ในตอนที่ผ่านมา ได้พูดให้ฟังว่า “การปฏิรูปตำรวจเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรละเลย หรือมัวแต่ “ลูบโน่นลูบนี่” ไม่มีอะไรจริงจังเกิดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องสำคัญใหญ่ๆที่เคยมีผู้เสนอแนะไว้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปฏิรูปโครงสร้าง การกระจายอำนาจ การลดอำนาจ การแต่งตั้งกรรมการอิสระในการติดตามตรวจสอบ หรือด้านการปฏิรูปสถานีตำรวจในท้องที่ทุกแห่งทั่วประเทศ เป็นต้น
วันนี้มาว่ากันต่อในแต่ละเรื่องที่สำคัญๆดังกล่าว
1.การปฏิรูปโครงสร้างและระบบการทำงานของตำรวจ
เนื้อหาสำคัญข้อนี้คือ การลดบทบาทจากส่วนกลาง แต่เพิ่มบทบาทและอำนาจหน้าที่ให้กับหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ให้มากขึ้น โดยเฉพาะการปรับในระดับจังหวัด เพราะจะทำให้ง่ายต่อการสนองตอบในพื้นที่ต่างๆ
2.การให้ภาคส่วนต่างๆเข้ามามีส่วนร่วมในการกำกับดูแลหน่วยงานตำรวจที่ได้มีการปฏิรูปใหม่ดังกล่าว เพื่อให้การทำงานเป็นระบบสอดคล้องกันมากยิ่งขึ้น เช่น
ผู้แทนจากคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม อัยการ สภาทนายความ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้ตรวจการแผ่นดิน และผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนหนึ่ง
3.คณะกรรมการในระดับนโยบายของตำรวจ ทั้งในระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และในระดับภาคต่างๆ ที่ทำหน้าที่เหมือนถือหางเสือกำกับทิศทางการบริหารงานของตำรวจ ต้องมีองค์ประกอบที่หลากหลายซึ่งจะทำให้การแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการตำรวจอยู่บนพื้นฐานของระบบคุณธรรมที่ดี จะช่วยลดการแทรกแซงหรือการครอบงำจากทางการเมือง หรือฝ่ายใดก็ตามที่ไม่ดี
4.จัดให้มี “สำนักงานพัฒนาระบบงานตำรวจ” ขึ้นเพื่อเป็นหน่วยงานในการศึกษา วิเคราะห์ข้อมูล หรือข่าวสารต่างๆ เพื่อวัดผลหรือติดตามการทำงานของตำรวจ และความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นการดีที่สุดกว่าการนำทุกอย่างมาตัดสินใจกันที่ส่วนกลาง
5.การถ่ายโอนภารกิจที่ไม่ใช่ภารกิจของตำรวจ ไปให้หน่วยงานที่มีภาระหน้าที่เกี่ยวข้องในกระทรวงทบวงกรมอื่น โดยพิจารณาความพร้อมของหน่วยงานที่จะรองรับด้วย ซึ่งข้อสำคัญของเรื่องนี้อยู่ที่เรื่องที่ว่า ตำรวจในขณะนี้มีหน่วยงานที่ใหญ่โต เทอะทะ จากงานบางอย่างที่กระทรวงทบวงกรม อื่นมีอยู่แล้ว หรือเป็นหน้าที่โดยตรงของกระทรวงทบวงกรมนั้นอยู่แล้ว ควรโอนกลับไป
6.การปรับปรุงสถานีตำรวจที่มีอยู่ทั้งในส่วนกลางและในส่วนภูมิภาค โดยมอบหน้าที่หรือภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานของตำรวจโดยตรง ไปสู่หน่วยงานที่เหมาะสมกว่า เพื่อให้งานของโรงพักตำรวจที่มีภารกิจมากในการดูแลความปลอดภัยประชาชนในพื้นที่ และที่สำคัญก็คือ การจัดการที่ควรเน้นในเรื่องการป้องกัน และมีโครงสร้างเรื่องงบประมาณของโรงพักที่ใหญ่เล็กไม่เท่ากันให้หมดลงด้วย
7.การสร้างกลไกการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ
การตรวจสอบตำรวจด้วยกันเองนั้น เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน เพราะตำรวจเป็นหน่วยงานที่ทำงานใกล้ชิดประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะต้องมีข้อร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับตำรวจอยู่มากในการปฏิบัติหน้าที่ ถ้าตำรวจยังคงตรวจสอบตำรวจด้วยกันเองเช่นในขณะนี้ ความโปร่งใสหรือความยุติธรรมที่จะเกิดขึ้นคงเป็นไปได้ยาก ไม่ค่อยจะเป็นที่น่าเชื่อถือของสังคม แม้กระทั่งตำรวจด้วยกันเองก็มีการร้องเรียนซึ่งกันและกันเช่นเดียวกันในเรื่องต่างๆของการประพฤติปฏิบัติว่าไม่มีความเป็นธรรม เป็นต้น เพราะฉะนั้นสมควรมี “คณะกรรมการอิสระในการตรวจสอบ” ขึ้นมาทำหน้าที่โดยเป็นคณะกรรมการที่ไม่อยู่ในการกำกับดูแลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมา เป็นเรื่องของการ “ปฏิรูปตำรวจ” ไม่ใช่การ “ปฏิลูบตำรวจ” ซึ่งมีหลายกระบวนท่าและหลายวิธีการในการปฏิรูป
“ปฏิรูปตำรวจ” เพื่อให้ตำรวจหายพิการในการทำงานให้กับประชาชน ทั้งในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินที่เป็นอยู่ในแต่ละวัน รวมทั้งเรื่องความยุติธรรมที่ประชาชนควรได้รับ
เพียง 7 ข้อ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ถ้าจัดการกันจริงๆ ให้ได้แล้ว ทั้งโครงสร้างของตำรวจที่ใหญ่โต เทอะทะ มีการบริหารจัดการกันเองอย่างที่ผ่านๆมา ผลที่จะเกิดขึ้นตามมาจะเป็นของประชาชนทุกหมู่เหล่า แม้กระทั่งตัวของตำรวจด้วยกันเองในทุกระดับด้วย เพราะได้พูดมาในตอนแรกแล้วว่า ตำรวจเป็น “ต้นธาร” ของกระบวนการยุติธรรมของประเทศ
ถ้า “ต้นธาร” ไม่สะอาด ปลายน้ำก็สกปรก
ชาวบ้านต้องกินน้ำใช้น้ำสกปรกตลอดเวลา
โดยเฉพาะในสถานการณ์ของบ้านเมืองขณะนี้ ที่ทุกสิ่งทุกอย่างยังไม่มีอะไรดีขึ้นทุกด้าน มองไปทางไหนเห็นแต่ใบหน้าของผู้คนที่หมองคล้ำไปด้วยปัญหาร้อยแปดพันเก้า บ้านไม่มีอยู่ ข้าวไม่มีกินเพราะไม่มีเงินใช้จ่าย แถมหลายต่อหลายคนมีหนี้สินเพิ่มขึ้น ทั้งหนี้สินส่วนตัวและหนี้สินของครอบครัว ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอยู่ในระดับไม่ปกติเหมือนก่อน
จะมีอยู่บ้างบางกลุ่มบางพวกที่ยังร่าเริงจากอำนาจ
มีกินมีใช้ไม่อดอยากเพราะใช้เงินภาษีของประชาชน
การทุจริตคดโกง ฉ้อราษฎร์บังหลวง และความไม่ชอบมาพากลในผลประโยชน์ต่างๆที่พวกมีอำนาจขณะนี้ได้รับมาใช้ รับมาเป็นของตนอย่างไม่โปร่งใส จะเลื่อนขั้นเลื่อนยศหรือได้ตำแหน่งสูงๆกันต้องผ่านการวิ่งเต้นด้วยเงินทอง หรือบางคนใช้ “อาชีพตำรวจ” เป็นเพียง “ไซด์ไลน์” เท่านั้น เป็นต้น ล้วนแล้วแต่การทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของผู้มีอำนาจหน้าที่ในระดับสูงทั้งนั้น ที่ไม่จริงใจหรือใส่ใจในการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมานั่นเอง
ทุกอย่างเพียงแค่ “ปฏิลูบ” ไม่ใช่ “ปฏิรูป”
น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี