จริงอยู่ ที่รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้นำเสถียรภาพหรือความสงบเรียบร้อยกลับสู่บ้านเมือง หลังจากที่ประเทศไทยเผชิญกับความยุ่งเหยิง สับสนอลหม่านกันทั้งในเวทีการเมืองรัฐสภา และในเวทีการเมืองบนท้องถนนมาเป็นเวลานาน แต่การจะนำมาตั้งเป็นคำถามแบบหยั่งเสียงต่อประชาชนว่าพึงพอใจหรือไม่ ดูไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ เพราะแน่นอนว่าใครๆก็คงต้องพึงพอใจกับการกลับสู่ความสงบกันทั้งนั้น นอกจากนั้น การเอาสถิติดังกล่าวไปอ้างเป็นผลงานของฝ่ายรัฐบาลที่ยอดเยี่ยม ก็ดูยิ่งไปกันใหญ่ เพราะความสงบเรียบร้อยนั้น ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานของสังคมที่รัฐจะต้องเพียรพยายามจัดหาให้ อีกทั้งเสถียรภาพมาจากฝีไม้ลายมือหรือด้วยพลังอำนาจดิบๆ
ใครๆก็น่าจะสามารถตอบได้ดีว่า ที่สังคมไทยได้ความสงบกลับมานั้น ก็ด้วยการเสียสละสิทธิเสรีภาพให้กับการใช้อำนาจแบบรวบยอดและกฎเหล็กต่างๆของรัฐบาลทหาร ซึ่งควรจะเกิดขึ้นเพียงระยะเวลาไม่นาน เพื่อ“ปูโต๊ะ”การบ้านการเมืองเสียใหม่ แล้วก็คืนอำนาจให้กับประชาชน เพื่อการเริ่มต้นใหม่ของสังคมเสรีประชาธิปไตย
แต่บัดนี้ ดูเสมือนว่าจะเป็นการอ้างว่าเสถียรภาพเป็นผลงานเพื่อจะได้อยู่ในอำนาจต่อไป และเป็นการจะอยู่ในอำนาจด้วยพลังกองทัพ และเครื่องมือกฎหมายที่ขีดเขียนขึ้นมาเอง ก็เท่ากับว่าเป็นการใช้อำนาจเพื่อให้มีเสถียรภาพแบบกดขี่สังคมไว้ แต่มิได้หมายความว่าประชาชนพลเมืองจะมีเสถียรภาพทางจิตใจ เพราะยังมีความสับสน ว้าวุ่นใจกันอยู่
โดยเฉพาะยิ่งเมื่อมีการเอาเรื่องความมั่นคงมาเป็นเหตุในการออกกฎหมายต่างๆที่เอื้อให้เกิดการกุมอำนาจของฝ่ายกองทัพต่อไปในอนาคต ชาวบ้านเขาเลยชักไม่แน่ใจว่า ที่จัดการต้นตอปัญหาได้ไม่สิ้นซากเสียที นั่นเป็นเพราะมือไม่ถึงจริงๆ หรือว่ามีฝีมือเพียงพอ แต่แอบเลี้ยงไข้เอาไว้ จะได้มีเหตุให้ได้อยู่ต่อไปกันยาวๆ กันแน่
อย่าลืมว่า การตีกรอบประชาชนและการจำกัดความคิดอ่านของสังคมนั้น แรกๆชาวบ้านเขาคงพอยอมกันได้ แม้จะไม่พึงพอใจกับการถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพ เพื่อแลกกับเสถียรภาพสังคมจากกระบอกปืน นั่นก็เพราะเขาคิดว่าเป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น หลังจากนั้น พระเอกขี่ม้าขาวในใจเขา จะช่วยสร้างเสถียรภาพที่แท้จริงให้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยมาจากการมีส่วนร่วมของสังคม และจากการกระทำที่มีธรรมาภิบาลเป็นตัวกำกับชี้นำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนพลเมืองพึงพอใจ และหากได้ตามที่คาดหวัง ก็ย่อมไม่มีเหตุใด ที่จะไปก่อหวอดกับผู้กุมอำนาจรัฐ
โดยทั่วไปแล้ว ประชาชนพลเมืองเขาก็ไม่ได้ประสงค์จะแลกเสถียรภาพกระบอกปืน หรือการลิดรอนสิทธิเสรีภาพไปตลอดกาลหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเสถียรภาพภายใต้ปัจจัย การบริหารราชการแผ่นดินแบบไม่โปร่งใส ไม่อนุญาตให้ตรวจสอบ แถมยังเล่นพรรคเล่นพวกอีก ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างไปจากพฤติกรรมเลวร้ายของบรรดานักการเมือง ที่ผู้อาสาเข้ามาปฏิรูปประเทศได้ประกาศว่าเป็นสาเหตุของวิกฤติการเมือง จนต้องทำการยึดรวบอำนาจ
โปรดจำให้แม่นว่า ประชาชนพลเมืองมิได้ขอให้ฝ่ายกองทัพเข้ามายึดอำนาจ แต่เมื่อเลือกที่จะอาสาแล้ว ก็จะต้องทำภารกิจในการจัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อย โดยเสถียรภาพตามท้องถนนเป็นเพียงหนึ่งในเรื่องที่จำเป็น ในขณะที่เรื่องอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องที่จะนำไปสู่เสถียรภาพทางจิตใจนั้น ยังมิได้มีการดำเนินการใดๆไม่ว่าจะเป็น เรื่องการค้นหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์เผชิญหน้าปะทะกันต่างๆ เพื่อที่จะได้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชัดเจน ก่อนจะนำไปสู่การให้อภัย และสมานฉันท์กัน
หรืออีกเรื่องหนึ่ง ก็คือการปฏิรูประบบการบริหารปกครองบ้านเมืองแบบเข้มข้น เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ทัดเทียม เสมอภาคและยุติธรรม ที่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศและอำนาจรัฐ เป็นเจ้าของอย่างแท้จริง ซึ่งจนบัดนี้ร่วม 4 ปีแล้ว ก็ยังไม่เห็นวี่แวว อีกทั้งกลับมีการปฏิบัติแบบสวนทางคือ การเสริมสร้างระบบราชการนำพา หรือรัฐราชการไปเสียแล้ว
เสถียรภาพนั้นควรจะหมายถึง เสถียรภาพของสังคม ที่ประชาชนมีความปลอดภัย และมีสิทธิเสรีภาพในการดำรงชีวิตและสามารถมีส่วนร่วมต่อการตัดสินใจทางการเมืองของภาครัฐ ซึ่งถ้าหากผู้มีอำนาจรัฐกำลังนำสิ่งเหล่านี้มาคืนให้กับสังคม ประชาชนพลเมือง เสถียรภาพแท้จริงก็เกิดขึ้นได้
แต่หากผู้มีอำนาจรัฐเกิดเข้าใจว่า เสถียรภาพหมายถึง เสถียรภาพของตนเองแล้ว โอกาสที่จะลงจากหลังเสือก็คงจะห่างไกล และการลิดรอนสิทธิ์ของประชาชนก็คงอยู่ต่อไปเรื่อยๆจนกว่าวันที่ชาวบ้านทนสภาพนี้ไม่ไหว แล้วเสถียรภาพที่ผู้กุมอำนาจรัฐภูมิอกภูมิใจก็จะเป็นเสถียรภาพแบบจอมปลอมเท่านั้น เสถียรภาพมาจากอำนาจปืนมันไม่ยั่งยืน ไม่สามารถนำสังคมไปสู่ความสงบและเจริญก้าวหน้าอย่างแท้จริงได้
จึงเป็นเรื่องที่ผู้นำควรจะได้ทบทวนความหมายของคำว่า เสถียรภาพที่แท้จริงกันอีกสักครั้ง เพื่อที่จะได้ตั้งทิศทางการปฏิรูปประเทศให้เหมาะสม และปฏิบัติตนไปตามนั้นอย่างเคร่งครัด
อำนาจนั้น วันหนึ่งก็ต้องหมดไป แต่การใช้อำนาจเพื่อเสถียรภาพและความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมืองเป็นบุญกุศล แต่การใช้อำนาจเพื่อเสถียรภาพของตนเองนั้นเป็นโทษแน่นอน
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี