คดีของนายเปรมชัย กรรณสูต เป็นที่สะเทือนขวัญสังคม สร้างความชิงชัง โกรธแค้น และเดือดดาลไปตามๆ กันสำหรับเนื้อหาสาระด้านการสืบสวนสอบสวนนั้น มั่นใจว่า สื่อหลักและหลายต่อหลายบทความ ได้นำเสนอไปมากแล้ว วันนี้ขออนุญาตมาเชื่อมโยงในมุมเศรษฐศาสตร์การเมืองให้ได้ลองทบทวนกันดูอีกมุมครับ
ความสัมพันธ์ในเชิงโครงสร้างอำนาจที่เกี่ยวข้องกับนายเปรมชัย ที่ได้ก่อร่างสร้างตัวมาถึงทุกวันนี้ ผ่านช่วงสำคัญๆ ในชีวิตใดมาบ้าง อะไรคือช่วงที่ทำให้เขาสามารถสะสมทุนจนกลายเป็น 1 ในเบอร์ใหญ่สุดของวงการก่อสร้างของเมืองไทยได้บ้าง
แกะรอยกันจากงานของ อ.นพนันท์ วรรณเทพสกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ นักวิจัยเรื่อง “ก่อสร้างการเมือง-การเมืองก่อสร้าง” โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย หรือ สกว.ที่เผยแพร่ไว้เมื่อพ.ศ.2550 กันได้ดังนี้ครับ
“ตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 เป็นต้นมา เมื่อพรรคไทยรักไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีการรวมพรรคการเมืองอื่นๆหลายพรรคเข้ามาเป็นพรรคเดียวกัน โครงการก่อสร้างที่เกิดขึ้นใหม่ช่วงปี พ.ศ.2544-2546 เห็นได้ชัดว่า ตกอยู่ในมือกลุ่มทุนก่อสร้างบางกลุ่มเป็นพิเศษ เช่น กลุ่มอิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ ได้รับงานทั้งหมดไม่น้อยกว่า 6.5 หมื่นล้านบาท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง ได้รับงานประมาณ 6 พันล้านบาท งานส่วนใหญ่เป็นงานที่เกี่ยวกับการก่อสร้างในสนามบินสุวรรณภูมิ กล่าวคือ เมื่อเข้าสู่ปี พ.ศ.2545-2546 อิตาเลียนไทยฯได้รับการคัดเลือกให้ทำสัญญาโครงการก่อสร้างในสนามบินสุวรรณภูมิรวมเป็นมูลค่ากว่า 65,921 ล้านบาท และเมื่อสำรวจสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของอิตาเลียนไทยฯในช่วงนั้น พบว่ามีชื่อนายทวีฉัตร จุฬางกูร หลานชายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคมในคณะรัฐบาลช่วงเวลานั้น ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวอยู่จำนวน 2 ล้านหุ้น
การพลิกฟื้นของธุรกิจจากวิกฤติบ่งชี้ได้จากผลประกอบการของบริษัท อิตาเลียนไทยฯระหว่าง พ.ศ.2545-46 พลิกฟื้นจากก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด จากปี 2542 มีผลขาดทุน 1,458 ล้านบาท ปี 2543 ขาดทุน 3,967 ล้านบาท ปี 2544 ขาดทุน 2,523 ล้านบาท สำหรับปี 2545 กำไร 6,336 ล้านบาท และปี 2546 กำไร 920 ล้านบาท เป็นต้น”
หลายคนอาจตั้งคำถามว่า ก็นักธุรกิจรายใหญ่ระดับประเทศ เวลาจะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้ทักษะความสามารถของแรงงาน รวมไปถึงเทคโนโลยีขั้นสูงในการก่อสร้าง ก็จะต้องเป็นบริษัทใหญ่ๆ อยู่แล้ว ไม่แปลกอะไร จุดนี้ใช่ครับ แต่ในเนื้อหาที่ อ.นพนันท์นำเสนอไว้นั้นมีจุดที่น่าสนใจ ตรงตัวเลขกำไรขาดทุน ในช่วง ก่อนที่พรรคไทยรักไทยได้เป็นรัฐบาล กับช่วงที่รับงานจากพรรคไทยรักไทยแล้ว และอาจต้องไปดูในรายละเอียดเกี่ยวกับ “การได้มา” ซึ่งงานต่างๆ เหล่านั้นว่า ได้มาด้วยวิธีที่ปกติ ไม่พิเศษ โปร่งใส แข่งขันเสรีอย่างแท้จริงหรือไม่
เรื่องการยิงเสือดำตัวเดียวมองทะลุปรุโปร่งไปได้ถึงมิติโครงสร้างความสัมพันธ์ของกลุ่มผลประโยชน์มากมายในประเทศของเรา รวมไปถึงในปัจจุบันนี้ ที่มีโครงการ มีหลักสูตรมากมาย จัดโดยภาครัฐเองและเอกชน รวมถึงสถาบันการศึกษาชั้นนำที่เน้นเป้าหมายหลักเพื่อให้นักธุรกิจใหญ่ๆ ลูกหลาน เครือญาติ เข้าไปทำความรู้จักมักคุ้นกับข้าราชการกระทรวงต่างๆ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจที่จ้องหางานหลักแทนงานตำรวจที่เป็นแค่ไซด์ไลน์ รวมไปถึงบางหลักสูตรมีเจ้าหน้าที่ศาลมาเรียนกับเค้าด้วยก็มีเช่นกัน
เรื่องแบบนี้มันก็เป็นระบบอุปถัมภ์ฝังลึกอันเป็นสิ่งที่ไม่มากก็น้อย ที่ก่อกำเนิดเรื่องคอร์รัปชั่นตาม เป็นปัญหาต่อมา แก้เท่าไหร่ก็ไม่หายเสียที มีโครงการ มีองค์กรรณรงค์มากมาย ก็คลี่คลายได้ยาก ตราบใดที่กฎหมายการแข่งขันและการค้าเสรีจริงๆ ไม่เกิด การสร้างสัมพันธ์ภายในลักษณะแบบนี้ก็จะไม่หมดไป
กระนั้นก็ตาม ลองดูแล้วกันครับว่า ผู้ยิ่งใหญ่ในยุครัฐบาลไทยรักไทยที่อยู่ขั้วหนึ่งก็เช่นเดียวกัน มีโครงการมากมายในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเช่นเดียวกัน โครงการส่วนใหญ่เหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้น แต่ได้เซ็นสัญญาไปแล้วหลายโครงการ มีทั้งแบบที่เป็นการแข่งขัน ยื่นซองปกติ และแบบที่พิเศษเร่งรัด จะมีหรือไม่ก็ต้องลงไปดูในรายละเอียดให้เห็นกัน
นายเปรมชัย ให้สัมภาษณ์สื่อเอาไว้เมื่อปลายปี 2559 ว่า “ปัจจุบันบริษัทมีงานที่กำลังก่อสร้างและรอเซ็นสัญญาในปีนี้ในเมืองไทยประมาณ 300 โครงการคิดเป็นวงเงินรวม 205,502 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้อีก 2-3 ปี จะเป็นงานก่อสร้างทั่วๆ ไปมีทั้งงานขนาดเล็กไปจนถึงงานใหญ่”... เข้าสู่โหมด รับเหมาประชารัฐ เต็มตัวสำหรับปี 2560-2561
ข้อมูลบางส่วนสำหรับโครงการที่กำลังจะเข้าร่วมประมูลนายเปรมชัยได้ย้ำเอาไว้ว่า... อิตาเลียนไทยฯจะเข้าร่วมทุกโครงการที่รัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังจะเปิดประมูล โดยประเมินว่าบริษัทจะได้งานใหม่เพิ่มเติมอีกประมาณ 2 แสนล้านบาทหรือประมาณ 25-30% ของมูลค่างานที่เปิดประมูลปีนี้หากเป็นไปตามคาด จะทำให้บริษัทมีงานในมือ 4 แสนล้านบาททยอยรับรู้รายได้ปี 2560 เป็นต้นไป
คำถามในใจตอนอ่านข้อมูลนี้คือ ทำไมถึงมั่นใจขนาดนี้ว่าจะได้งานนั้นงานนี้อย่างแน่นอนสามารถมีการคาดเดาในลักษณะมั่นใจ 100% ว่าตัวเองจะได้งานไหน เท่าไหร่ อย่างไร ขนาดนี้เพราะอะไรกัน
กลับมาที่เรื่องคดี เป็นที่น่าดีใจขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง เมื่อผู้มีอำนาจสูงสุดในรัฐบาลได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า คดีนี้ต้องเอาให้สุด ใหญ่แค่ไหนต้องจับ แต่เมื่อถามโพลล์ต่อประชาชนเกินครึ่งกลับตอบว่า คิดว่าจะรอดไปได้เหมือนคดีคนใหญ่ๆ โตๆ ในหลายคดี ไม่ว่าจะซุกหุ้น หรือจำนำข้าว
ก็ต้องลองดูกันแล้วล่ะครับว่า คสช.โดยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ที่มีอำนาจเต็มล้นมือในตอนนี้จะสามารถเอาผิดต่อคนที่กล้าทำในสิ่งชั่วร้ายที่คนทั้งประเทศรับไม่ได้กันขนาดนี้ ได้หรือไม่
ความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงมาให้เห็นนั้น สะท้อนได้ว่า ไม่ว่าจะยุคขั้วใดทางการเมือง นายทุนใหญ่จะอยู่เบื้องหลังอำนาจทั้งสิ้น และเมื่อตัวนายทุนใหญ่ทำผิดอย่างจัง ฝ่ายการเมืองที่ตอนนี้คือทหารอำนาจเต็ม จะช่วยให้คนร้าย คนผิดพ้นคดี หรือจะช่วยกู้ภาพลักษณ์กระบวนการยุติธรรมไทยให้กลับคืนมา ก็ต้องช่วยกันจับตา
อีกประเด็นหนึ่งในเรื่องนี้ที่ไม่พูดก็ไม่ได้ แต่จริงๆ ก็ไม่ค่อยอยากจะพูด กับกรณีที่อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ในยุคที่รัฐมนตรีว่าการโกงจำนำข้าวจนติดคุกไปแล้ว แถมยังเป็นแกนนำเผาบ้านเผาเมืองในปี 2553 กับวลีเด็ด “เผาเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง” ที่ล่าสุดได้ออกมา เปรียบเทียบ “เสือดำ” กับ “คนเสื้อแดง” นั้น ก็อดสมเพชเวทนาใจไม่ได้ ที่แกนนำของคนกลุ่มนี้กลับเอาคนกลุ่มนี้ไปเทียบกับสัตว์เสียเอง และหนำซ้ำ ข้อเท็จจริงจากวาทกรรมเรื่อง 90 กว่าศพที่ว่ากันมาตลอดแบบผิดๆ นั้น แท้จริงแล้ว ในจำนวนนี้มีจำนวนทหารกล้าที่เข้าไปปราบจลาจล รวมไปถึงชาวบ้านที่โดนลูกหลงจากการตั้งใจยิงระเบิดของชายชุดดำ รวมไปถึงการตั้งใจป่วนเมืองด้วยระเบิดชนิดต่างๆ ที่ชายชุดดำจงใจยิงสร้างสถานการณ์กว่าครึ่ง
ช่างน่าสะอิดสะเอียนเหลือเกิน กับมนุษย์ประเภทที่มีระดับจิตใจไม่สมประเภทของสิ่งมีชีวิตที่ตนเกิดมา
ช่วงนี้ประเทศชาติเป็นอะไรกันไปหมด เมื่อคนตัวใหญ่ของทหาร มีเรื่องให้สังคมกังขา แล้วต่อมาคนเบอร์ใหญ่ของตำรวจ ก็มีเรื่องเวทนาให้สังคมดูแคลน แล้วยังมียักษ์ใหญ่เจ้าสัวนายทุน กลับหยามหน้าคนทั้งชาติ ด้วยการเหิมเกริมต่อกฎหมายแบบนี้อีก
เราจะไปกันแบบไหน ทิศทางใด ก็ต้องช่วยกันแล้วล่ะครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี