พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กับคณะทหารอาสาเข้ามายุติการจลาจลเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 ซึ่งสถานการณ์ในขณะนั้น เกือบทำให้ประเทศไทยกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลว
เหตุการณ์ในขณะนั้นกล่าวได้ว่า พลเอกประยุทธ์ ในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก เป็น “พระเอกขี่ม้าขาว”เข้ามาแก้สถานการณ์ถูกต้องทั้งเวลาและสถานการณ์ ทำให้สังคมไทยก้าวพ้นวิกฤติทางการเมืองอย่างน่ายกย่อง
จนกระทั่งเวลาผ่านพ้นมาเกือบ 4 ปีแล้วคณะปฏิวัติซึ่งเป็นองค์อธิปัตย์ได้เตรียมการคืนอำนาจการปกครองให้เป็นไปตามครรลองระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนชาวไทยใฝ่หา ตามขั้นตอน ด้วยการประกาศใช้รัฐธรรมนูญอันเป็นแม่บทเรียบร้อยแล้ว แม้จะเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์หรือเรียกว่า “ประชาธิปไตยครึ่งใบ” แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยอมรับได้
หลังจากนั้นก็มีการประกาศใช้กติกาประกอบรัฐธรรมนูญ หรือเรียกว่ากฎหมายลูกจนเกือบจะเสร็จสิ้นจนถึงวาระที่จะดำเนินการในทางปฏิบัติซึ่งองค์อธิปัตย์ประกาศระยะเวลาที่เรียกว่า “โรดแมป” ถือเป็นคำมั่นสัญญาแม้จะไม่ได้เป็นลายลักษณ์อักษรก็ตาม
นอกจากนี้เมื่อพลเอกประยุทธ์ ประกาศตัวว่า เป็นนักการเมือง (ซึ่งความจริงในทางรัฐศาสตร์ท่านเป็นนักการเมืองตั้งแต่วันที่เป็นองค์อธิปัตย์แล้ว) คงจะหมายถึงจะทำงานการเมืองต่อไปภายหลังการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ พูดตรงๆ ก็คือ เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก และเตรียมการที่ยอมรับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองทั้งเก่าและพรรคที่จะตั้งขึ้นใหม่
เมื่อกล่าวถึงพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาใหม่ก็อดนึกถึงอดีตไม่ได้ว่าผู้นำทหารที่เป็นองค์อธิปัตย์ เช่น จอมพล ป.พิบูลสงคราม มีการตั้งพรรคเสรีมนังคศิลา และอีกหลายคนที่เป็นทหารก็ตั้งพรรคหนุนหลัง มักจะเป็นพรรคเฉพาะกิจไม่ยืนยงคงอยู่ อย่างไรก็ดี สภาพสังคมการเมืองปัจจุบันอาจเปลี่ยนไปในทางที่ดี จึงหวังว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาซึ่งจะสืบทอดอำนาจจากการเป็นรัฐบาลภายใต้รัฐประหารก็ดี พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นใหม่เพื่อสนับสนุนท่านก็ดีจะสามารถนำสังคมการเมืองไทยตามระบอบประชาธิปไตยส่วนพรรคการเมืองก็ยังคงเป็นพรรคที่ถาวร มิใช่พรรคเฉพาะกิจ เพื่อสานต่อให้การเมืองไทยมีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยเฉกเช่นประเทศตะวันตกและประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย
สุดท้ายนี้ ใคร่ขอกล่าวถึงท่านอาจารย์อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ผู้อำนวยการ นิด้าโพล อันมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ ต้องประกาศสละตำแหน่งเนื่องจากความกดดันจากมือที่มองไม่เห็น การลาออกของท่าน ผู้เขียนในฐานะนักวิชาการด้วยกันขอแสดงความเห็นใจและสนับสนุนการกระทำของท่านตลอดมาโดยเฉพาะนิด้าเป็นสถาบันการศึกษาระดับสูงที่ก้าวหน้าและทันสมัย โดยเฉพาะในสมัยที่ ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์เป็นอธิการบดี จึงขอแสดงความเสียใจและในเวลาเดียวกันก็แสดงความยินดีที่อาจารย์อานนท์ เป็นนักวิชาการที่แท้จริง สมควรแก่การยกย่อง
ก่อนจบใคร่ขอฝากข้อคิดถึงนักการเมืองไทยว่า เนื่องจากโลกปัจจุบันเป็นยุคดิจิทัลข่าวต่างๆที่เกิดขึ้นจึงรวดเร็วและแพร่หลายได้ง่าย พฤติกรรมที่เคยสามารถปกปิดได้ ก็ไม่เหมือนเดิม พฤติกรรมของท่านจะถูกเปิดเผยโดยง่ายและรวดเร็ว ฉะนั้นจึงฝากสุภาษิตที่ว่า “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง”ไว้ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต่อบ้านเมืองระลึกว่า สิ่งที่ท่านได้กระทำ จะเป็นไปตามสุภาษิต กรรมย่อมสนองกรรม อย่างแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี