ก่อนอื่นต้องขอบอกตามตรงว่า บทความนี้ไม่ได้เขียนแบบเหมารวม เหมาเข่งว่าเด็กไทยมีสภาพเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะผู้เขียนมั่นใจเต็มที่ว่าเด็กไทยไม่ได้ดีหรือเลวเหมือนๆ กันไปเสียทุกคน แต่บทความนี้ต้องการสะท้อนความห่วงใยต่อเด็กไทยจำนวนหนึ่งที่ตกอยู่ในสภาวะน่าเป็นห่วง และน่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกลุ่มเด็กที่ดูเสมือนว่ามีโลกที่แสนกว้างใหญ่ แต่ทว่าเป็นโลกที่เคว้งคว้างมากเหลือเกิน มากเสียจนเด็กไทยจำนวนไม่น้อยไม่สามารถหาหลัก หรือหาหมุดหมายของชีวิตได้เจอ
ขอย้ำว่าปัญหาทุกชนิดที่เกิดขึ้นกับเด็กไทยทุกปัญหา ล้วนแล้วแต่มีต้นเหตุสำคัญมาจากการเลี้ยงดูที่ไม่ถูกต้อง และไม่เหมาะสมของพ่อแม่และผู้ปกครองเด็กทั้งสิ้น แต่ทุกคนก็กลับโยนความผิดให้กับเด็กตลอดเวลา โดยทุกคนอ้างแบบไร้ความรับผิดชอบว่า “เลี้ยงดูเขาอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ทำไมเขาจึงไม่เป็นคนดี”
คุณๆ ที่เป็นพ่อแม่และเป็นผู้ปกครองเด็กโปรดระลึกไว้เสมอว่า เด็กคือสิ่งมีชีวิตที่คุณสร้างเขาขึ้นมา เพราะฉะนั้นคุณที่เป็นผู้สร้างเด็กขึ้นมาแล้ว จึงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบต่ออนาคตของเด็กได้ด้วยประการทั้งปวง ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลจำเป็นอย่างไรก็ตาม ก็ไม่ทำให้คุณปฏิเสธความรับผิดชอบต่อเด็กๆ ได้
เด็กในยุคใหม่นั้น ดูเสมือนว่าจะเป็นเด็กที่มีโลกทัศน์กว้างใหญ่เสียเหลือเกิน เราอาจจะเห็นว่าเด็กๆ จำนวนไม่น้อยมีความคิดความอ่านหลายอย่างที่โตเกินกว่าวัยแท้จริงของเขา เราอาจจะมองแล้วเข้าใจเอาเองว่าเขาโตแล้ว แต่ทว่าแท้จริงนั้น เขาก็ยังคงเป็นเด็ก และเด็กก็ต้องการผู้อบรมสั่งสอนชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องให้กับเขา และที่สำคัญก็คือเด็กต้องการแบบอย่างของความดีงามจากผู้อบรมสั่งสอนเขา จนกว่าเขาจะได้เรียนรู้ และซึมซับเรื่องราวต่างๆ นานาของการดำรงชีวิตในทิศทางที่ดีที่งาม จนกระทั่งสามารถดำเนินชีวิตไปบนแนวทางที่ดีงามได้ด้วยตนเอง
พ่อแม่และผู้ปกครองรวมถึงครูต้องระลึกไว้เสมอว่า เด็กส่วนใหญ่มีจิตใจที่ค่อนข้างจะอ่อนแอ แล้วก็ยังต้องการที่พึ่งที่อบอุ่น เด็กจะทำตามแบบอย่างที่เขาพบเห็นเสมอ เพราะฉะนั้นถ้าเราสามารถเป็นต้นแบบที่ดีสมบูรณ์แบบให้กับเด็กได้แล้ว เด็กก็จะดำเนินรอยตามต้นแบบที่ดีต่อไปในอนาคต แต่ถ้าหากเราคือต้นแบบที่แสนจะเลวร้ายของเด็ก ก็ไม่ต้องประหลาดใจว่าเด็กก็จะซึมซับความเลวร้ายไว้ในตัวของเขาตลอดไป
มีคำถามที่อยากจะถามพ่อแม่และผู้ปกครองทุกคนว่า ทุกวันนี้สถาบันครอบครัวของคุณยังสามารถหล่อหลอม และกล่อมเกลาเด็กๆ ของคุณให้เป็นคนดีได้หรือไม่ หากคุณไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้อย่างชัดเจนก็ต้องขอเรียนตรงๆ ว่าคุณคือคนที่ทำให้เด็กๆ ในความดูแลของคุณเติบโตขึ้นเป็นคนที่ไม่มีคุณภาพ แล้วก็จะกลายเป็นตัวสร้างปัญหาให้กับสังคมในอนาคต
อาจจะมีคำถามจากพ่อแม่ผู้ปกครองถามกลับว่า อะไรคือคนดี คนดีมีลักษณะอย่างไร หากมีคำถามเช่นนี้ก็ต้องขออนุญาตตอบแบบรวบรัดว่า คนดีคือคนที่ไม่ทำความเดือดร้อน และไม่สร้างปัญหาใดๆ ให้กับตนเอง และกับบุคคลอื่นๆ ในสังคม ส่วนจะต้องเป็นคนดีระดับไหนนั้น เป็นเรื่องที่ปัจเจกซึ่งเป็นวิญญูชนจะต้องตอบคำถามนี้ได้โดยชัดเจนด้วยตัวเอง
มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เชิงลบว่า ทุกวันนี้สถาบันครอบครัวในสังคมไทยล่มสลาย และสูญสลาย จนไม่สามารถจะเป็นที่พึ่งอันอบอุ่นให้กับเด็กๆ ได้อีกต่อไป พ่อแม่ผู้ปกครองเด็กไม่มีเวลาเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนลูกหลาน พ่อแม่ไม่เข้าใจลูกๆ และไม่พยายามจะเข้าใจลูกด้วย บางบ้านสื่อสารกับลูกไม่รู้เรื่อง เรื่องบางเรื่องที่ต้องสอนต้องอบรม กลับไม่สอนไม่อบรม เช่น เรื่องมารยาทที่ดีงาม เรื่องการใช้ชีวิตที่ถูกหลักทำนองครองธรรม และเรื่องเพศศึกษา แต่หลายครอบครัวชอบที่จะออกคำสั่งห้ามแบบไร้เหตุผลกับลูกๆ โดยไม่เคยให้โอกาสลูกได้ซักถาม หรือได้หารือด้วยแม้แต่น้อย
อยากจะถามคุณๆ ว่า คุณเห็นด้วยหรือคัดค้านกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ข้างต้นนั้น แล้วขอถามเพิ่มเติมว่า คุณเป็นพ่อแม่ที่มีลักษณะน่ารังเกียจแบบข้างต้นด้วยหรือไม่
พ่อแม่ที่ไม่คุยกับลูก ไม่สนิทสนมกับลูก ไม่ทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีของลูก ไม่ทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่น เมื่อเวลาลูกอยู่กับพ่อแม่
คือปฐมเหตุของปัญหาต่างๆ นานาที่จะเกิดกับลูกในอนาคต โปรดอย่าลืมว่าถ้าหากพ่อแม่ไม่สามารถเป็นที่พึ่งของลูกได้แล้ว ลูกก็จะต้องหันหน้าไปพึ่งคนอื่นๆ อย่างแน่นอน แล้วคุณที่เป็นพ่อแม่มั่นใจหรือว่าคนอื่นๆ ที่ลูกของคุณจะหันไปพึ่งเขานั้น
เขาสามารถจะเป็นต้นแบบที่ดีให้กับลูกของคุณได้ แล้วมั่นใจหรือว่าเขาจะสามารถอบรมสั่งสอนให้ลูกของคุณเป็นคนดีได้
พ่อแม่ผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยไม่เคยฟังความเห็นของเด็ก ไม่เคยสนใจความต้องการของเด็ก เมื่อเด็กเห็นว่าพ่อแม่ไม่ฟังเขา และไม่สนใจความต้องการของเขา เด็กก็ต้องหันไปสร้างโลกของตนเอง โดยโลกของเด็กอาจจะเป็นคนด้วยกัน หรืออาจจะเป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ทีวี สมาร์ทโฟน หรือแท็บเลต ก็ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วคุณที่เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กก็โปรดรับรู้ไว้เลยว่า โอกาสที่คุณจะสนิทสนมกับเด็กๆ ที่เป็นลูกของคุณนั้นได้อันตรธานไปแล้ว
คุณที่เป็นพ่อแม่และผู้ปกครองของเด็กมีเวลาอยู่ใกล้ชิดกับลูกหลานของคุณวันหนึ่งกี่ชั่วโมง คุณตอบคำถามนี้ได้หรือไม่ แล้วที่บอกว่าใช้เวลาใกล้ชิดกับลูกหลานนั้น คุณทำกิจกรรมอะไรกับลูกหลานบ้าง บางคนอยู่กับลูกหลานก็จริง แต่ทว่าต่างคนต่างก้มหน้าดูจอสมาร์ทโฟน บ้างก็เอาแต่เล่นไลน์จนไม่พูดไม่คุยกับคนในบ้าน บ้างก็โทรศัพท์ตลอดเวลาโดยลืมไปว่าลูกหลานหรือพ่อแม่นั่งอยู่ติดกัน
เมื่อพ่อแม่กับลูกไม่พูดไม่คุยกันโดยตรงแล้ว ความสนิทสนม ความรักใคร่ ความไว้วางใจต่อกันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
มีบางคนชอบกล่าวโทษเด็กว่าคิดไม่เป็น ทำอะไรก็ผิดพลาดไปเสียทุกอย่าง อวดดี ยโส โอหัง ไม่มีสัมมาคารวะ ฯลฯ สารพัด
ที่จะกล่าวร้ายต่อเด็ก แต่คนที่ชอบว่าร้ายต่อเด็กนั้น กลับไม่เคยพิจารณาตัวเองเลยแม้แต่น้อย แถมยังหลงตัวเองว่าดีกว่าเด็ก ฉลาดกว่าเด็กตลอดเวลา เมื่อมีความผิดอะไรเกิดขึ้นก็โยนความผิดให้เด็กเสียทุกทีไป ขอถามว่าผู้ใหญ่ประเภทนี้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีจริงหรือ
ประเด็นต่อมาที่เด็กๆ มักจะถูกวิจารณ์เชิงลบก็คือ ติดการเล่นโทรศัพท์มือถือ หรือเล่นไลน์ หรือเฟซบุ๊คทั้งวันทั้งคืน คำถามก็คือแล้วพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กมีพฤติกรรมเช่นเดียวกับเด็กหรือไม่ หากใช่ ก็ไม่จำเป็นต้องไปว่ากล่าวเด็กเลย แต่ต้องตำหนิตัวเองที่เป็นตัวอย่างที่แสนจะเลวร้ายของลูกๆ
บางครอบครัวมักง่ายมาก เพราะเลี้ยงลูกด้วยแท็บเลต สมาร์ทโฟน หรือด้วยทีวี แล้วก็อ้างแบบไร้ความรับผิดชอบว่า เด็กจะได้อยู่ติดบ้าน ไม่กวนพ่อแม่ พ่อแม่จะได้ทำงานทำการได้ ขอย้ำอีกทีว่านี่คือคำแก้ตัวของคนที่ไม่สมควรจะเป็นพ่อแม่ของใครเลยแม้แต่น้อย แล้วที่อ้างว่าหากไม่ให้ลูกเล่นของดังกล่าวแล้ว ลูกๆ จะร้องไห้โวยวายจนบ้านเกือบแตก ก็เป็นคำอ้างที่ไร้สาระและน่าสมเพชมาก เพราะแสดงให้เห็นถึงความไร้ปัญญาของคนอ้าง
คำถามคือใครคือต้นเหตุที่ทำให้ลูกหรือเด็กกลายเป็นคนติดแท็บเลต หรือสมาร์ทโฟน คนที่เป็นพ่อแม่และผู้ปกครองกรุณาตอบคำถามนี้ให้ชัดด้วย แล้วก็โปรดยุติการโทษเด็กอีกต่อไป
ปัญหาต่อมาคือ หลายคนบ่นว่าเด็กยุคนี้ทำอะไรไม่เป็น คำถามคือ แล้วคุณสอนให้เขาทำอะไรเป็นบ้าง หรือว่าคุณทำอะไรเป็นบ้าง แล้วคุณทำอะไรที่เป็นประโยชน์ให้เขาเห็นบ้างหรือไม่
ปัญหาต่อมาคือ หลายคนบ่นว่าเด็กยุคนี้ใช้เงินเปลือง ไม่ประหยัด ก็ต้องถามเหมือนเดิมว่า เด็กได้นิสัยฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่ายมาจากใครกัน หากพ่อแม่มีนิสัยประหยัดมัธยัสถ์แล้ว ลูกๆ จะมีนิสัยฟุ่มเฟือยได้อย่างไร
เพราะฉะนั้นก่อนที่จะตำหนิ ว่ากล่าว หรือโทษเด็กด้วยเรื่องอะไรก็ตาม ขอให้โปรดดูก่อนว่าเด็กได้รับการอบรมเลี้ยงดูและกล่อมเกลามาจากพ่อแม่ที่มีพฤติกรรมอย่างไร
ขอฝากทิ้งท้ายไว้ ณ ตรงนี้ว่า หากใครก็ตามที่คิดจะมีลูก แต่รู้ตัวดีว่ายังไม่สามารถประพฤติตัวเป็นคนดีที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกได้ ก็ขอได้โปรดอย่ามีลูกเลย จะแต่งงานกันไปก็ไม่มีใครว่า แต่ขออย่างเดียวคือ อย่ามีลูกเลย ขอให้คิดสงสารเด็ก และสงสารประเทศ บ้างเถอะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี