นับเป็นข่าวครึกโครมกรณีที่ ศ.ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ นักวิชาการอาวุโส อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ก่อนหน้านี้เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14(1)ที่ระบุห้ามผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนตามหมายเรียกกรณีศ.ดร.ชาญวิทย์แชร์ภาพกระเป๋าถือของรศ.นราพร จันทร์โอชา ภริยาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และแสดงความคิดเห็นในลักษณะว่าเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดังมูลค่าหลายล้านบาทซึ่งเป็นเรื่องไม่สมควรสำหรับภริยาผู้นำประเทศ
ก่อนหน้านี้ฝ่ายกฎหมายของคสช.ใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าแจ้งความต่อ บก.ปอท.เพื่อดำเนินคดีต่อ ศ.ดร.ชาญวิทย์ เนื่องจากเห็นว่ามีเจตนาบิดเบือนเผยแพร่ความเห็นอันเป็นเท็จมุ่งบ่อนทำลายภาพพจน์ของนายกรัฐมนตรีและความมั่นคงของรัฐบาล เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้วกระเป๋าถือที่รศ.นราพรถืออยู่ตามภาพเป็นกระเป๋าราคาเพียงไม่กี่พันบาทที่ผลิตโดยโครงการศูนย์ศิลปาชีพอันเป็นโครงการตามพระราชดำริ
ศ.ดร.ชาญวิทย์ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังขบวนการนักวิชาการสายเสื้อแดง โดยการแชร์ภาพกระเป๋าถือของภริยานายกรัฐมนตรีและแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ปรากฏภาพน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งขณะนี้หลบหนีโทษความผิดตามคำพิพากษาของศาลในคดีโครงการรับจำนำข้าวไปพำนักอยู่ที่ประเทศอังกฤษ โดยปรากฏภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ล่าสุดขณะเดินอยู่กลางมหานครลอนดอน พร้อมกระเป๋าถือแบรนด์เนมยี่ห้อดังมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม เพราะขณะที่เป็นจำเลยหนีโทษความผิดคดีโครงการรับจำนำข้าวที่มีการทุจริตอย่างมโหฬารและสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับยังใช้ชีวิตเสพสุขอย่างหรูหรา โดย ศ.ดร.ชาญวิทย์ ส่อเจตนาที่จะนำกรณีของภริยา พล.อ.ประยุทธ์มาเปรียบเทียบโดยอ้างว่าภริยาผู้นำที่มาจากการรัฐประหารก็ใช้กระเป๋าถือราคาแพงไม่ต่างกับน.ส.ยิ่งลักษณ์
ศ.ดร.ชาญวิทย์อ้างว่า การแชร์ภาพและแสดงความเห็นตามที่ถูกดำเนินคดีเป็นการแสดงความเห็นในฐานะประชาชนที่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะ และเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตที่สามารถพึงกระทำได้ไม่ผิดกฎหมายหรือศีลธรรมแต่อย่างใด พร้อมทั้งอ้างด้วยว่าการดำเนินคดีตัวเองครั้งนี้เป็นเรื่องทางการเมืองที่ผู้ปกครองระบอบที่ไม่เป็นประชาธิปไตยต้องการปิดปากไม่ต้องการรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์หรือทำให้ผู้อื่นเกิดความเกรงกลัวไม่กล้ากระทำ
ทั้งที่โดยข้อเท็จจริงการแสดงความคิดเห็นทำได้ เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องเป็นการแสดงความเห็นที่เป็นกลางโดยบริสุทธิ์ใจปราศจากอคติอย่างแท้จริงไม่มีเจตนาแอบแฝงทางการเมือง และที่สำคัญต้องไม่บิดเบือนแสดงความเห็นอันเป็นเท็จเพื่อใส่ร้ายผู้อื่น
ข้ออ้างของ ศ.ดร.ชาญวิทย์นั้นเป็นการบิดเบือนไปจากความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะกระเป๋าถือของรศ.นราพรเป็นเพียงกระเป๋าราคาถูกที่ผลิตภายในประเทศ ไม่ใช่กระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงอย่างที่อ้าง ประเด็นจึงไม่ได้อยู่ที่การคุกคามสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่เป็นการจงใจเผยแพร่ความเห็นอันเป็นเท็จที่ส่อเจตนามีเป้าหมายทางการเมืองแอบแฝง โดยมีข้อน่าสังเกตอันเป็นพิรุธว่า หลังจากที่ ศ.ดร.ชาญวิทย์ แชร์ภาพและความเห็นอันเป็นเท็จได้เพียงวันเดียวก็ลบความเห็นในเพจของตัวเองทิ้งทันที
ดังนั้นในเมื่อศ.ดร.ชาญวิทย์ยืนยันในความบริสุทธิ์ ของตัวเองก็ต้องไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งในที่สุดจะจบลงที่ศาล แต่ที่สำคัญคนที่สูงวัยและเคยเป็นครูบาอาจารย์เป็นถึงอดีตอธิการบดีควรมีวุฒิภาวะสำนึกแห่งความละอายและแยกแยะผิดถูกชั่วดี รู้ว่าอะไรควรไม่ควรทำและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับอนุชนรุ่นหลัง การเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จโดยเจตนาใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นต่อสาธารณะผิดวิสัยอย่างยิ่งสำหรับผู้อาวุโสที่ได้ชื่อว่าเป็นครูบาอาจารย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี