ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีในช่วงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี รวมอีกหนึ่งปีต่อมาในการเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สร้างความฮือฮาให้แก่วงการเมืองทั้งในและนอกประเทศ ด้วยสไตล์หรือลีลาที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นความโฉ่งฉ่าง โผงผาง ตรงไปตรงมา อย่างถึงลูกถึงคน และการเลือกที่จะติดต่อสื่อสารกับชาวบ้านโดยตรงด้วยแอพพลิเคชั่นทวิตเตอร์ แทนที่จะใช้การแถลงผ่านสื่อกระแสหลักแบบเดิมๆ
ในขณะที่ผู้คนโดยเฉพาะชาวอเมริกันก็แบ่งออกเป็น 2 ฝัก 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน ได้แก่ ฝ่ายชื่นชอบ ชื่นชม กับฝ่ายไม่เอาด้วย ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนกลุ่มที่ได้ประโยชน์อย่างสูงก็คือ สื่อมวลชน เพราะสามารถหาข่าวคราวเกี่ยวกับประธานาธิบดีทรัมป์ได้ตลอดเวลา แถมยังสามารถนำไปเป็นประเด็นการนำเสนอกันได้อย่างหลากหลาย ในขณะที่ผู้คนทั้งสหรัฐและทั่วโลกต่างก็เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใจจดใจจ่อ ไม่ใช่เพียงเพราะดูฟังแล้วสนุกดี เป็นความบันเทิงหนึ่งระดับโลกเท่านั้น แต่ยังเพราะด้วยความที่เป็นผู้นำประเทศยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ทุกคนจึงให้ความสนใจ และให้ความสำคัญในทุกการกระดิกพลิกตัวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยเฉพาะประเด็นสำคัญที่ว่า ตัวสาระเนื้อหาต่างๆ นั้นได้ทำให้ทุกคนเริ่มตระหนักและยอมรับว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นคนพูดจริงทำจริง มิได้พูดสวย และเสแสร้งสัญญาไปเท่านั้น นอกจากนั้นแล้ว การตัดสินใจกระทำการต่างๆ นั้น สะท้อนว่า มีกระบวนการคิดอ่าน วางแผนมาอย่างดี มิใช่เป็นนโยบายแบบผิวเผินขอไปที หรือคิดเพียงแก้ไขปัญหาเอาหน้ารอดไปวันๆ ซึ่งชี้ให้โลกได้เห็นว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รู้ประเด็นปัญหาของสหรัฐอเมริกาและสถานะของสหรัฐอเมริกาในเวทีโลก เป็นอย่างดี แม้ว่าตนเองจะมิใช่นักการเมืองอาชีพมาแต่เก่าก่อนก็ตาม แต่ด้วยประสบการณ์ในการทำมาหากินเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก จึงทำให้เขารู้ประเด็นปัญหาและข้อจำกัด และมีประสบการณ์ในการข้องแวะกับฝ่ายราชการการเมือง โดยรู้ว่า ควรจะแก้ตรงจุดไหน และจะนำพาประเทศชาติไปอย่างใด ในทิศทางใด
และในการไปปราศรัยในที่ประชุมร่วมผู้นำการเมืองผู้นำธุรกิจ และผู้นำทางภาคประชาสังคม ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันศุกร์ที่ 26 มกราคม รวมทั้งในการกล่าวสุนทรพจน์ประจำปีต่อสภาคองเกรสเมื่อวันจันทร์ที่ 29 มกราคม ณ กรุงวอชิงตัน ดีซีที่เรียกกันว่า State of the Union Address ได้แสดงให้เห็นภาพรวมที่ว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทบทวนเป้าหมายและผลงาน และวางทิศทางอนาคตสหรัฐอเมริกาไว้ ที่เรียกว่าชัดเจนและแน่วแน่ เสมือนจะพูดว่า สหรัฐอเมริกาเป็นอย่างนี้ ต้องทำอย่างนี้ แล้วชาวโลกจะเอาด้วยหรือไม่ ก็ว่ากันมา ไม่ว่าจะเป็นไร
สหรัฐอเมริกาต้องมาก่อน (American First) นั่นคือ ต้องแก้ไขภายใน ปรับปรุงตัวสหรัฐอเมริกาให้มั่นคงและอำนวยให้การทำมาหากินสะดวกและคล่องตัว และการข้องแวะกับต่างประเทศ โดยเฉพาะทางการค้าต้องไม่เอารัดเอาเปรียบกัน และที่ไม่ถูกต้องก็ต้องแก้ไข
วลี American First ก็ถูกต่อความด้วยวลีว่าbut America is not alone ซึ่งหมายความว่า สหรัฐอเมริกาจะมิได้คิดจะอยู่ หรือเดินไปอย่างโดดเดี่ยว หากแต่ตั้งใจจะเดินหน้าไปพร้อมกับมิตรประเทศทั้งหลายด้วย และฉะนั้น อาทิ การจะต้องเจรจาทั้งในเรื่องข้อตกลงเปิดการค้าเสรีแบบทวิภาคี และการเจรจาขจัดการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่ยุติธรรม หรือเอารัดเอาเปรียบกัน และอะไรที่ไม่ถูก ต้องมีการแก้ไข เช่น การขึ้นภาษีศุลกากรกับสินค้าเหล็ก และตู้เย็นจากทั้งจีน ซึ่งเป็นคู่อริ และกับเกาหลีใต้ที่เป็นมหามิตร ไม่มีการเลือกปฏิบัติ เพราะสหรัฐ เห็นว่าทั้ง 2 ประเทศ ขายของต่ำกว่าราคา
ในขณะเดียวกันประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ก็เชื้อเชิญให้ทุกประเทศเข้ามาลงทุน และทำธุรกิจในสหรัฐอเมริกา ซึ่งบัดนี้เป็นประเทศที่น่าดึงดูดน่าพิสมัยที่สุด ด้วยว่าได้มีการปฏิรูประบบภาษีอย่างใหญ่หลวง เป็นการลดต้นทุนการผลิต และเสริมสภาพคล่องตัว ผนวกกับตลาดใหญ่โตกำลังซื้อสูงมากมีแรงงานมีฝีมือมากมาย มีองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีการค้นคว้าวิจัยมากมาย เป็นที่หนึ่งของโลก และมีราคาพลังงานที่ต่ำกว่าประเทศอื่น ฉะนั้น ต้นทุนในการทำธุรกิจในสหรัฐ ต่ำกว่าประเทศอื่นๆหาประเทศใดเสมอเหมือนได้ยาก
เมื่อการสร้างงานเพิ่มขึ้น อัตราคนตกงานลดลง ตลาดหุ้นขยายใหญ่โตขึ้น บริษัทยักษ์ใหญ่เริ่มกลับมาลงทุนในสหรัฐ ซึ่งทั้งหมดนี้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เชื่อว่าจะทำให้สหรัฐ กลับมายิ่งใหญ่ เจริญก้าวหน้าและนำพาโลกเช่นแต่ก่อน
และที่จะดำเนินการอย่างแข็งขันต่อไปก็คือ การปรับปรุงเสริมสร้างความทันสมัยให้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและสาธารณูปโภคอย่างใหญ่หลวงซึ่งจะสร้างความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการเดินทางสัญจรไป-มาและการติดต่อต่างๆ
สหรัฐอเมริกาก่อนหน้านี้ไม่นาน ก็เสมือนยักษ์ใหญ่ที่ถูกขังในตะเกียง และประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพยายามขัดถูอย่างมุ่งมั่น เพื่อให้ยักษ์ใหญ่นี้ออกมาสู่โลกภายนอก มีฤทธิ์มีเดชเช่นเก่า ก่อนที่จะขังตัวเองอยู่
ส่วนไทยเรานั้น ท่านผู้นำก็ต้องดูทิศทางลมการเมืองโลกให้ดี จะได้สามารถนำพานาวาไทยฝ่าไปได้ และสามารถประคองตัวอยู่ระหว่างยักษ์ทุกตัวไม่ว่าจะเป็นนอกตะเกียง หรือในตะเกียงก็ตาม ซึ่งหมายความว่า จะต้องมีความชัดในความคิด และมีความจริงใจ มุ่งมั่นในการกระทำเพื่อประเทศชาติเท่านั้น
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี