ระหว่างเทศกาลตรุษจีน อาตี๋อาหมวยอาซ้ออาเฮียในสาธารณรัฐประชาชนจีนอันกว้างใหญ่ โดยสารรถไฟ เครื่องบิน รถโดยสารสาธารณะ เรือโดยสารพลุกพล่าน แห่กันกลับบ้านไปฉลองตรุษจีน 700 ล้านกว่าคน ท่ามกลางฝูงชนพลุกพล่านนี้มีกระแสข่าวว่า สัมภเวสีสองตน ปะปนอยู่กับฝูงชนขวักไขว่ในมหานครปักกิ่ง
สัมภเวสีสองตนนี้ นัยว่าไม่ได้ไปหากินเครื่องเซ่นไหว้ แต่ระเหเร่ร่อนไปเรียกความสนใจจากผู้คนตลอดจนเรียกร้องความสนใจในหมู่สมุนบริวาร เมื่อเร่ร่อนผ่านร้านขายเกาลัด ก็ให้ลูกน้องกดชัดเตอร์โพสต์นำภาพลงไอจีโชว์ว่า เจอร้านเกาลัดชั้นดีที่ปักกิ่ง สัมภเวสีตัวเมียโชว์ภาพซื้อเกาลัดผ่านไอจีฝ่ายสัมภเวสีตัวผู้สร้างภาพฮือฮาว่า มาทำบุญตรุษจีนให้ตระกูลคูอยู่ปักกิ่ง พร้อมทั้งอวยพรให้สมุนบริวารทั้งที่อยู่ในคุกและนอกคุก “ให้สุขกายสุขใจวันปีใหม่จีน”
ภาพจากร้านเกาลัดจัดฉากให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวถือหนังสือเดินทางกัมพูชามากับนักท่องเที่ยวถือหนังสือเดินทางสัญชาติมอนเตเนโกร เมื่อมาถึงประเทศจีน ก็เร่หาสถานที่ถ่ายรูป ที่มีสัญลักษณ์มหานครปักกิ่ง เมื่อโพสต์ภาพลงไอจี เสร็จแล้วก็เผ่นจากเมืองจีนสู่ดินแดนอาทิตย์อุทัยประเทศญี่ปุ่น สัมภเวสีกุข่าวว่า ได้ทำเรื่องขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ แต่ชาวบ้านจับได้ว่าเป็นการสร้างภาพ เพราะเพื่อนๆ นักข่าวญี่ปุ่นพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ข่าวเรื่องสัมภเวสีสองตนเดินทางไปญี่ปุ่น ขอพบนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ แล้วถูกปฏิเสธนั้นเป็น fake news เพราะไม่ปรากฏข่าวนี้ในประเทศญี่ปุ่น เป็นข่าวที่ผลัดกันเขียนเวียนกันอ่านในประเทศไทยเท่านั้น
สื่อญี่ปุ่นตรวจสอบข่าวไม่พบหลักฐานใดๆ ว่า สัมภเวสีสองตนได้ติดต่อกับใคร สื่อญี่ปุ่นตามหาตัวนายคาโต้ อดีตผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไมนิจิ กันให้วุ่นเพราะเชื่อว่านายคาโต้ เป็นผู้สนิทชิดเชื้อและเป็นที่ไว้วางใจของสัมภเวสีตัวผู้ นายคาโต้เคยเป็นผู้ประสานงานสื่อและประสานงานฝ่ายต่างๆให้สัมภเวสีทุกครั้งที่เดินทางไปญี่ปุ่น แม้แต่คราวที่นายคาโต้สร้างโรงเรียนผู้นำ เขาได้เชิญสัมภเวสีตัวผู้ไปเป็นประธานในพิธีเปิด แต่ตรุษจีนนี้แปลกเพราะขณะที่มีข่าวสัมภเวสีสองตนไปญี่ปุ่น กลับมีคนพบนายคาโต้เดินเตร็ดเตร่อยู่ในเมืองไทย นายคาโต้บอกกับนักข่าวญี่ปุ่นในเมืองไทยว่า สัมภเวสีสั่งให้ตนติดต่อประสานงานขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แต่ถูกเจ้าหน้าที่ปฏิเสธ งานนี้จึงมีเหตุน่าสงสัยว่านายคาโต้หลอกรับประทานสัมภเวสี หรือสัมภเวสีหลอกคาโต้ว่า ตัวยังมีบารมีอยู่
ไม่มีหลักฐานใดบ่งชี้ว่า สื่อญี่ปุ่นได้พบปะสัมภเวสีสองตน แฟ้มบันทึกการทำงานฝ่ายข่าว NHK เขียนไว้เพียงประโยคเดียวว่า “...researchers confirm that Yingluck has been in Hong Kong since Feb 13 and will meet with Thaksin and Phua Thai” ผู้ค้นคว้าของ NHK ยืนยันว่ายิ่งลักษณ์อยู่ในเกาะฮ่องกง ตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ. จะพบกับทักษิณและเพื่อไทย แฟ้มข่าวของ NHK ไม่ได้บอกว่าข้อมูลนี้ได้จากนายคาโต้หรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อถือได้คือ ยิ่งลักษณ์พบกับทักษิณและสมาชิกพรรคเพื่อไทย ดังนั้นถ้าคณะผู้รักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะดำเนินคดีกับพรรคเพื่อไทยที่ยอมให้ผู้บุคคลมิได้เป็นสมาชิกมาครอบงำ ก็มีองค์ประกอบครบครันที่จะดำเนินคดีได้
นายคาโต้ซึ่งรับหน้าที่ประสานงานสื่อญี่ปุ่นให้สัมภเวสี บอกนักข่าวญี่ปุ่นด้วยว่ารัฐบาลไทยไม่เอาจริงกับการดำเนินคดีสัมภเวสีหนีคุกทั้งสองตน เพราะถึงวันนี้ยังไม่มีหมายจับสัมภเวสีทั้งสองตนในประเทศญี่ปุ่น เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามความคืบหน้าการติดตามตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับคำตอบจากตำรวจญี่ปุ่นว่า “จนถึงวันนี้ยังไม่มีหมายจับจากอินเตอร์โพล ถ้ามีหมายเราจะจับตัวส่งไปให้”
หน้าชาไหมครับรัฐบาล หน้าชาไหมครับหัวหน้าคสช.ที่ตำรวจญี่ปุ่นพูดว่า ยังไม่มีหมายจับ ถ้ามีหมาย เขาจะจับตัวส่งมาให้ทันที ที่ตำรวจญี่ปุ่นพูดอย่างนี้ คงกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์บานปลายคล้ายกับเยอรมนีที่รัฐบาลเยอรมนีปฏิเสธไม่ยอมส่งตัวอดีตซีอีโอบริษัทปีโตรเลียมเวียดนาม ที่ถูกข้อหาคอร์รัปชั่นแล้วหนีไปขอลี้ภัยในเยอรมนี เวียดนาม ส่งสายลับไปตะครุบตัวมาจากสวนสาธารณะในเยอรมนี นำกลับมาดำเนินคดีในเวียดนาม ในที่สุดศาลเวียดนามตัดสินจำคุกอดีตซีอีโอตลอดชีวิต
คสช.ต้องเด็ดขาดเอาจริงเอาจังอย่างเวียดนาม ต่างประเทศจะได้ไม่ติฉินนินทาว่ารัฐบาลปิดตาข้างหนึ่งปล่อยให้จำเลยหนี แล้วแสร้งทำเป็นโวยวายเป็นเหตุให้นักโทษหนีคุกย่ามใจไปปรากฏที่นั้นที่นี้เพื่อเยาะเย้ยผู้รักษากฎหมาย ราวกับว่าจงใจหยามหน้าคสช.ที่เห็นภาพนักโทษหนีคุกไปโผล่ประเทศนั้นที ประเทศโน้นที แทนที่รัฐบาลไทยหรือ คสช.จะจัดการขั้นเด็ดขาด กลับได้แต่พูดประชดประชันว่า “เป็นเรื่องกระพี้บ้าง” “มิตรประเทศไม่เห็นแก่ศักดิ์ศรีของประเทศไทยที่ปล่อยให้นักโทษหนีคุกเคลื่อนไหวในดินแดนมิตรประเทศบ้าง”
เรื่องต้องจัดการกับสัมภเวสีหนีคุก ถ้าคสช.ไม่เห็นแก่เกียรติภูมิชื่อเสียง หน้าตาตัวเองก็ขอให้เห็นใจผู้แทนประเทศไทยที่มีสำนักงานอยู่ต่างประเทศบ้าง ที่พวกเขาต้องบากหน้าไปขอร้องมิตรประเทศว่า “อย่าให้เปิดแถลงข่าวบ้าง อย่าให้เคลื่อนไหวทางการเมืองบ้าง ฯลฯ” รัฐบาล และ คสช. ต้องสำเหนียกว่า ผู้แทนประเทศไทยในต่างประเทศต้องเหนื่อยยากลำบากเพียงใดขณะที่รัฐบาลในกรุงเทพฯ ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน อย่างกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ นักโทษหนีคุกหนีศาลเตรียมการเปิดแถลงข่าวในฮ่องกง ผู้แทนประเทศไทยในเกาะฮ่องกง วิ่งกันตีนขวิดกว่าจะระงับยับยั้งได้
ฮ่องกงก็เหมือนกับญี่ปุ่น จีน และมิตรประเทศอื่นๆ ทั่วโลกที่อ้างว่ายังไม่มีหมายจับ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย ถึงตอนนี้ต้องบอกรัฐบาล คสช.ว่า ประวัติศาสตร์การเมืองทั้งยุคเก่ายุคใหม่ ตำรวจไทยทำให้รัฐบาลวิบัติฉิบหายมาแล้วหลายยุคหลายสมัย จอมพล ป.พิบูลสงครามถูกจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ปฏิวัติไม่ใช่เพราะความกร่างของอัศวินแหวนเพชรหรือ รัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช พัง ไม่ใช่เพราะตำรวจปลุกระดมฆ่านักศึกษากลางเมือง แล้วเหิมเกริมบุกเข้าไปในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี สั่งให้นายกฯประกาศภาวะฉุกเฉินหรือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตอนเป็นนายกฯตำรวจเปิดไฟแดงให้รถหยุด รอเสื้อแดงมารุมทำร้ายที่พัทยาและตำรวจมะเขือเทศใช่ไหมที่นำเสื้อแดงบุกไปถล่มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน
ตำรวจระดับผู้กำกับใช่ไหมที่สตช.ส่งไปติดตามดูแลน.ส.ยิ่งลักษณ์ทุกฝีก้าว ตำรวจระดับผู้กำกับใช่ไหมที่ขับรถพาน.ส.ยิ่งลักษณ์หนี ตำรวจใช่ไหมที่มีหน้าที่ประสานงานกับอินเตอร์โพล มีหน้าที่ออกหมายจับนักโทษหนีคุกหนีศาล น.ส.ยิ่งลักษณ์หนีไปตั้งแต่เดือนส.ค. ถึงวันนี้ตำรวจยังไม่ได้ประสานงานกับอินเตอร์โพลเพื่อออกหมายจับ สองวันก่อนหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่นรายงานว่า สตช.ส่งหนังสือถามกระทรวงต่างประเทศว่า เวลานี้น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ประเทศไหน เดินทางโดยสายการบินอะไร เที่ยวบินที่เท่าไหร่ คสช.ได้ยินไหมที่อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพูดว่า “ตำรวจเป็นงานไซด์ไลน์”
น.ส.ยิ่งลักษณ์พักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่นายทักษิณซื้อไว้ในประเทศอังกฤษ นักการเมืองพรรคเพื่อไทยบินหากันโครมๆ สื่อมวลชนรู้ ประชาชนรู้ มีแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ไม่รู้ อ้างแง่มุมกฎหมาย อ้างช่องทางระเบียบกฎเกณฑ์ เพื่อไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่ที่ต้องทำ ตำรวจประเภทนี้แหละที่ทำให้รัฐบาลเสื่อมศรัทธา กลายเป็นรัฐบาลไร้น้ำยาเป็นที่มาของการล่มสลายมาแล้วหลายรัฐบาล
เรื่องน.ส.ยิ่งลักษณ์กับนายทักษิณ เคลื่อนไหวก่อกวนเยาะเย้ยรัฐบาลนั้น “ไม่ใช่เรื่องกระพี้” แต่เป็นเรื่องสำคัญ เป็นวาระแห่งชาติ เพราะนักโทษหนีคุกสองคนนี้ ได้สร้างความเสียหายให้ประเทศชาติหลายล้านล้านบาท ดังที่ศาลตัดสินลงโทษไปแล้ว นักโทษหนีคุกสองคนนี้คือต้นเหตุของความแตกแยกวุ่นวาย เป็นเหตุให้คนตายนับร้อยศพ สมุนบริวารนักโทษหนีคุกสองคนนี้ถูกศาลตัดสินจำคุกแล้วหลายสิบราย
การเคลื่อนไหวก่อกวนของสัมภเวสีสองตนนี้จึงไม่ใช่เรื่อง “กระพี้” ถ้าคสช.ไม่จัดการให้กระบวนการยุติธรรมต้นน้ำ บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นได้ กล้าทำนายว่า รัฐบาลต้องล่มสลายในเร็ววัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี