l 1.มาถึงปีที่สี่ของคสช. : ปี่กลองและสารพัดกลไกของพรรคการเมืองเก่าก็บรรเลงหนักขึ้นเรื่อยๆ
แทนที่ “เขา” จะเสนอแนวทางการปฏิรูปพรรคการเมือง นักการเมือง และปฏิรูปประเทศ ฯลฯ กลับพุ่งตรงใส่หน้า : รัฐบาลคสช.และพลเอกประยุทธ์ ทั้งจริง, จริงบ้างไม่จริงบ้าง และ Fake News
@ชาวบ้านและประเทศ นอกจากไม่ได้ความรู้ ความคิดในเชิงสร้างสรรค์ ยังสับสนงงงวย เป็นยิ่งนัก
“เขา” ไม่เคยชื่นชมหรือยกย่อง “ผลงานของรัฐบาล” ที่ชาวบ้านและประเทศได้ประโยชน์เลย, น่าเศร้าหนอ พวกสาวกบริวารของพรรคทุนสามานย์ที่เรียงหน้าออกมาวิจารณ์ใส่ร้ายรัฐบาลเพื่อประจบนายแล เพียง “นายใหญ่นายสาว” สั่นกระดิ่งว่ามาถึง “จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์” ต่างวิ่งไปประจบประแจง
@ทำให้นึกถึงทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิก (Classical Conditioning) ของ “พาฟลอฟ” (Pavlov) ทำการศึกษาทดลองกับสุนัข โดยฝึกสุนัขให้ยืนนิ่งอยู่ในที่ตรึง ในห้องทดลอง ที่ข้างแก้มของสุนัขติดเครื่องมือวัดระดับการไหลของน้ำลาย การทดลองแบ่งเป็น 3 ขั้น คือ 1.ก่อนการวางเงื่อนไข 2.ระหว่างการวางเงื่อนไข และ 3.หลังการวางเงื่อนไข
ขั้นที่ 1 เสียงกระดิ่ง(CS) ไม่มีน้ำลาย ผงเนื้อ(UCS) น้ำลายไหล(UCR)
ขั้นที่ 2 เสียงกระดิ่ง น้ำลายไหล (UCR) และผงเนื้อ (UCS) ทำขั้นที่ 2 ซ้ำกันหลายๆ ครั้ง
ขั้นที่ 3 เสียงกระดิ่ง (CS) น้ำลายไหล (CR)
การเรียนรู้แบบวางเงื่อนไขแบบคลาสสิกคือการตอบสนองที่เป็นไปโดยอัตโนมัติเมื่อนำสิ่งเร้าใหม่มาควบคู่กับสิ่งเร้าเดิม ซึ่งนักจิตวิทยาเรียกพฤติกรรมตอบสนองนี้ว่า “พฤติกรรมเรสปอนเด้นท์”
l 2.เรื่องนักการเมือง พรรคการเมืองในยุคนี้ โดยเฉพาะ “ตั้งแต่ ปี 2544 ที่เกิดพรรคทุนสามานย์ครองเมือง” ทำให้ “ปู่จิ๊บ” ต้องนึกทบทวน ย้อนกลับไปยังอดีตที่ยาวนาน ตั้งแต่มีพรรคการเมืองขึ้น หลังปี 2475
พรรคการเมืองต่างๆ โดยภาพรวม ที่เน้นพรรคใหญ่ที่เคยจัดตั้งหรือร่วมจัดตั้งรัฐบาล ก่อนปี 2544 ที่แม้มีการซื้อเสียงขายสิทธิ แต่ยังไม่เป็นปัจจัยหลักในการได้มาเป็น สส. เป็นรัฐบาล แบบผูกขาดพรรคเดียว
2.1“พรรค” ยังพอมีอุดมการณ์ มีนโยบาย ผู้นำที่โดดเด่นบ้าง บุคลากรของพรรคที่เข้มแข็ง และมีกลไกฯ
2.2 ในภาวะนั้น ที่สำคัญคือ “ประชาชน” ยังได้รับการโฆษณาหาเสียงที่พอมีคุณภาพ การมีข้อมูลที่ถูกต้อง ทำให้การตัดสินใจเลือก “ผู้สมัครสส.” ได้ดีพอควร แม้ยังไม่สมบูรณ์ หรือมีการซื้อเสียงขายสิทธิอยู่ไม่น้อย
2.3 ปัจจัยระบบราชการ “ตำรวจ ทหาร ข้าราชการประจำฯ” แม้จะมีผล แต่ยังไม่มีการจัดการอย่างเป็นระบบ
l 3.ปัญหา “พรรคการเมือง” ในยุคก่อนปี 2544 ไม่มีการพัฒนาไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงได้
3.1 ปัญหาสถาบันทางการเมืองอ่อนแอ ขาดคุณภาพ ขาดศักยภาพ ขาดประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
การขาดระบบการเมืองที่ทำหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่
การขาดประสิทธิภาพและความสามารถของระบบการเมือง ในการแก้ไขปัญหาของสังคม
ปัญหาระบบการเมืองไทยยังถูกครอบงำโดยระบบราชการที่เป็นกลไกหลักในการแก้ไขปัญหาในด้านต่างๆ
ปัญหาผู้นำทางการเมืองไม่ดำเนินการ(ปฏิรูป) แก้ไขปัญหาของระบบราชการอย่างจริงจัง
3.2 ปัญหาระบบราชการ ก็มีปัญหาในการทำหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ
ปัญหาการรวมศูนย์อำนาจบริหาร การขาดประสิทธิภาพของระบบราชการ
ระบบราชการก็เริ่มถูกแทรกแซง จากฝ่ายการเมือง และข้าราชการส่วนหนึ่ง ก็วิ่งเข้าหารับใช้นักการเมือง
3.3 ระบบการเมืองและระบบราชการไม่เอื้อให้เกิดการปฏิรูป โครงสร้างและระบบของสังคม ที่สำคัญ คือ ขาดการพัฒนาและสร้างประชาชนและบุคลากรให้มีคุณภาพมีคุณธรรมทำเพื่อบ้านเมือง
l 4.มาถึงการกำเนิดพรรคการเมืองทุนสามานย์ ตั้งแต่ปี 2544 มาถึงปัจจุบัน
เป็นการพัฒนามาสู่ “องค์การ”(organization) “ธุรกิจการเมืองสามานย์” ที่สมบูรณ์ครบเครื่อง คือ การเข้าสู่อำนาจทางการเมือง การใช้ทุน สื่อ กลไกรัฐ นักวิชาการ มวลชน การซื้อเสียงขายสิทธิฯ เมื่อเป็นรัฐบาลก็ใช้อำนาจรัฐ เข้าแทรกแซงราชการ ดึงมาเป็นพวก ใช้งบประมาณ เสนอโครงการประชานิยมและอภิมหาโครงการฯโกงกิน หาทุน รวมทั้งการแก้กฎหมายและรัฐธรรมนูญ เพื่อให้พ้นคดีและสร้างอำนาจฯ
โดยสิ่งที่เขาได้ดำเนินการไป มีประเด็นที่สำคัญคือ
- กำไร อำนาจรัฐเบ็ดเสร็จรวมศูนย์ อยู่ที่ “กู” หรือ “นอมินี”
- ผูกขาดการเป็นรัฐบาลหรือพรรคร่วมรัฐบาล และนักการเมืองฯต้องยอมขึ้นต่อ
- พรรคฝ่ายค้านไม่มีความหมาย เสนอในสภา พูดนอกสภาฯ ไม่มีความหมาย ไม่มีผลสะเทือน
- ข้าราชการประจำ ตำรวจ และกระบวนการยุติธรรมฯ ต้องเข้า
สวามิภักดิ์หากต้องการตำแหน่งที่สูงขึ้น
- นักธุรกิจ กลุ่มทุนอื่นๆ ต้องมาร่วมมือแบ่งเค้ก ยอมสยบ ขึ้นต่อหรือไปกินคำเล็ก ก้อนไม่โต
- มวลชน ต้องขึ้นต่อพรรค สส.แกนนำฯ
- มวลมหาประชาชน ที่ออกมาคัดค้านต่อต้านฯ ไม่มีผลต่อการอยู่การไปของรัฐบาลที่มีสส.เสียงข้างมาก
- งบประมาณของรัฐ ถูกใช้ไปมอมเมา ให้ชาวบ้านขึ้นต่อ “นโยบายประชานิยม” แบบวัดครึ่งกรรมการครึ่ง
- สื่อสารมวลชนหลัก ต้องขึ้นต่อ ทำให้ไม่แคร์สื่อหลักสื่อรองที่ดี มีจรรยาบรรณ
- สื่อต่างประเทศ รวมทั้งองค์กรสถาบันต่างประเทศติดกับดัก ข้อมูลและความสัมพันธ์พิเศษ
@ปัญหาสำคัญคือ “เขาและพรรคการเมืองของเขา” ไม่สนใจการตรวจสอบจากกระบวนการยุติธรรม และการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ เพราะ “เขามีอำนาจ” และมีกลไกฯที่ไม่ทำตาม (เหมือนกับที่ผ่านมา) และไม่มีการพัฒนาและสร้างประชาชนให้มีคุณภาพ ที่มีอิสระคิดเป็นทำเป็น มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
ผลประโยชน์ในช่วงการบริหารประเทศ กลับตกอยู่ที่เขา ครอบครัวและพวกพ้อง ไม่ถึงประชาชนและประเทศ
l 5.มองย้อนยุค “การเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม” และรัฐบาลมิชอบธรรม, : ประชาชนส่ายหน้า มวลมหาประชาชนเรือนล้าน ที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญ ปกป้องการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งๆ ที่มีความเสี่ยง มีการบาดเจ็บเสียชีวิต ฯลฯ แต่ “รัฐบาล นักการเมืองเก่า” ที่มีการละเมิด การโคตรโกงฯ กลับไม่เคารพกติกา ไม่ยอมลงจากอำนาจฯ ทำให้กองทัพฯออกมารัฐประหาร ยุติความขัดแย้ง ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อเปิดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปฯ
@นักการเมือง พรรคการเมืองเก่า ฯลฯ ไม่สำเหนียก ไม่สรุปบทเรียนกันบ้างฤา หรือ กลัวความจริง
@ส่วนนักการเมืองเก่าอีกพรรคหนึ่งก็ออกมาประกาศว่า “นโยบายพรรคเขา” ต่างกันกับ “ กปปส.” ซึ่งก็ดีน่ะ, ประชาชนเรือนล้านฯที่ออกมาเดินร่วมกับ กปปส.ปี 2556-57 จะได้เลือกไม่ผิด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี