เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ รัฐบาลเยอรมนีได้มีมติระงับการออกการตรวจลงตรา (วีซ่า) แบบพิเศษให้กับ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะรัฐบาลกัมพูชา ในการจะเดินทางไปเยือนประเทศเยอรมนีเป็นการส่วนตัว แปลเป็นภาษาชาวบ้านก็คือ เยอรมนีไม่ต้อนรับและไม่อนุญาตให้คนในคณะรัฐบาล ฮุนเซ็น เข้าประเทศของเขา เพื่อเรื่องส่วนตัวใดๆ
สถานทูตเยอรมนี ณ กรุงพนมเปญ ได้นำมตินี้แจ้งต่อรัฐบาลสมเด็จฯฮุนเซ็น ทราบในวันต่อมาคือ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ซึ่งเท่ากับเป็นการคว่ำบาตรนายกรัฐมนตรี-สมเด็จฯ ฮุนเซ็น และคณะรัฐบาลทั้งคณะ เป็นการคว่ำบาตรเฉพาะเป้า (Target Sanction) และเป็นการแสดงความไม่พึงพอใจต่อการบริหารราชการแบบเผด็จการของนายกรัฐมนตรี สมเด็จฯ ฮุนเซ็น ไม่ว่าจะเป็น การสั่งการให้ศาลยุบพรรคกู้ชาติกัมพูชา ที่เป็นการขจัดพรรคฝ่ายค้านหลัก รวมถึงการไล่จับกุมผู้นำพรรคฝ่ายค้านเข้าคุกตะราง และทำการกวาดล้างนักการเมือง นักเคลื่อนไหว ที่ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายรัฐบาล นอกจากนั้นยังดำเนินการปิดองค์กรที่มิใช่รัฐ โดยหากเป็นองค์กรต่างประเทศ ก็จะถูกขับไล่เนรเทศออกไปจากกัมพูชา
ก็ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระหว่างประเทศยุโรป กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะระหว่างประเทศเสรีประชาธิปไตย เช่น เยอรมนี กับประเทศที่มีผู้นำที่ดำรงตนเป็นเผด็จการ เช่น กัมพูชา
โดยที่ผ่านๆ มานั้น การคว่ำบาตรมักจะเป็นมาตรการที่กระทำกับตัวประเทศ ซึ่งส่งผลทำให้ประชาชนซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ต้องมาร่วมรับบาปกรรมหรือกลายเป็นผู้ถูกกระทำ จากการกระทำของผู้นำของตนเองนั่นเอง ซึ่งผมเองก็ไม่เห็นด้วยกับการคว่ำบาตรประเทศ ที่ทำร้ายผู้คนทั้งประเทศ เพราะมันไม่แฟร์ ไม่ยุติธรรม ไม่ชอบธรรมเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นผมจึงเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการคว่ำบาตรต่อตัวผู้นำและกลุ่มอำนาจที่กระทำการโหดร้ายต่อประชาชนพลเมืองของตนเองโดยตรง เช่นเดียวกับที่เยอรมนีเพิ่งจะแสดงให้ชาวโลกได้เห็นว่ามันเป็นวิธีการที่เกิดขึ้นได้จริงและเหมาะสม
การระงับการออกการตรวจลงตราให้กับผู้นำและคณะรัฐบาล และครอบครัว โดยเยอรมนีนั้น เป็นแค่ก้าวแรก ขั้นต่อไป ก็คงจะขยายไปยังเครือข่ายของผู้เห็นร่วมกับประเทศเยอรมนีอย่างแน่นอน โดยเยอรมนีก็กำลังดำเนินการเรียกร้องให้เพื่อนประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปกระทำเช่นเดียวกัน
การคว่ำบาตรขั้นต่อไปก็จะมีได้ อาทิ
- การอายัดบัญชีเงินฝากธนาคารในต่างประเทศ
- การบังคับมิให้ภาครัฐและเอกชนในประเทศตนไปกระทำธุรกิจใดๆ กับบุคคลในคณะรัฐบาล
- การตัดทุนการศึกษา หรือการปฏิเสธการไปเล่าเรียนโดยลูกหลานคณะรัฐบาล
- การตรวจสอบความร่ำรวย และเครือข่ายธุรกิจ
- การยังเปิดให้ไปร่วมประชุมระหว่างประเทศในเยอรมนี หรือประเทศที่ปฏิบัติเยี่ยงเยอรมนี แต่จะลดระดับการต้อนรับดูแล และเป็นการลดเกียรติไปในตัว เป็นต้น
แม้เยอรมนีได้คว่ำบาตรตัวผู้นำและลิ่วล้อที่กัมพูชาไปแล้ว แต่ สมเด็จฯฮุนเซ็น ก็ยังคงกร่าง โดยตอบกลับไปว่า เมื่อไม่ให้วีซ่าก็จะไม่ไป เพราะไม่ได้มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องไปท่องเที่ยวที่เยอรมนี (สู้อยู่บ้านนั่งนับเงินคงดีกว่า) ซึ่งวิเคราะห์แล้ว ก็คงเป็นแค่การพูดจาแบบหน้าชื่นอกตรมมากว่า เพราะการที่ผู้นำประเทศถูกเล่นงานอย่างนี้บนเวทีโลก ถือเป็นการเสียหน้า เสียศักดิ์ศรี อย่างรุนแรง
ก็ถือเป็นเครื่องเตือนให้บรรดาผู้นำเผด็จการนิยมทั้งหลายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ว่าทำตัวพองได้แค่ที่บ้าน จะไปยืดอกโชว์พลังนอกบ้านนั้นมันลำบากอยู่
กระบวนการกดดันต่อผู้นำที่นิยมเผด็จการโดยตรงได้เริ่มแล้วในสังคมโลก ซึ่งก็คงจะมีการยกระดับความเข้มข้น เพิ่มเติมมาเป็นระลอกๆ แน่ ดังนั้น ผู้นำประเทศคนใดที่ยังติดหล่มในอำนาจ ก็ควรที่จะได้พึงสังวรเอาไว้ กลับตัวกลับใจก่อนจะไปเสียท่าบนเวทีโลก ให้อับอายทั้งวงศ์ตระกูลไปทั่วโลกอย่างกรณีกัมพูชา
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี