ต่อภัสสร์:เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเห็นพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์หลายฉบับและในสื่อออนไลน์หลายแห่งว่า “ไทยถอนตัวจากการจัดอันดับทุจริตโลก” บางแห่งก็ว่า “ไทยถอนตัวจากองค์กรโปร่งใสนานาชาติเหตุตัวชี้วัดไม่สอดคล้องความจริงในไทย” อ่านพาดหัวข่าวแบบนี้แล้วหดหู่ยังไงไม่รู้นะครับ เหมือนว่าประเทศไทยเราไม่ยอมรับความเป็นจริง พอต่างชาติมองว่าเราโกงมาก ก็เลยลาออกเสียอย่างนั้น และยังท้อถอยง่ายเสียอีก ไม่ยอมสู้ต่อไปเพื่อเอาชนะคอร์รัปชันให้ได้
ต่อตระกูล: อย่าเพิ่งด่วนสรุปเพียงอ่านแค่พาดหัวข่าวที่ตีความเนื้อหาที่แท้จริงอย่างคลาดเคลื่อนอย่างที่เห็นหลายคนในเฟซบุ๊คเอาข่าวมาแชร์โดยให้ความเห็นอย่างหมดความหวังกับการต่อสู้กับคอร์รัปชันในประเทศไทย บทความตอนนี้
จึงขออธิบายความจริงของเรื่องนี้ โดยขอนำแถลงการมูลนิธิองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2561 มาเริ่มชี้แจง
แถลงการณ์มูลนิธิองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย
.....................................
มูลนิธิองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติมาตั้งแต่ปี พ.ศ 2543 ต่อมาได้ลาออกจากการเป็นองค์กรสมาชิกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 เนื่องจากมีเงื่อนไขบางอย่างที่เราไม่สามารถปฏิบัติได้ แต่มูลนิธิฯก็ยังคงมีสายสัมพันธ์และมิตรภาพอันดีกับองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ และพร้อมที่จะทำงานร่วมกันในบางเรื่อง
โดยปกติแล้วการเผยแพร่ผลการจัดอันดับภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (Corruption Perception Index - CPI) จะเป็นการดำเนินการผ่านองค์กรสมาชิกขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติในประเทศต่างๆที่จะเปิดเผยผลการจัดอันดับพร้อมกันทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมามูลนิธิของเราเป็นเพียงผู้เผยแพร่ผลการจัดอันดับดังกล่าวและไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการศึกษาเอง การลาออกของมูลนิธิฯ จึงไม่ได้มีผลต่อการศึกษาเพื่อจัดอันดับภาพลักษณ์คอร์รัปชันแต่อย่างใด องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติก็ยังทำหน้าที่ศึกษาและประมวลผลคะแนนเช่นเดิม
มูลนิธิองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมความโปร่งใส และสร้างค่านิยม ปลูกจิตสำนึกที่ช่วยต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันในรูปแบบต่างๆ
มูลนิธิองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย
จากแถลงการณ์ข้างบนนี้ จะเห็นได้ว่าการลาออกจากการเป็นสมาชิกองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ หรือ Transparency International (TI) นั้นไม่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ผลการจัดอันดับภาพลักษณ์คอร์รัปชัน หรือ Corruption Perception Index (CPI) แต่อย่างใด โดยในปีนี้ TI ก็เพิ่งจะแถลงว่า จะประกาศผลCPI ของปี 2560 พร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561 นี้ ซึ่งเราก็ต้องมาลุ้นกันว่าผลจากโครงการต่อต้านคอร์รัปชันต่างๆที่เราผลักดันให้เกิดขึ้นมากมายเมื่อปีที่ผ่านมาจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นของประเทศไทยหรือไม่ หรือจะถูกกลบด้วยข่าวแง่ลบไปเสียจนหมด และหลังจากมีการประกาศคะแนนออกมาแล้ว ต่อภัสสร์และผมจะต้องมาเขียนบทวิเคราะห์ให้ทุกท่านได้อ่านกันแน่นอนครับ
ต่อภัสสร์: แล้ว TI นี่คืออะไร แล้วเขาทำอะไร ถึงได้รับความสนใจขนาดนี้ครับ
ต่อตระกูล: TI หรือองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติเป็นองค์กรที่ทำงานสนับสนุนงานต่อต้านคอร์รัปชันทั่วโลก ด้วยการพัฒนาองค์ความรู้และสร้างเครื่องมือต่างๆ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือที่องค์กรพัฒนาขึ้นมาและได้รับการยอมรับจากทั่วโลกก็คือ ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (CPI) ที่ใช้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชันของประเทศต่างๆทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 จนถึงปัจจุบัน TI มีสำนักงานเลขาธิการองค์กรอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และมีองค์กรสมาชิกอย่างเป็นทางการในประเทศต่างๆกว่า 100 ประเทศ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนองค์กรในประเทศนั้นๆ และเผยแพร่ข้อมูลต่างๆอย่างทั่วถึง โดยก่อนหน้านี้มูลนิธิเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทยทำหน้าที่เป็นองค์กรสมาชิกตัวแทนสำหรับประเทศไทย
ต่อภัสสร์: แล้วมูลนิธิเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทยนี้มีที่มาอย่างไร และเมื่อลาออกแล้วก็คือเลิกทำงานไปเลยหรือครับ
ต่อตระกูล: มูลนิธิเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทยนี้ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2543 โดยมีคุณอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานฯ และมี รศ.ดร.จุรี วิจิตรวาทการ เป็นเลขาธิการ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในสังคมไทย โดยมุ่งผนึกกำลังของปัจเจกบุคคลและองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน สื่อมวลชน ตลอดจนองค์กรภาคประชาสังคมอื่นๆ เพื่อให้การต่อต้านคอร์รัปชันประสบผลสำเร็จ โดยมีผลงานสำคัญที่เราคุ้นหูกันคือโครงการโตไปไม่โกง และแม้มูลนิธิฯจะลาออกจากการเป็นสมาชิกองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติแล้ว แต่ก็แถลงไว้ว่าจะยังทำงานต่อสู้กับคอร์รัปชันอยู่อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ผมมีความเห็นว่าไทยจำเป็นจะต้องมีองค์กรที่ทำหน้าที่เป็นสมาชิกตัวแทนของ TI ต่อไปแทนมูลนิธิฯ เพื่อประสานนำความรู้จากนานาชาติมาแก้ไขปัญหาในประเทศไทยและเผยแพร่ข้อมูลที่แท้จริงของไทยไปทั่วโลก เพราะปัจจุบันองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาตินั้นยังได้รับความเชื่อถือจากทั่วโลกอยู่มาก ดังนั้น ถ้ามูลนิธิฯ สามารถชี้แจงเพิ่มเติมได้ว่าเหตุผลที่ลาออก “เนื่องจากมีเงื่อนไขบางอย่างที่เราไม่สามารถปฏิบัติได้” นั้นคืออะไร ก็จะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรอื่นที่จะอาสาเข้ามาทำหน้าที่นี้ต่อได้มาก
ต่อภัสสร์: อีกประเด็นหนึ่งคือที่มูลนิธิฯชี้แจงว่า CPI นี้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของประเทศไทยนั้นจริงหรือครับ แล้วอย่างนี้เราควรจะเชื่อถือดัชนีตัวนี้กันอยู่หรือไม่
ต่อตระกูล: นักวิชาการทั่วโลกก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ข้อจำกัดที่ทำให้ผลไม่สะท้อนกับความเป็นจริงทั้งหมด โดยเฉพาะผลจากความพยายามของภาครัฐและประชาชนในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันผ่านโครงการและเครื่องมือใหม่ๆ ในแต่ละปี เห็นได้จากการที่ไม่มีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเลย โดยเฉพาะในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมาที่มีโครงการใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายก็ตาม โดยเฉพาะในปีล่าสุดคือปี 2559 ที่ผลออกมาแย่ลงอีก เข้าใจว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะ TI เพิ่มปัจจัยเรื่องความเป็นประชาธิปไตยเข้ามาด้วย ทำให้ประเทศไทยที่มีรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติได้คะแนนย่ำแย่มากในส่วนนี้
ต่อภัสสร์: ปัจจัยที่ TI เพิ่มเข้ามาในการคำนวณ CPI ในปีที่แล้วนั้น คือ Variety of Democracy Project 2016 ซึ่งวัดความเป็นประชาธิปไตยในหลายๆแง่มุม รวมไปถึงความรุนแรงของการคอร์รัปชันทางการเมืองด้วย ไม่ใช่แค่การเลือกตั้งเท่านั้น นั่นแสดงว่า การที่ไทยมีรัฐบาลมาจากการปฏิวัติหรือไม่ได้มีการเลือกตั้งนั้น ไม่ได้เป็นผลให้คะแนน CPI โดยรวมย่ำแย่เช่นนี้ แต่เป็นเพราะไทยมีข้อจำกัดในประเด็นอื่นๆ เช่น สิทธิเสรีภาพของประชาชน รวมทั้งการมีระดับการคอร์รัปชันทางการเมืองที่รุนแรงด้วย จึงทำให้คะแนนในปีที่แล้วลดต่ำลง
ต่อตระกูล: ดังนั้น ผมจึงขอสรุปว่า หนึ่ง ไทยไม่ได้ถอนตัวจากการจัดอันดับทุจริตโลก โดยในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561 นี้ TI จะประกาศผล CPI ออกมาพร้อมกันทั่วโลก สอง แม้ CPI จะมีข้อด้อยทำให้ไม่สะท้อนสภาพที่แท้จริงทั้งหมด แต่ตราบใดที่เรายังไม่มีเครื่องมือวิเศษที่สามารถวัดระดับการคอร์รัปชันโดยสมบูรณ์ได้ เราก็คงยังต้องพึ่งพา CPI นี้อยู่และสาม แม้มูลนิธิเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทยจะลาออกจากความเป็นสมาชิก TI แล้ว แต่ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อสู้กับการคอร์รัปชันในประเทศไทยพร้อมๆ กับอีกหลายองค์กรทั่วประเทศครับ
รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี