วันนี้ (22 ก.พ.2561) สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำหนดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2560
วาระสำคัญ คือ การพิจารณางบดุล พิจารณารายงานผู้ตรวจสอบกิจการสหกรณ์ และพิจารณาจัดสรรกำไรสุทธิประจำปี 2560
1. นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์ ได้ลงนามหนังสือ ลงวันที่ 16 ก.พ.2561 เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการจัดสรรกำไรสุทธิประจำปีของสหกรณ์ กรณีผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นต่องบการเงินที่แตกต่างจากแบบไม่มีเงื่อนไข
เนื้อความระบุชัดเจนว่า
“ด้วยปรากฏว่ามีสหกรณ์หรือชุมนุมสหกรณ์ที่ไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบหรือคำแนะนำของนายทะเบียนสหกรณ์หรือกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เกี่ยวกับการเงินการบัญชี จนเป็นเหตุให้ผู้สอบบัญชีได้แสดงความเห็นต่องบการเงินแบบมีเงื่อนไข หรือแสดงความเห็นว่างบการเงินไม่ถูกต้อง หรือไม่แสดงความเห็น และสหกรณ์หรือชุมนุมสหกรณ์ได้มีการจัดสรรกำไรสุทธิประจำปีโดยยังไม่มีการแก้ไขข้อผิดพลาดจนเป็นเหตุให้มีการจัดสรรกำไรสุทธิประจำปีด้วยจำนวนเงินที่ไม่ถูกต้อง เพราะหากสหกรณ์แก้ไขข้อผิดพลาดตามรายการที่ผู้สอบบัญชีให้ความเห็น จะส่งผลให้สหกรณ์เปลี่ยนเป็นมีกำไรสุทธิลดลงหรือเปลี่ยนเป็นขาดทุน
นายทะเบียนสหกรณ์จึงซักซ้อมแนวทางปฏิบัติกรณีผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นต่องบการเงินของสหกรณ์ที่แตกต่างจากแบบไม่มีเงื่อนไข ให้ถือเป็นกรณีคณะกรรมการดำเนินการกระทำการในการปฏิบัติหน้าที่ของตน จนทำให้สหกรณ์มีข้อบกพร่องเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี หรือกิจการหรือฐานะการเงิน ตามรายงานของผู้สอบบัญชีตามความมาตรา 22 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.สหกรณ์ 2542 ซึ่งสหกรณ์จังหวัดในฐานะรองนายทะเบียนที่ได้รับมอบอำนาจจะต้องสั่งการให้สหกรณ์แก้ไขข้อบกพร่องตามข้อสังเกตของผู้สอบบัญชีให้แล้วเสร็จตามวิธีการและระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งให้ระงับการนำงบการเงินที่เป็นเหตุให้เกิดข้อบกพร่องไปใช้ในการจัดสรรกำไรสุทธิประจำปี หรือเสนอให้ที่ประชุมใหญ่รับรอง โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 22 (1) หรือ (2) หากพบว่าผลการดำเนินงานของสหกรณ์ขาดทุนก็ไม่สามารถจัดสรรกำไรสุทธิประจำปีตามมาตรา 60 ได้...”
2. จากหนังสือของนายทะเบียนสหกรณ์ข้างต้น ได้รับความชื่นชมจากคนในวงการสหกรณ์ที่ต้องการเห็นความโปร่งใสในการบริหารจัดการสหกรณ์ เพื่อมิให้เกิดปัญหาเหมือนในอดีตที่เคยเกิดกับสหกรณ์ยักษ์ใหญ่อย่าง “เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น”
นายอนันต์ ชาตรูประชีวิน อดีตผู้จัดการใหญ่ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊ค Anan Chatrupracheewin ระบุว่า
“การตกแต่งงบการเงิน (Financial Statement Manipulation)
ด้วยปรากฏว่ามีสหกรณ์ และชุมนุมสหกรณ์บางแห่งไม่ปฏิบัติตามระเบียบหรือคำแนะนำของนายทะเบียนสหกรณ์หรือกรมตรวจบัญชีสหกรณ์เกี่ยวกับการเงินการบัญชี และคณะกรรมการดำเนินการจะนำงบการเงินที่ไม่ถูกต้องนั้นเสนอให้ที่ประชุมใหญ่รับรอง และนำไปใช้ในการจัดสรรกำไรสุทธิประจำปี
ผมขอชื่นชมและสนับสนุนนายทะเบียนสหกรณ์ที่ได้ออกหนังสือแจ้งให้สหกรณ์จังหวัดสั่งระงับการดำเนินการดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นกับสหกรณ์ และฝากเตือนย้ำมายังผู้บริหารสหกรณ์หรือชุมนุมสหกรณ์ดังกล่าวด้วยว่าอย่าฝ่าฝืนเลยครับ ความเสียหายเกิดขึ้นท่านจะรับผิดชอบกันไม่ไหว ช่วยกันทำสิ่งที่ถูกที่ควรเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของระบบสหกรณ์โดยส่วนรวมครับ”
3. กรณีของสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปรากฏข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ว่า ผู้สอบบัญชีได้แสดงความเห็นต่องบการเงินอย่างมีเงื่อนไข
ตั้งข้อสังเกตในหลายประเด็น อาทิ
3.1 การคำนวณค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ กรณีสหกรณ์เคหสถานนพเก้ารวมใจ ยอดหนี้ 1,063 ล้านบาท หักมูลค่าที่ดินหลักประกัน 432 ล้านบาท คงเหลือหนี้หลังหักหลักประกัน 630 ล้านบาท ใช้วิธีคำนวณหนี้สงสัยจะสูญเป็นค่าใช้จ่าย โดยทยอยรับรู้ 3 ปี
โดยผู้สอบบัญชีตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อมิ.ย. 2560 ประเมินราคาที่ดินหลักประกันแค่ 35 ล้านบาท
ม.ค.2561 ประเมินใหม่ 432 ล้านบาท
สูงขึ้น 396 ล้านบาท หรือ 1,116%
3.2 การคำนวณค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ กรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมงคลเศรษฐี ยอดหนี้ 215 ล้านบาท หักมูลค่าหุ้นบริษัทสหประกันชีวิต จำกัด 145 ล้านบาท คงเหลือหนี้หลังหักหลักประกัน 69 ล้านบาท คำนวณหนี้สงสัยจากยอด 69 ล้านบาท
โดยผู้สอบบัญชีตั้งข้อสังเกตถึงมูลค่าหุ้นสหประกันชีวิต ที่อ้างว่ายึดมาเพื่อขายทอดตลาด ระบุว่ายังไม่ได้หลักฐานการประเมินราคาหุ้น และยืนยันว่าไม่มีเจ้าหนี้รายอื่นจะขอเฉลี่ยเงิน หรือไม่
ทั้งสองกรณีข้างต้น ผู้สอบบัญชีระบุไว้ในรายงานว่า “ข้าพเจ้าไม่อาจตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อได้มาซึ่งหลักฐานการสอบบัญชีที่เพียงพอเหมาะสมที่จะสรุปได้ว่าราคาหุ้นบริษัทสหประกันชีวิตฯ ตลอดจนความแน่นอนในมูลค่าที่สหกรณ์จะได้รับ และมูลค่าที่ดินที่นำมาหักออกจากการคำนวณหนีสงสัยจะสูญลูกหนี้ทั้งสองรายนั้นถูกต้องหรือไม่ ข้าพเจ้าถึงไม่อาจระบุได้ว่ามีรายการปรับปรุงใดที่จำเป็นในจำนวนเงินดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งหากจำเป็นต้องปรับปรุงจะมีผลกระทบต่อกำไรสุทธิประจำปีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 ยอดรวมสินทรัพย์และทุนของสหกรณ์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561...”
นอกจากนี้ ผู้สอบบัญชียังตั้งข้อสังเกตอย่างมีนัยสำคัญ ถึงรายการ “สินทรัพย์ที่ต้องติดตามเป็นพิเศษของสหกรณ์” ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท อีกด้วย
4.ชัดเจนว่า กรณีงบการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ น่าจะเข้าข่ายตามหนังสือของนายทะเบียนสหกรณ์ คือ เป็นกรณีผู้สอบบัญชีได้แสดงความเห็นต่องบการเงินแบบมีเงื่อนไข
เพราะฉะนั้น ต้องห้ามมิให้นำงบการเงินที่เป็นเหตุให้เกิดข้อบกพร่องไปใช้ในการจัดสรรกำไรสุทธิประจำปี หรือเสนอให้ที่ประชุมใหญ่รับรอง
5.น่าคิดว่า ถ้าผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ ฝ่าฝืน นำเข้าไปให้ที่ประชุมใหญ่สามัญรับรองในการประชุมวันนี้ จะมีผลร้ายอย่างไรต่อไป?
สำคัญกว่านั้น จะดึงดันทำเพื่ออะไร?
หากแสดงภาระทั้งหมด ตัดค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้ชัดเจน ครบถ้วน ตามมาตรฐานที่ถูกต้อง ย่อมจะเป็นการปกป้องรักษาความมั่นคงระยะยาวแก่สหกรณ์จุฬาฯ เอง มิใช่หรือ?
หากจะอ้างว่า เพื่อให้สมาชิกได้รับจัดสรรกำไรในปีนี้ การอ้างเช่นนี้ จะฟังขึ้นไหม?
ต่างอะไรกับการเร่งผันเงิน หรือย้ายเงินออกจากสหกรณ์ไปแบ่งปันกัน แต่เลี่ยงที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนสหกรณ์?
เพราะถ้าทำให้ถูกต้องครบถ้วน เงินสหกรณ์ก็ไม่ได้หนีหายไปไหน ยังคงอยู่กับสหกรณ์ต่อไปนั่นเอง
แต่จะมีความมั่นคงยั่งยืนกว่า
ตรงกันข้าม หากดึงดันต่อไป... ระวัง จะพากันลงเหว
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี