l แล้ว “คนหนึ่งในพวกเรา” ถาม “ผู้เฒ่า” จะมีทางออกอย่างไร?
l 1.ผู้เฒ่ากลับบอกว่า “เรื่องของมัน” ยังไม่จบ, มีเรื่องหนึ่งที่พวกเราควรจะได้รับรู้แนวทาง นโยบาย ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีของระบบเผด็จการพรรคการเมืองทุนสามานย์
1.1 มี “ผู้นำ” ที่มีอำนาจเผด็จการเด็ดขาดแต่ผู้เดียว ที่กำหนดแนวทางและทิศทางได้ ต้องยอมรับความจริงว่า “แม้ผู้นำจะเป็นเผด็จการเพื่อตนและครอบครัว ใช้อำนาจมิชอบ โคตรโกง สารพัดพิษ” แต่ก็เป็นคนเก่งยิ่งที่ยากหาตัวจับหรือเทียบได้เพราะรอบรู้สารพัด และเรื่องไม่รู้ ก็ใช้ “คนเก่งที่ขายตัว” และใช้ “เงิน จ้างผีโม่แป้ง” ให้ทำได้ทุกอย่าง ทั้งข้อมูลภายในราชการ หน่วยงานชั้นสูงของความมั่นคงและกระบวนการยุติธรรม ครั้งหนึ่ง มีข่าวว่า “เคยไปใช้คนใช้ข้อมูลของสถาบันสำคัญ” และจ้างนักกฎหมายนักวิจัย นักล็อบบี้ ทั้งในและต่างประเทศ สร้างข้อมูลเท็จ ใช้โจมตีสถาบันสำคัญของบ้านเมือง ฯลฯ
1.2 การใช้แนวทาง “ไม่สนใจยุทธวิธีถูกผิด ความโปร่งใส ขอให้ใช้ได้ผล ได้ประโยชน์แก่ตัว” เพราะผู้นำเข้าใจวัฒนธรรม
อำนาจฯ “ผู้ชนะคือผู้ถูก” เมื่อได้เป็นรัฐบาลมีอำนาจรัฐ ใครก็วิ่งเข้าซบ ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใด ข้าราชการ กลุ่มอิทธิพลใหญ่น้อย คนเคยมีอุดมการณ์ นักวิชาการ สื่อใหญ่ฯและสังคมที่เหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม กฎกติกาที่ไม่เป็นธรรม การใช้อำนาจจึงได้ผล รวดเร็วทันกาลทันใจ ซึ่งนักการเมือง พรรคการเมืองและคนดี “ไม่กล้าทำ” เพราะ “หน้าบางและมีความอายส่วนตัว”
1.3 “เรื่องความผิดใหญ่ของตนและความผิดเล็กของศัตรู” ต้องมีวิธีจัดการที่ต่างกัน ความผิดใหญ่ของตนเป็นเรื่องเล็ก ต้องปกปิดปกป้อง อ้างว่า “ไม่ผิด” ถูกกลั่นแกล้ง สร้างกระแสให้คนเห็นใจ แต่ “เรื่องเล็กของศัตรู” ต้องขยายผล ทำซ้ำ สร้างกระแสต่อเนื่อง ให้ใหญ่โตฯใช้ “ยุทธวิธี เสือ 3 ตัว” เป็นโบราณของจีนที่เล่าถึง “อุปนิสัยของผู้นำและชาวบ้าน” ที่จะหลงเชื่อ การปล่อยข่าวซ้ำ ถี่ ต่อเนื่อง ขอสรุปถึงแก่นของเรื่อง คือ “ครั้งแรก : เจ้าเมือง จะไม่เชื่อข่าวที่คนบอกว่า : มีเสืออยู่ในเมือง” ครั้งที่สอง : คนหลายคนกล่าวขานยืนยันว่า “มีเสืออยู่ในเมืองจริง” เจ้าเมืองจึงเริ่มลังเล ครั้งที่สาม : ขุนนางใกล้ชิด เพ็ดทูลยืนยันว่า “มีเสืออยู่ในเมือง” เจ้าเมืองจึงเปลี่ยนใจมาเชื่อว่าจริง ทั้งๆ ที่ความจริง ไม่มีเสือตัวใด สามารถเข้ามาอยู่ในเมืองได้ เสือก็ต้องอยู่ในป่า เบื้องหลังคือ “ขุนนางใกล้ชิดเป็นคนจัดการ สร้างข่าว ทั้งสามข่าวนี้” เรื่องนี้ สรุปว่า “ความเท็จ ที่มาจาก 3 คน 3 ทาง มาจากข่าวแหล่งเดียวกัน”
1.4 “ความผิดถูกไม่สำคัญเท่ากับทำให้คนเชื่อ” ใช้สรรพสิ่งโดยเฉพาะสื่อสร้างกระแส เรื่องนี้ สำคัญยิ่งและใช้ได้ผลโดยคนไม่ดี บ้าอำนาจ เพราะ “คนดีมีคุณธรรมจะไม่ทำสิ่งที่ผิด” เขาทำบางเรื่อง ไม่ได้ผล เช่น สนับสนุนคนมีบุญคุณลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.โดยยืนยันว่า“ได้แน่” เขาก็ลงทุนทำทุกอย่าง ทั้งลับทั้งแจ้ง ทั้งบอกกล่าวแสดงตัวและปกปิด ไม่บอก เพราะเป็นเรื่องผิด รวมทั้งการจ้าง การทำโพลล์เท็จให้ออกข่าวใหญ่ว่า “คะแนนนำ ชนะขาด” เมื่อผลออกมา กลับแพ้ขาด, แต่เขาไม่ยอมแพ้ แต่อ้างว่า “หากมีเวลามากกว่านี้ ชาวบ้านจะเชื่อเขา”แต่ส่วนใหญ่ เขาทำได้ผล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ร้ายแรงแค่ไหนแต่ใช้ได้กับชาวบ้าน ที่ไม่มีข้อมูล เช่น “เขาใช้ถุงขนม เปลี่ยนแปลงมติศาล รธน.กรณีซุกหุ้นภาคหนึ่ง ทำให้ผิด กลับมาเป็นไม่ผิด” ตัวเอง-น้องสาวใช้อำนาจมิชอบ โกงเงินชาติมหาศาล แต่สร้างกระแสว่า “ถูกแกล้ง”คนส่วนหนึ่งเชื่อ และที่อันตรายเป็นภัยใหญ่คือ “ลงทุนจ้างคนทั้งในและต่างประเทศกล่าวหาสถาบันฯ” มีบางส่วนเชื่อ
1.5 แม้จะเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่เขาเอาเรื่องเฉพาะหน้าที่เป็นผลประโยชน์ส่วนตนมาก่อน เขารู้ดีว่า “หัวหน้าแก๊งก๊วนในพรรคไม่มีใครชอบเขา แอบไปคุยระบายกันที่ภูมิภาคอีสานฯ เขาก็รู้” แต่เมื่อเขาต้องการชนะเลือกตั้ง และต้องการแก๊งก๊วนมาช่วย เขาก็จัดสรรตำแหน่งและเงินให้ ก็ได้ผล เขาเป็นนักเจรจาต่อรองชั้นเยี่ยม ขอยุติเรื่องเก่าที่ขัดแย้งกัน เพื่อลดศัตรู จะทำงานได้ง่ายขึ้น
1.6 ที่สำคัญเขาผู้มีอำนาจสูงสุดขายความคิด “ดังที่กล่าวมาข้างตน” ให้คนในพรรค คนมีอุดมคติซึ่ง “ต่อสู้เพื่อให้ได้อำนาจรัฐมาก่อน แต่ไม่สำเร็จ” การได้อำนาจรัฐ เป็นสส.รัฐมนตรี จึงอยู่ในใจคนฉะนั้น แม้จะขัดแย้ง ไม่พอใจเขา แต่พวกเหล่านี้ จะมีเอกภาพในความคิดและการแสดงออก จึงเห็นคนเหล่านี้และคนกลุ่มอื่นๆ ออกข่าวโจมตี “รัฐบาล คสช. กองทัพฯ อย่างต่อเนื่อง” แต่ไม่วิจารณ์เขา
l 2.แต่กลับมาดูฝ่ายเหลือง ฝ่ายไม่เอา “เผด็จการพรรคการเมืองทุนสามานย์ระบบรัฐสภา” กลับไม่มีเอกภาพ
“ผู้เฒ่า” ย้อนกลับมาใส่ “พวกเรา” ที่ต่างคิด คิดน้อยคิดสั้น คิดลบ ใช้อคติอวิชชา ความรู้สึก “นำพา” วิพากษ์ทุกเรื่องทุกฝ่าย โดยเฉพาะตอนนี้ “ใส่หนักรัฐบาล คสช.ในเรื่องข้ออ่อน ข้อบกพร่อง ไม่มีอะไรดี” ที่น่าเศร้า “ไปทำตามกระแสที่ฝ่ายทุนสามานย์สร้างกระแสข่าวขึ้นมา” โดยไม่คิดถึงผลเสียต่อภาพรวม ไม่มีทิศทาง แนวทางที่จะแยกแยะ “ศัตรูตัวที่ร้ายกาจที่สุดก่อน” และทำลายมิตรแนวร่วมให้เป็นศัตรู ผิดหลักการของการต่อสู้ที่เคยมี “เลือกศัตรูตัวร้ายกาจที่สุดเป็นเป้า ขยายมิตร สร้างแนวร่วม” เพราะ “กำลังของพวกเรา ภาคประชาชนอ่อนแอ ไม่เข้มแข็ง” แต่ก็ไม่ลงมือสร้างกันอย่างจริงจัง เอาอารมณ์ การได้เสียดสีบุคคลในรัฐบาลที่มีข้อบกพร่องผิดพลาด และคิดจะล้มรัฐบาล คสช.แล้วใครจะได้ประโยชน์ ประชาชน ตัวพวกเรา ก็มิใช่ แต่เป็นพวกทุนสามานย์ ที่นั่งหัวเราะเยาะ
l 3.แนวทางหนึ่งที่พวกเราควรจะทำ คือ “ต้องแสวงหาสัจธรรมจากความเป็นจริง”
คือ หากการเมืองยังไม่ปฏิรูปและมีการเลือกตั้ง ก็ต้องหาทางให้เกิดผลเสียน้อยที่สุด
คือ “ปิดกั้น ขจัดคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจและส่งเสริมคนดีให้มีอำนาจปกครองบ้านเมือง” โดย สนับสนุนพรรคการเมืองใหม่ที่ดี มีแนวทางมวลชน มีคณะผู้นำที่มีศักยภาพ มีประชาชนสนับสนุน มีแนวทางนโยบาย ยึดการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และมีแนวทางปฏิรูปอย่างแท้จริง “ปฏิรูปสังคม การเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และกระบวนการยุติธรรม” ปฏิรูปพรรคการเมืองนักการเมือง ทหารตำรวจข้าราชการ นักธุรกิจ
ภาคประชาชน รวมทั้งนักวิชาการและสื่อ
สุดท้าย ผู้เฒ่าฝากข้อความไปถึง “อดีตนักสู้ประชาชน” ต้องสรุปบทเรียน ตั้งคำถาม “ทำไม ไปไม่ถึงสักที” ไม่ต้องชี้ไปที่
คนอื่น ซึ่งเขาอาจจะทำหรือไม่ทำ แต่ให้เริ่มต้นที่ตัวเอง และพวกเดียวกันก่อน ขอให้กำหนดแนวทาง ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีจังหวะก้าวและขั้นตอนให้ชัด “ใครเป็นศัตรูตัวร้ายกาจของประชาชนและประเทศ” ที่หวังกลับมามีอำนาจและแก้แค้นต่อสถาบันหลักฯ “เรา” จะสร้างความเข้มแข็งได้อย่างไร โดยผ่านการศึกษาหาความรู้ ข้อมูลที่ถูกต้อง ใช้สติปัญญานำทาง ทำเช่นนี้ จะทำให้พลังของประชาชนเข้มแข็งขึ้น และสามารถทำแนวร่วม กับพลังที่ต่อต้านทุนสามานย์
l 7 คลิปแม้วสั่งเผาเมือง https://www.youtube.com/watch?v=gDilc5PrrPI
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี