สัปดาห์ที่ผ่านมานี้มีเรื่องดังอันเป็นผลร้าย
ผลกรรมของชาติจากนโยบายประชานิยมหลอกลวงประชาชนของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
ที่ออกนโยบายมาเพื่อรอรับเงินส่วนต่างรายทางให้กับพวกพ้อง ลูกน้องและสมุนโจร
จำนำข้าว อย่างที่ทราบกันดีว่าโกงมหาศาล มโหฬาร ศาลก็พิพากษาแล้วว่าพบหลักฐาน “โกงจริง” อดีตรัฐมนตรีที่ดูแลโครงการนี้โดยตรงก็เข้าคุกไปแล้ว เหลือก็แต่แค่คนตระกูลชินวัตรที่ “หนีเก่ง” หลุดรอดพ้นจากเงื้อมมือของกฎหมายไทยไปได้อีกตามเคย เขาบอกว่า คุกมีไว้ขังคนจน ก็ตรงนี้แหละครับ ที่คนในตระกูลชินวัตรไม่เคยต้องติดคุกเลยแม้แต่คนเดียว
อีกเรื่องหนึ่งคือประเด็น รถคันแรก ที่ล่าสุด สตง.ถึงกับต้องออกโรงตรวจอย่างละเอียด แล้วพบว่า มีรถยนต์จากโครงการรถคันแรกที่ก่อหนี้ให้แก่ประชาชนจากการสร้าง Demand เทียม มูลค่าภาษีของชาติรวมที่เสียไปกว่า 9 หมื่นล้านพบว่า รถคันแรกในวันนั้น ป่วนชาติ รวนชีวิตประชาชนมาจนถึงวันนี้
แล้วทั้งสองนโยบายร้ายเหล่านี้ก็ทิ้งความเป็น “เจ้าหนี้”ไว้ให้แก่คนไทย ที่เฝ้ารอแต่ว่าเมื่อไหร่หน่วยงานรัฐจะไปตามเอาเงินคืนมาได้จากยิ่งลักษณ์ เพราะว่า ล่าสุดก็มีรายงานพบอีกว่า...ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินหายไปเกือบหมดแล้ว พูดง่ายๆ คือเงินที่จะให้ยึดเป็นของแผ่นดินจากที่มี หายไป 92%
หมอวรงค์ ที่ท่านได้ทำงานเกาะติดจำนำข้าวมาตั้งแต่ต้น ยื่นเรื่องฟ้องศาลจากการทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรก็ได้กรุณา เอาคำศาลท่านมาสรุปให้ฟังง่ายๆ เป็นรายละเอียดไล่ตาม Timeline
………………………………………
ยิ่งลักษณ์มีพฤติการณ์ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน
เหตุผลหนึ่งที่ศาลปกครองยกคำร้องคำขอทุเลาการบังคับคำสั่งทางปกครองของยิ่งลักษณ์ต่อการปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและนำไปสู่ความเสียหายที่นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องชดใช้ 3.5 หมื่นล้านบาท นั่นคือ นางสาวยิ่งลักษณ์มีพฤติการณ์ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินสรุปไว้ได้ดังนี้…
เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการยึดทรัพย์นางสาวยิ่งลักษณ์ทั้งสิ้น
1.บัญชีเงินฝากรวม 16 บัญชี
2. อายัดเงินส่วนแบ่งทรัพย์สินในคดีล้มละลายของศาลล้มละลายกลาง
3.ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและห้องชุดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและสมุทรปราการ จำนวน 37 รายการ โดยมีราคาประเมินรวมทั้งสิ้น 176,258,934.50 บาท
มีข้อเท็จจริงว่าในส่วนของบัญชีเงินฝากที่กรมบังคับคดีได้ทำการอายัดไว้มีทั้งหมด 16 บัญชี กรมบังคับคดีได้ชี้แจงต่อศาลว่า ตามบัญชีแสดงรายการทรัพย์และหนี้สินของนางสาวยิ่งลักษณ์ที่ยื่นต่อคณะกรรมการป.ป.ช. เมื่อพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปีมีจำนวนเงินรวม 24,908,420.28 บาท เปรียบเทียบกับการอายัดเงินฝากในธนาคารของกรมบังคับคดี 16 บัญชี มีจำนวน 1,969,884.31 บาทลดลงจากเดิมจำนวน 22,938,535.97 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 92.09
ซึ่งเงินที่หายไปจำนวนมากเช่นนี้ เมื่อมีการชี้แจงข้อมูลต่อศาล ศาลได้แจ้งข้อมูลดังกล่าวแก่นางสาวยิ่งลักษณ์ แต่นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ได้ชี้แจงหรือโต้แย้งใดๆ ศาลปกครองได้ลงความเห็นว่า กรณีจึงน่าเชื่อได้ว่านางสาวยิ่งลักษณ์มีพฤติการณ์ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินดังกล่าวจริง
การยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของนางสาวยิ่งลักษณ์จึงเป็นหนึ่งในเหตุที่ศาลปกครองยกคำร้องการขอทุเลาการบังคับคำสั่งทางปกครอง
ตารางเวลาที่น่าสนใจในคดียึดทรัพย์นางสาวยิ่งลักษณ์
วันที่ 13 ตุลาคม 2559 ออกคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351/2559 ให้นางสาวยิ่งลักษณ์รับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะในส่วนของตนเองร้อยละ 20 เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท
วันที่ 13 ตุลาคม 2559 กระทรวงการคลังมีหนังสือด่วนที่สุด ที่กค.0201/ล 2560 แจ้งให้นางสาวยิ่งลักษณ์ทราบ
วันที่ 27 ตุลาคม 2559 นางสาวยิ่งลักษณ์ทำหนังสือโต้แย้งความไม่ชอบของคำสั่งดังกล่าว
นางสาวยิ่งลักษณ์มีหนังสือ 29 ธค.2559 ขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับคดีมาพร้อมคำฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับคดีตามคำสั่ง กระทรวงการคลังลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 (ศาลมีคำสั่ง 10 เมษายน 2560 ยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง)
วันที่ 4 มกราคม 2560 มีหนังสือกระทรวงการคลังด่วนที่สุดที่ กค 0206/44 แจ้งเตือนนางสาวยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนภายใน 15 วัน โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ได้รับหนังสือวันที่ 7 มกราคม 2560 และครบกำหนดตามเวลาที่กำหนด
วันที่ 13 กรกฎาคม 2560 กระทรวงการคลังได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขอให้อายัดบัญชีเงินฝากของนางสาวยิ่งลักษณ์ 16 บัญชีและได้ดำเนินการในวันเดียวกัน
วันที่ 18 กรกฎาคม 2560 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยื่นหนังสือถึงเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เพื่อขออายัดเงินส่วนแบ่งทรัพย์สินในคดีล้มละลายของศาลล้มละลายกลาง คดีหมายเลขดำ
ที่ ล.13430/2552
นางสาวยิ่งลักษณ์มีหนังสือ 19 กรกฎาคม 2560 ขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งก.การคลังลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ไว้เป็นการชั่วคราวก่อนการพิพากษา
วันที่ 25 กรกฎาคม 2560 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการยึดทรัพย์ของนางสาวยิ่งลักษณ์รวม 37 รายการตามคำขอของกระทรวงการคลังโดยมีราคาประเมินรวมทั้งสิ้น 176,258,934.50 บาทประกอบด้วย
1.ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 4 รายการ
2.ที่ดินว่างเปล่า 3 รายการ
3.ห้องชุด 30 รายการ
วันที่ 7 สิงหาคม 2560 กรมบังคับคดีได้มีหนังสือด่วนที่สุดที่ ยธ0501/5823 ถึงกระทรวงการคลังว่านางสาวยิ่งลักษณ์มีพฤติการณ์ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปเสียแล้วแล้ว!!!!
(ขอบคุณหมอวรงค์สำหรับสรุป Timeline ยิ่งลักษณ์ถ่ายเททรัพย์สินนะครับ)
เมื่อมีการชี้แจงข้อมูลต่อศาลศาลได้แจ้งข้อมูลดังกล่าวแก่นางสาวยิ่งลักษณ์ แต่นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ได้ชี้แจงหรือโต้แย้งใดๆ
แสบมั้ยล่ะครับแบบนี้
จำนำข้าวใช้เงินภาษีในการรับจำนำข้าวกว่า 9 แสนล้านบาท เจ๊งชัวร์ 7 แสนล้าน กระทรวงการคลังใช้คำสุภาพว่า ขาดทุนทางบัญชี 5 แสนล้าน และมีมูลค่าเสียหาย 2 แสนกว่าล้าน แต่ยิ่งลักษณ์เองต้องชดใช้แค่ 3.5 หมื่นล้านบาทน้อยกว่าเงินที่เอาภาษีประชาชนไปผลาญตั้งเยอะ
อีกเรื่องที่เกริ่นไว้ตั้งแต่ตอนต้นก็คือ “รถคันแรก” ประชานิยมพ่นพิษเหมือนกัน สรุปสั้นได้ดังนี้ครับ
รถคันแรกนโยบายประชานิยมยิ่งลักษณ์ป่วนจนวินาทีสุดท้าย ประชาชนกว่าแสนรายขายต่อรถคันแรกไม่ได้เพราะผิดเกณฑ์สตง.ตั้งแต่ต้น สรุปเป็นข้อๆ สั้นๆ ได้ว่า รถคันแรกผลาญงบ 9 หมื่นล้านบาทดำเนินการ 2554-2555 คาบเกี่ยวระหว่างปีนี้ เกณฑ์สำคัญคือต้องครอบครองรถเกิน 5 ปี ห้ามเปลี่ยนมือ ปีนี้ครบพอดี สิทธิที่จะได้คนซื้อเข้าเกณฑ์จะได้ลดภาษีสรรพสามิต 1 แสนบาทต่อคน มีคนจอง 1.2 ล้านคัน ใช้สิทธิแค่ 1 ล้านคัน จาก 1 ล้านคัน พบว่าเกือบแสนคัน “ผิดเกณฑ์สตง.ตั้งแต่ต้น”!! พอผิดเกณฑ์แล้วปรากฏว่าคนกว่าแสนคนขายรถไม่ได้ เคราะห์ร้ายต้องคืนเงินสรรพสามิตอีกคนละแสน น่าปวดหัวขนาดไหนจากโครงการนี้คิดดูกันครับ
ผลสรุปจากโครงการ คนเป็นหนี้ 5 ปี กำลังซื้อหายจากระบบ 5 แสนบาทต่อคันคูณ 1 ล้านคัน คือ 5 แสนล้านบาทต่อ 5 ปี ซึ่งถูกกระตุ้นให้ซื้อเพราะมีนโยบายสร้าง Demand เทียมเป็นประชานิยมสภาวการณ์ตลาดรถยนต์รวนเพิ่งกลับมาปกติได้ปีที่ผ่านมา รถติดมากขึ้นมั้ย อันนี้ทราบกันดี
แต่สุดท้ายก็ไร้ความรับผิดชอบใดๆ ต่อประชาชนจากผลของนโยบายพรรคเพื่อไทยที่ทั้งล้างผลาญทั้งโกงทั้งทำลายกลไกการค้าระบบตลาดเสรี หนำซ้ำคนบงการยังลอยนวลต่อไป
...หวังว่าคนไทยจะไม่ลืมเรื่องแบบนี้ง่ายๆ ครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี