ขอถามตรงๆ นะครับ คุณเคยจอดรถยนต์ขวางหน้าบ้าน หรือหน้าร้านค้าของผู้อื่นหรือไม่ครับ หรือว่าคุณเคยจอดรถยนต์เมื่อคุณเลี้ยวเข้าซอยได้เพียงไม่กี่เมตร หรือจอดรถยนต์ทันทีหลังจากคุณเลี้ยวออกจากซอยหรือไม่ หรือว่าคุณมีพฤติกรรมชอบจอดรถยนต์รับส่งลูกหลานหรือใครก็ตาม ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าการจอดรถยนต์รับส่งนั้นๆ กีดขวางการจราจร ซึ่งเราจะพบคนมักง่ายเหล่านี้ได้จากบนถนนทุกสายที่อยู่หน้าโรงเรียนดังมากๆ และกำลังกลายเป็นโรงเรียนที่จะดัง รวมถึงตามสถานีรถไฟฟ้าด้วย แล้วก็จะมีคนอีกจำพวกหนึ่งคือ ชอบยึดที่สาธารณะเป็นที่จอดรถยนต์ของตนเอง โดยอ้างว่านี่คือหน้าบ้านของฉัน แต่ทว่าหน้าบ้านนั้นไม่มีที่จอดรถส่วนบุคคล แต่เขาก็ยังยึดผิวจราจรเป็นที่จอดรถส่วนตัวได้โดยไม่สะทกสะท้าน
ถ้าคุณเคยทำพฤติกรรมเช่นนี้ คุณคือหนึ่งในจำนวนคนมักง่ายในสังคมไทย ขอย้ำว่าคุณคือหนึ่งในจำนวนคนมักง่ายในสังคมไทย
เรา (หมายถึงคนไทยจำนวนมาก) มักจะชอบด่าว่าคนอื่นว่าไม่มีระเบียบ เอาเปรียบสังคม แต่เรา (หมายถึงคนไทยส่วนใหญ่) มักจะไม่เคยมองตัวเองว่า เรามีพฤติกรรมเลวร้ายเช่นนั้นหรือไม่ ดังนั้นเราจึงพร้อมจะด่าคนอื่นตลอดเวลา แต่ไม่เคยคิดบ้างแม้แต่น้อยว่า แล้วตัวเราเองเล่าได้กระทำพฤติกรรมน่าละอายดังกล่าวบ้างหรือไม่
หรือเวลาเมื่อเห็นคนอื่นทำพฤติกรรมน่ารังเกียจและน่าละอายดังกล่าว เราก็จะประณามเขาทันที แต่เมื่อเวลาเราทำบ้าง เราก็จะสรรหาข้ออ้าง ข้อแก้ตัวสารพัดมาบ่ายเบี่ยงพฤติกรรมน่าละอายของเรา
กรณี “ป้าทุบรถยนต์” เป็นกรณีที่สังคมไทยมองเรื่องนี้ต่างกันไป ขึ้นอยู่กับนิสัยส่วนตัวของแต่ละคน และขึ้นอยู่กับว่าใครสวมหมวกใบไหน และอยู่ในสถานะใด
ขอถามคุณตรงๆ (อีกครั้ง) หากมีรถยนต์ จักรยานยนต์ หรือสิ่งกีดขวางอื่นๆ มาจอดหรือวางขวางหน้าบ้านของคุณเป็นประจำทุกวัน และเกือบตลอดเวลา ทุกๆ ครั้งเมื่อคุณจะนำรถยนต์เข้าหรือออกจากบ้าน คุณจะต้องรอเวลาให้ใครบางคนเลื่อนรถยนต์ให้คุณ ถ้าหากคุณเจอสภาพนี้เป็นประจำ คุณจะรู้สึกยินดีหรือหงุดหงิด
ถ้าหากคุณมีนิสัยชอบจอดรถยนต์ขวางหน้าบ้านคนอื่นเป็นประจำ แล้วจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานานเกิน 10 นาที ขอถามคุณว่า คุณใช้สมองส่วนไหนคิดแล้วทำพฤติกรรมดังกล่าว คุณไม่คิดบ้างหรือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ผู้อื่น หรือคุณคิดว่าขอกันแค่นี้ไม่ได้หรือ ถ้าเช่นนั้นก็ต้องถามกลับว่า หากคุณเป็นฝ่ายถูกกระทำดังกล่าวบ้าง คุณจะยังรู้สึกยินดีและแช่มชื่นกับการตกเป็นผู้ถูกกระทำหรือไม่
สังคมไทยมีความน่ารังเกียจประการหนึ่งคือ คนที่ชอบเอาเปรียบคนอื่นมักจะชอบแก้ตัวว่า “ขอกันกินไม่ได้หรือ” หรือชอบพูดแบบเอาตัวรอดโดยไร้ความละอายว่า “แหม! ขอกันนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ได้ ช่างไม่มีน้ำใจเสียเลย”
ปัญหาการจงใจจอดรถขวางหน้าบ้านผู้อื่น โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น เป็นปัญหาสังคมชนิดหนึ่งที่เกิดจากความมักง่าย ไร้ความเกรงใจ ซึ่งผู้มีพฤติกรรมเช่นนี้มักจะได้รับการเลี้ยงดูและอบรมที่ผิดๆ มาตั้งแต่เกิด เพราะถ้าหากได้รับการอบรมให้เกรงอกเกรงใจผู้อื่นตลอดเวลาแล้ว รับรองว่าพฤติกรรมเช่นนี้จะไม่บังเกิดอย่างแน่นอน
ประเด็นต่อมาที่ทำให้มีคนมักง่ายเช่นนี้เป็นจำนวนมากในสังคมไทย และเพิ่มมากขึ้นทุกๆ วัน คือความไม่เอาจริงเอาจังของผู้บังคับใช้กฎหมาย เมื่อผู้บังคับใช้กฎหมายทำหน้าที่ย่อหย่อนและไม่เคร่งครัดในหน้าที่ ก็จึงทำให้ผู้กระทำผิดกฎหมายไม่ยำเกรงบทลงโทษ เมื่อกฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์เสียแล้ว กฎระเบียบของบ้านเมืองก็จะรวนเรและไม่เป็นที่ยำเกรงของสมาชิกสังคมอีกต่อไป
น่าสังเวชมากจนเกินบรรยายที่สังคมไทยมีคนมักง่ายมากมาย แล้วก็ยังมีผู้บังคับใช้กฎหมายที่ไม่เคร่งครัดในการทำหน้าที่ เมื่อสองปัจจัยนี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน สังคมไทยก็จึงเละเทะ ไร้ระเบียบ ไร้กฎเกณฑ์ อย่างที่เราทุกคนประจักษ์อยู่เป็นประจำ
คุณพอจะช่วยสาธยายความมักง่ายสารพัดชนิดของคนไทยให้เพื่อนร่วมสังคมได้รับทราบได้หรือไม่
คุณอาจจะเคยเห็นหรือเคยได้ยินว่าคนไทยชอบบอกว่าเกลียดการบุกรุกป่าสงวน ใช่หรือไม่ แล้วคุณเคยเห็นหรือไม่ว่า แม้กระทั่งคนที่ไม่มีอำนาจรัฐ หรืออำนาจการเมืองเลยแม้แต่น้อย ก็ยังอุตส่าห์บุกรุกที่สาธารณะ ยกตัวอย่างเช่น คนบางคนอยู่อาศัยในห้องแถวริมถนน ก็ยังไม่ละอายกับการตั้งวางสิ่งของรุกล้ำทางเท้า หรือบางคนอยู่บ้านแบบทาวน์เฮ้าส์ แต่ก็ยังอุตส่าห์รุกล้ำผิวถนนหน้าบ้านของตนด้วยการจงในสร้างแนวรั้วประตูให้ยื่นล้ำออกไปจากแนวเขตของตน หรือบางรายก็จงใจยึดที่กลับรถยนต์ของส่วนรวมในหมู่บ้านเพื่อเอาไปทำที่จอดรถยนต์ของตน แล้วก็มีบางรายหน้าหนา ไร้ความละอายยิ่งกว่า เพราะจงใจขยายเขตแนวรั้วของตนออกไปกินพื้นที่สาธารณะ โดยเฉพาะบ้านที่อยู่บริเวณแปลงหัวมุม
นี่คือความจริงที่เราทุกคนพบเห็นกันเป็นประจำในสังคมไทย แล้วเราก็รู้สึกชาชินกับเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ จนทำให้เกือบทุกคนสามารถจงใจทำเรื่องน่าละอายเช่นนี้ได้โดยไม่รู้สึกกระดากอายแต่อย่างไรเลยแม้แต่น้อย
อยากขอถามอีกครั้งว่า คนที่มีพฤติกรรมน่าทุเรศและน่าละอายดังกล่าวนั้นรู้หรือไม่ว่าตนเองกำลังทำผิดกฎหมาย
ถ้าหากรู้ แล้วเหตุใดยังคงทำพฤติกรรมน่าทุเรศเช่นนั้นต่อไป
หรือหากจะตอบว่า ไม่รู้ ก็ต้องขอบอกว่า คุณกำลังทำผิด แล้วเมื่อคุณรู้ว่าได้ทำผิดไปแล้ว คุณจะปรับปรุงแก้ไขอย่างไร หรือจะบอกว่า แล้วก็แล้วกันไป
มีคำถามว่า ทำไมเวลาคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น เหตุใดคนไทยจึงไม่กล้าทำผิดกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น (ยกเว้นกรณีนายตำรวจใหญ่นำปืนขึ้นเครื่องบินในประเทศญี่ปุ่น แล้วไม่ถูกจับกุมดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด) ทำไมคนไทยไม่กล้าทิ้งขยะเวลาไปเที่ยวประเทศสิงคโปร์ ทำไมไม่กล้าแอบปัสสาวะริมถนนในสิงคโปร์ แม้จะปวดอย่างมากจนสุดจะทน แล้วทำไมคนไทยไม่กล้าขับรถยนต์ฝ่าไฟแดงในสิงคโปร์ แม้ในยามนั้นจะเป็นเวลาตีสามแล้วก็ตาม ขอถามย้ำว่าเพราะอะไรคนไทยจึงไม่กล้าทำผิด
แล้วขอถามอีกครั้งว่า ทำไมคนไทยจึงกล้าทำผิดกฎหมายสารพัดแบบชนิดที่ว่าจงใจทำผิดกฎหมายแบบออกนอกหน้าในประเทศไทย ทำไมเด็กนักเรียนซึ่งไม่มีใบขับขี่รถยนต์ และจักรยานยนต์จึงกล้าขับรถยนต์และจักรยานยนต์ไปโรงเรียนหรือไปในที่ต่างๆ ได้ แม้นักเรียนจะรู้ดีว่าต้องไปพบกับตำรวจจราจรอย่างแน่นอน
คงไม่ต้องถามว่า ทำไมผู้มีอำนาจเงินที่ไร้ความละอาย มีอำนาจรัฐและมีอำนาจทางราชการแต่ไร้คุณธรรม รวมถึงผู้มีอิทธิพลเถื่อนในสังคมไทยจึงจงใจกระทำผิดเป็นประจำโดยไม่สะทกสะท้าน หรือยำเกรงต่อบทลงโทษของกฎหมาย
หากคุณตอบคำถามข้างต้นนี้ได้ชัดเจน คุณก็คงตอบได้ว่า ทำไมคุณรวย นักการเมือง พ่อค้า ข้าราชการ โดยเฉพาะกลุ่มที่ไร้คุณธรรม จึงสามารถทำผิดได้เป็นประจำ แล้วคุณก็จะเลิกตั้งคำถามว่า ทำไมรีสอร์ท และโรงแรมจำนวนไม่น้อยจึงบุกรุกเข้าไปก่อสร้างในเขตป่าสงวน รุกล้ำทะเล ยึดเกาะได้ทั้งเกาะ หรือยึดแม่น้ำได้เกือบทั้งสายได้ แล้วคุณก็คงจะไม่สงสัยเช่นกันว่า ทำไมริมบาทวิถีในสังคมไทย โดยเฉพาะในย่านชุมชนใหญ่ๆ จึงกลายเป็นที่ทอดไก่โดยใช้กระทะใบมหึมาที่มีน้ำมันเดือดๆ เต็มกระทะ ตั้งบนเตาไฟที่ร้อนสุดขีดได้ แล้วก็จะไม่ถามว่าทำไมจึงมีขยะที่เป็นโต๊ะ เตียง ตู้ บานประตู ที่นอนขนาด King Size ทั้งหลัง ลงไปลอยอยู่ในลำคลองริมถนน
ถ้าหากสังคมไทยไม่มีคนมักง่าย แล้วถ้าหากสังคมไทยมีการบังคับใช้กฎหมายที่เคร่งครัดจริงๆ ครบถ้วนแล้ว สังคมไทยจะมีปัญหาดังที่เราและคุณประสบพบเห็นกันเป็นประจำหรือไม่
ขอถามทิ้งท้ายว่า คุณเป็นส่วนหนึ่งของผู้สร้างปัญหาให้สังคมไทยหรือไม่ หากคุณตอบว่าใช่ แล้วจะยังคงทำพฤติกรรมนั้นต่อไปเรื่อยๆ ก็คงเปล่าประโยชน์ที่จะคุยกันต่อไป เพราะสังคมไทยคงไม่มีวันดีไปกว่านี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี