กลยุทธ์พระสังข์ถอดรูป ปรากฏในขบวนพาเหรด งานฟุตบอลประเพณีระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการแก้เกมกับข่าวที่ขู่ว่า ห้ามแสดงการล้อเลียนผู้มีอำนาจ
กลยุทธ์ที่ใช้ครั้งนี้ เฉกเช่นนักมวยที่ถูกต้อนเข้าจนมุม แต่สามารถลอดรักแร้ของคู่ต่อสู้ออกมาจากมุมได้ ฉันใดก็ฉันนั้น
เพราะถ้าดูขบวนพาเหรดนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในการแข่งขันฟุตบอลประเพณีทั้งนี้จากในอดีตขบวนพาเหรดที่ผ่านมาไม่ว่ายุคเผด็จการสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่มีการล้อเลียนด้วยการที่จอมพลสฤษดิ์จับนักเลงอันธพาลใส่กรงขังและไปไว้ที่สนามหลวง ก็เป็นหนึ่งของขบวนพาเหรดในการแข่งขันฟุตบอลประเพณีในขณะนั้น เพราะมีการจับคนใส่กรงขังจริง หรือในสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร และจอมพลประภาส จารุเสถียร (จอมพลประภาส เป็นอธิการบดีจุฬาลงกรณ์ในเวลานั้น) ยังมีขบวนพาเหรดล้อเลียนสถานการณ์ทางการเมือง
สรุปรวมความว่า งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ จะมีการล้อเลียนรัฐบาลเผด็จการทุกครั้ง
ในครั้งนี้เมื่อมีข่าวว่า ขบวนพาเหรดจะถูกเซ็นเซอร์ นิสิตนักศึกษาก็มีกลวิธีที่รอดพ้นจากสายตาของผู้ตรวจตราสำเร็จ ก่อนปรากฏต่อสายตาผู้ชมในสนาม เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมและสังคม เพราะถ้าไม่มีขบวนพาเหรดล้อการเมืองแล้ว ฟุตบอลประเพณีจะกร่อยอย่างมาก จนอาจกล่าวได้ว่างานฟุตบอลประเพณีไม่มีใครสนใจแน่นอน
สำหรับงานฟุตบอลในปีนี้แม้จะถูกปรามโดยตรงหรือไม่ก็ตาม จากฝ่ายที่อ้างว่ามาจากผู้มีอำนาจ แต่ขบวนพาเหรดของนิสิตนักศึกษาใช้ความฉลาดและความคิดในการทำหุ่นชนิดที่ในขณะที่ขบวนเดินเข้าสนาม ดูไม่มีอะไร แต่เมื่อเข้าไปปรากฏสู่สายตาผู้ดูแล้ว ก็มีการเปลี่ยนโฉมโดยเปิดวัสดุที่หุ้มห่อให้เห็นเนื้อใน ประหนึ่งพระสังข์ถอดรูป กลายเป็นการล้อเลียนอย่างน่าพิศวง
จึงขอปรบมือให้ปัญญาชนที่ใช้สมองและสติปัญญา สมเป็นปัญญาชนของสองมหาวิทยาลัยในการแสดงออกถึงความเฉลียวฉลาด ด้วยวิธีการ
พระสังข์ถอดรูป
สำหรับเนื้อหาสาระทั้งหุ่นในขบวนพาเหรดและข้อความต่างๆ ที่ปรากฏในการแปรอักษรได้สะท้อนความรู้สึกที่แท้จริงของสังคม โดยเฉพาะเรื่อง “นาฬิกา” ซึ่งสังคมกำลังสนใจทั้งในแง่การเมืองและความโปร่งใสของผู้มีอำนาจ ที่สะท้อนถึงวุฒิภาวะหลายอย่าง การแสดงออกในขบวนพาเหรดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีในเรื่องนี้ เป็นไปอย่างแนบเนียนและสะท้อนถึงปฏิกิริยาของสังคมอย่างชาญฉลาด
กล่าวโดยรวมทั้งขบวนพาเหรดและการแปรอักษรบนอัฒจันทร์เป็นคำตอบต่อปัญหาการเมืองและสังคมที่ประชาชนมีความรู้สึก หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า เป็นกระจกเงาสะท้อนให้เห็นภาพที่ประชาชนมองเห็น ซึ่งฝ่ายผู้มีอำนาจอาจนำไปพิจารณาเพื่อกำจัดจุดอ่อน ซึ่งอาจสอดคล้องกับคำกล่าวของประธานองคมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
สุดท้ายนี้ ใคร่ขอนำภาษิตโบราณมากล่าวไว้ ณ ที่นี้ สัก 2-3 ภาษิต ได้แก่ “ก่อนพูดเราเป็นนายคำพูด แต่เมื่อพูดแล้วคำพูดเป็นนายเรา” “แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน” และนิทานเรื่อง “แม่ปูกับลูกปู”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี