นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่คนรุ่นใหม่ ที่ยังไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดๆ มาก่อน ประกาศตนว่าจะลงสู่สนามการเมือง แล้วจะสร้างอนาคตใหม่ให้กับประเทศไทยและการเมืองไทย แต่ในความน่ายินดีนั้น ก็ยังมีเรื่องที่ควรระมัดระวังให้จงดี
ข้อน่าสังเกต และต้องพึงระวังคือ ในอดีตเมื่อประมาณเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา สังคมไทยก็เคยมีนักธุรกิจผูกขาดสัมปทานบางรายประกาศลงสู่สนามการเมือง ด้วยการสร้างภาพลวงตาว่า ตนเองเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดมาแล้ว แล้วก็ย้ำว่าตนเองไม่ใช่นักการเมืองน้ำเน่า มือสกปรก แต่ตนเองมีประสบการณ์ในการบริหารกิจการที่ดีจนประสบความสำเร็จสูงสุด จึงต้องการเข้าไปสร้างสรรค์ความดีงามให้กับประเทศชาติ แถมยังอ้างอีกว่าเมื่อตนเองประสบความสำเร็จทางธุรกิจอย่างสูงสุดแล้ว จึงต้องการจะอุทิศตนเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง
แล้วผลสุดท้ายเป็นเช่นไร นักธุรกิจผู้ยกตัวและอวดอ้างตนเองว่ารวยจนเกินพอแล้ว โดยเฉพาะการอ้างว่า รวยแล้วไม่โกง
แต่สุดท้ายเขาผู้นั้นได้ทำร้ายประเทศชาติอย่างสาหัสสากรรจ์เพียงใด เรื่องของความเลวร้ายชั่วชาติที่เกิดจากน้ำมือของเขาคนนั้นเป็นสิ่งที่วิญญูชนต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ ยกเว้นก็เพียงผู้ที่ได้รับส่วนแบ่งจากการโกงชาติโดยนักธุรกิจการเมืองรายนั้น ซึ่งคนกลุ่มนี้จะรู้สึกว่านักธุรกิจโกงชาติเป็นวีรบุรุษของตน
มาวันนี้ ประเทศไทยได้มีกลุ่มคนที่อ้างว่าตนเองใจซื่อมือสะอาด ต้องการจะเข้ามาสร้างผลประโยชน์สูงสุด และสร้างสรรค์ความเป็นประชาธิปไตยให้กับประเทศไทยอีกแล้ว แต่เมื่อดูแล้วก็พบว่าคนที่รับหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่มการเมืองคือเครือญาติของอดีตนักธุรกิจการเมืองรายหนึ่งที่ถูกตราหน้าว่าโกงชาติ
หลายคน โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยจดจำประสบการณ์การเมืองที่เลวร้ายซึ่งเคยเกิดขึ้นกับประเทศไทยมาก่อน เมื่อได้ฟังคำหวานจากปากของคนที่อ้างว่าเป็นคนมือสะอาด ก็เกิดความรู้สึกเคลิบเคลิ้มหลงใหล แต่สำหรับคนที่ยังมีความทรงจำถึงรสชาติของความเลวร้ายที่สุดจะบรรยายอันเกิดจากน้ำมือของนักธุรกิจการเมืองผู้โกงชาติด้วยกลวิธีทุจริตเชิงนโยบาย ต่างบอกตัวเองให้ระมัดระวังตัวให้จงดี แล้วก็พยายามบอกเตือนกันต่อๆ ไปว่าให้ระวังว่าอดีตอันแสนจะเลวร้ายอาจจะหวนกลับมาทำร้ายประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง
ขอเตือนความจำสำหรับคนที่อาจจะหลงลืมความเลวทรามของนักธุรกิจการเมืองที่เคยได้ครอบครองอำนาจรัฐ แล้วใช้อำนาจรัฐทำร้ายประเทศชาติอย่างแสนสาหัส สิ่งที่อยากจะย้ำเตือนคือ นักธุรกิจการเมืองรายนั้นเคยใช้ข้ออ้างว่าจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือคนยากคนจนของแผ่นดิน โดยสร้างจุดขายทางการเมืองด้วยกลวิธีใช้ความยากจนของเพื่อนร่วมชาติเป็นเครื่องมือหาเสียง แต่เมื่อได้อำนาจรัฐไปครอบครองแล้ว เขากลับสร้างความแตกแยกอย่างหนักให้บังเกิดกับสังคมไทย แล้วก็มิได้สร้างความมั่งมีแต่ประการใดให้บังเกิดกับคนยากคนจน
แน่นอนว่า ประเทศไทยมีคนยากคนจนจำนวนมากแต่การอ้างเพียงลมปากว่าจะช่วยเหลือคนจนให้หลุดพ้นจากความยากจน ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง เขาผู้นั้นมิเคยช่วยเหลือคนจนให้สามารถยืนอยู่ได้ด้วยลำแข้งของตนเอง แต่กลับใช้การหว่านและแจกเงินภาษีอากรของประเทศเพื่อซื้อคนจนไว้เป็นฐานเสียง ซึ่งเปรียบเสมือนทำให้คนไทยที่รู้ไม่เท่าทัน กลายเป็นผู้เสพติดการได้รับเงินที่ดูเสมือนเป็นเงินได้เปล่า โดยไม่ต้องลงแรงทำงาน จนในที่สุดคนไทยจำนวนไม่น้อยต่างหลงเข้าใจผิดคิดว่า เงินที่ได้รับแจกคือเงินของนักธุรกิจการเมืองโกงชาติรายนั้น แล้วก็อ้างว่า เป็นเงินที่ได้มาฟรีๆ ไม่จำเป็นต้องชดใช้คืนให้กับประเทศชาติ
ขอเตือนสติคนไทยได้โปรดระวังกลุ่มนักธุรกิจการเมืองที่พยายามจำแลงกายมาในรูปลักษณ์คนรุ่นใหม่ แต่เป็นคนรุ่นใหม่ที่เป็นเครือญาติของนักธุรกิจการเมืองผู้เคยโกงบ้านโกงเมืองมาก่อน ขอย้ำว่าคนพรรค์นี้ไม่มีวันช่วยเหลือประเทศชาติ รังแต่จะเข้ามาโกงบ้านกินเมืองเหมือนเครือญาติซึ่งเป็นนักธุรกิจการเมืองของเขา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี