งนี้ลูกชายจะต้องไปรับหมายเรียกกับสัสดีอำเภอไม่มีเงินค่ารถให้ลูก ลองคิดดูว่าเงินเพียง 20 บาทยังไม่มีติดบ้านชาวบ้านเขาเดือดร้อนแค่ไหน นอกจากนั้นยังเคยเห็นอีกว่าชาวบ้านเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยจะไปโรงพยาบาลต้องวิ่งหยิบยืมเงินจากญาติพี่น้องเพื่อนฝูงในหมู่บ้านเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาและค่ารถไม่กี่ร้อยบาท สิ่งที่ได้พบเห็นจึงได้สร้างแรงบันดาลใจให้หาวิธีการแก้ไขให้กับชาวบ้านที่มีความเดือดร้อนจำเป็น
จึงทำให้เกิดแนวคิดในการก่อตั้ง“กองทุนแม่บ้านอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น”ขึ้น โดยเริ่มต้นจากเงินส่วนตัวที่จัดให้ทุกหมู่บ้านในเขตอำเภอน้ำพอง หมู่บ้านละ 2,000 บาท เท่ากันทุกหมู่บ้านโดยมอบหมายให้กลุ่มแม่บ้านในแต่ละหมู่บ้านเป็นผู้รับผิดชอบบริหารจัดการกันเอง โดยมี เงื่อนไขกติกาเพียงว่าให้มีการประชุมปรึกษาหารือกันว่าจะมีการบริหารจัดการเงินจำนวนนี้อย่างไร เช่น เพื่อช่วยเหลือแก้ไขปัญหาในยามจำเป็นฉุกเฉินเร่งด่วนหรือใช้ในการสร้างอาชีพสร้างรายได้ จะเก็บดอกเบี้ยหรือไม่เก็บก็ได้แต่ที่สำคัญต้องมีการจัดทำระบบบัญชีเพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ว่าเงินอยู่ที่ใคร
ในเวลาที่ผมแวะเข้ามาเยี่ยม ผมไม่ต้องการเงินจำนวนนี้คืนแต่ต้องการให้เป็นเงินทุนหมุนเวียนอยู่ในหมู่บ้านตลอดไป หลังจากนั้นพบว่า จำนวนเงินจาก 2,000 บาทที่ให้ไปมีการเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นหลาย 1,000 บาทบางแห่งมีมากถึง 10,000 กว่าบาทสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กองทุนแม่บ้านเกิดความเข้มแข็งเพราะคณะกรรมการพัฒนาสตรีระดับอำเภอ ซึ่งคณะกรรมการระดับหมู่บ้านและตำบลเป็นคนคัดเลือกเข้ามา ได้เข้ามาช่วยในการติดตามอย่างใกล้ชิดจึงทำให้กองทุนเกิดความเข้มแข็งและกลุ่มแม่บ้านเองยังเกิดความคิดในการสร้างหลักประกันกรณีผู้กู้เสียชีวิต โดยการจัดตั้งกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์แม่บ้านอำเภอน้ำพองขึ้นซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดีเพราะเมื่อผู้กู้เสียชีวิตก็จะมีเงินใช้คืนให้กับกองทุนแม่บ้านมีเหลือในการจัดงานศพแล้วยังมีเหลือเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัวอีกด้วย
หลังจากดำเนินโครงการนี้มาหลายปีจนเห็นว่ามีความมั่นคงแข็งแรงและสามารถที่จะขยายไปในระดับหมู่บ้าน ทั่วประเทศได้จึงได้พยายามนำเสนอนโยบายกองทุนหมู่บ้านในนามพรรคกิจสังคมแต่เนื่องจากเป็นพรรคการเมืองที่เล็กจึงไม่สามารถผลักดันเป็นนโยบายของรัฐบาลได้แต่ก็ไม่เคยหยุดยั้งความคิดและได้พยายามผลักดันในทุกรัฐบาล ครั้งแรกเคยเสนอในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ หลังจากเหตุการณ์วิกฤติต้มยำกุ้งได้เสนอให้ใช้เงินกู้มิยาซาว่าในการจัดตั้งกองทุนหมู่บ้าน หมู่บ้านละไม่กี่ 100,000 บาทเพราะเห็นว่าเงินกู้มีจำนวนจำกัด แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ
จนในที่สุดได้รับความสนใจจากพรรคไทยรักไทยที่เห็นด้วยและนำเอานโยบายนี้ไปเป็นนโยบายของพรรคเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลผมจึงได้รับมอบหมายให้ดำเนินการจัดตั้งกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองขึ้นในทันที
สุวิทย์ คุณกิตติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี