เหตุเกิดเนื่องจากการประกาศพื้นที่ระบาดของโรค “พิษสุนัขบ้า” ซึ่งมากมายจนผู้คนพากันตกใจ แถมเมื่อตรวจสอบลึกลงไป พบทั้งการโกงค่าวัคซีนฉีดป้องกัน และวัคซีนเสื่อมคุณภาพ จนเป็นที่มาของการออกมาให้สัมภาษณ์ของปลัดกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง “ภาษีหมา-แมว”
โดยเมื่อ 18 มี.ค. นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีวัคซีนในสัตว์ไม่ได้คุณภาพ ว่า ตอนนี้ได้รับตรวจสอบหมดแล้ว ทั้งวัคซีนในคนในสัตว์ โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้เข้าตรวจสอบวัคซีนในคนและสัตว์ 100% จากเดิมวัคซีนในสัตว์ ในกฎหมายไม่ต้องตรวจ ให้มีหนังสือรับรองจากบริษัทแม่ สามารถนำเข้าให้ผ่านมาได้ ตอนหลัง สธ.ร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจให้โดยทางสำนักอาหารและยา (อย.)ออกใบอนุญาต
“ลอตแรกเรียกคืนสองสามปีมาแล้ว ไปสุ่มเจอจากท้องตลาด ไปพบไม่ได้มาตรฐาน เรียกคืนทั้งหมด โดย อย.อายัดทั้งหมด เพื่อมาทำลาย และสาเหตุการระบาดครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีนลอตที่ไม่มีคุณภาพ แต่เพราะหมา แมวบ้านเรา กว่า 10 ล้านตัว คนไทยไม่เคยสนใจนำไปฉีดวัคซีน” ปลัดสธ. กล่าว
นพ.เจษฎากล่าวอีกว่า ตนเห็นว่าการเซตซีโร่หมา-แมว ควรมาดูเรื่องเก็บภาษี สมมุติเลี้ยงสุนัขหลายตัวก็เก็บภาษี และกรณีเอาสุนัข-แมวไปปล่อยก็ควรมีโทษ ซึ่งบ้านเราในอนาคตต้องวางระบบให้คนเลี้ยงสัตว์จะต้องดูแลสัตว์อย่างดี ไม่ใช่ตอนเล็กน่ารัก โตขึ้นเอาไปปล่อยให้เป็นสัตว์จรจัดต่อไป ควรจะต้องบังคับใช้กฎหมายให้มีความผิด อย่างไรก็ตาม คนที่มีสัตว์เลี้ยงควรพยายามพาไปฉีดให้ได้ และยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องวัคซีน และปีหน้าส่วนท้องถิ่นก็ได้งบซื้อวัคซีนไว้มากขึ้นแล้ว
ทันทีที่ข่าวนี้แพร่หลายออกไป สังคมก็โจษจันกันยกใหญ่ มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ต่อมา น.ส.กุลยา ตันติเตมิท โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แนวคิดให้จัดเก็บภาษีผู้เลี้ยงหมา-แมว เบื้องต้นยังไม่ได้มีการขอหารือในประเด็นนี้จากกระทรวงสาธารณสุข อีกทั้งกระทรวงการคลัง ยังไม่ได้มีการศึกษาในเรื่องนี้มาก่อน โดยในหลักการการจัดเก็บภาษีอะไรก็ตาม จะต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจว่า ต้องการดำเนินการไปเพื่อวัตถุประสงค์อะไร เนื่องจากประเด็นนี้เป็นประเด็นใหม่ จากการศึกษายังไม่พบว่ามีประเทศไหนในโลกใบนี้เก็บภาษีจากผู้เลี้ยงหมา-แมว ดังนั้น จะต้องพิจารณาให้รอบคอบ
ด้าน นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า เรื่องนี้เป็นแนวคิดของกระทรวงสาธารณสุข จึงไม่ทราบรายละเอียด และขอไม่ออกความเห็นในเรื่องดังกล่าว
ขณะที่ นายอภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า กรณีปลัดกระทรวงสาธารณสุขเสนอแนวคิดเก็บภาษีคนเลี้ยงหมา แมว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่ประเทศทางฝั่งตะวันตกดำเนินการอยู่แล้ว โดยในต่างประเทศที่เก็บภาษีผู้เลี้ยงหมา หรือแมว แล้วก็นำเงินไปใช้ดูแลหมาหรือแมว สัตว์เลี้ยงของผู้เสียภาษี เพราะขณะนี้ต้องยอมรับว่า ประเทศไทย มีงบประมาณไม่เพียงพอสำหรับการดูแลหรือฉีดวัคซีนหมาทุกตัว ต้องอาศัยงบประมาณจากท้องถิ่นเพื่อช่วยกันดูแลและฉีดวัคซีนหมา แมว และนำเงินที่ได้จากการเก็บภาษี ผู้เลี้ยงหมาและแมว ไปจ้างคนมาดูแลสอดส่องหมา แมวที่มีอาการผิดปกติ เพื่อไม่ให้เกิดโรคระบาด และสร้างผลเสียต่อประชาชนทั่วไป
“แนวคิดเก็บภาษี คนเลี้ยงหมา แมว เป็นสิ่งที่น่าจะต้องเกิดขึ้นในที่สุด แต่จะช้าหรือเร็วต้องรอให้มีการบูรณาการปัญหาร่วมกัน ทุกวันนี้งบประมาณรัฐบาลมีไม่เพียงพอ และหากมีการคิดเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง คงต้องแก้กฎหมายโดยการออกกฎกระทรวงซึ่งเป็นกฎหมายลูก ซึ่งมีกฎหมายหลักคือพระราชบัญญัติ ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 เพื่อให้สามารถเก็บภาษีจากคนเลี้ยงหมด แมว ได้ เพื่อหันมาจัดระเบียบสัตว์เลี้ยงอีกครั้ง”
เมื่อกระแสส่อท่าว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางรุนแรง เจ้าตัว คือ นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ก็ออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า สถานการณ์ล่าสุดทราบว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เบื้องต้นพบว่าถูกสุนัขกัดมานานแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอยืนยันเชื้อ โดยสรุป ณ วันนี้รวมผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าจำนวน 6 ราย ส่วนการดูแลสัตว์เลี้ยงนั้นกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้มีอำนาจไปก้าวล่วง เพราะมีหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้อยู่ ซึ่งเห็นว่ามีหลายมาตรการ การจะใช้มาตรการใดมาตรการหนึ่งไม่น่าจะได้ผล ต้องใช้หลายมาตรการประกอบกัน โดยที่พูดการเก็บภาษีผู้เลี้ยงสุนัขนั้น นั้นเป็นแค่การคุยทั่วไป และยกตัวอย่างที่เห็นว่ามีบางประเทศทำอยู่ คือการจดทะเบียนสัตว์เลี้ยง และการเก็บภาษีกรณีที่เลี้ยงสุนัขตัวที่ 3 เป็นต้นไป ซึ่งประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม คนที่เลี้ยงสัตว์ขอให้พาไปฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าด้วย และถ้าถูกกัด ข่วน เลีย ก็ขอให้ไปรับวัคซีนเช่นเดียวกัน เพราะโรคนี้หากมีอาการแล้วจะเสียชีวิตทุกราย
ด้าน นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นพ.เจษฎา แนะให้มีการเก็บภาษีผู้เลี้ยงหมา แมว และลงโทษเจ้าของนำไปปล่อยเป็นสัตว์จรจัด ว่า ควรทำประชาพิจารณ์ เพราะมีทั้งข้อดี และข้อเสีย ปัจจุบันนี้ปัญหาหมา แมวจรจัด เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่มีกฎหมายว่าหน่วยไหนใครจะทำ ซึ่งต้องยกเรื่องหมา แมวจรจัด เป็นวาระแห่งชาติ โดยจัดระบบเซตซีโร่ทุกตัว ที่ต้องทำหมา แมว ก่อน เพราะใกล้ชิดคน โดยช่วงเดือนพ.ค.นี้จะนำเข้ากฎหมายเข้าสู่ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อเป็นกฎหมายบังคับใช้กำหนดการขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง
ทั้งนี้ สาระสาคัญของร่างนี้ใช้บังคับในท้องที่ใด ให้ตราเป็นกฎกระทรวง กำหนดให้เจ้าของสัตว์นำสัตว์เลี้ยงมาขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง โดยกำหนดเรื่องประเภท ชนิด จำนวน เครื่องหมาย ประจำตัวสัตว์ และมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งสาหรับการขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ วิธีการ และแบบการแจ้งรายการการขึ้นทะเบียนโดยคำนึงถึงบริบทของแต่ละท้องที่ ซึ่งหากเจ้าของสัตว์ฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายนี้ไม่มีเรื่องเก็บภาษีเจ้าของ แต่ให้ทางท้องถิ่นขึ้นทะเบียน หมา แมว ทุกตัวซึ่งต้องมีกฎหมายออกมาบังคับด้วยไม่อย่างนั้นเจ้าของไม่นำสัตว์มาเข้าระบบ ขณะนี้กำลังทำประชาพิจารณ์ทางเว็บไซต์ และวันที่ 28 มี.ค. ทางสภาจัดเวทีใหญ่ประชาพิจารณ์รับฟังเพื่อสรุปความเห็นจากทุกฝ่าย
นอกจากนี้ นายสัตวแพทย์สรวิศ เปิดเผยถึงการควบคุมโรคระบาดพิษสุนัขบ้า ว่าได้ฉีดวัคซีนให้แก่สุนัข-แมว รวมล่าสุด 1,780,393 ตัว จากเป้าหมายปีนี้ 8.24 ล้านตัว โดยร่วมกับหน่วยงาน
ท้องถิ่น และผ่าตัดทำหมัน 104,162 ตัว จากเป้า 300,000 ตัว ส่วนกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นตั้งเป้าขึ้นทะเบียนสุนัขและแมว จำนวน 10 ล้านตัว จะต้องขึ้นทะเบียนทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 12,313 ตัว ส่วนสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้า ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-18 มี.ค. มีผู้เสียชีวิต 6 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิตรายล่าสุดอยู่ที่จ.บุรีรัมย์ และยังคงประกาศเขตโรคระบาด 24 จังหวัด
สรุป : จากการปะติดปะต่อข่าวคราวและความคิดเห็นข้างต้น ทำให้เราต้องคิดให้ถี่ถ้วนร่วมกัน คือ
1) หมาแมว โดยเฉพาะจรจัด สร้างปัญหาที่น่ากลัวจริงหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำร้ายคน ทำร้ายสัตว์อื่นๆ เช่น มากัดสัตว์เลี้ยงชาวบ้าน และที่สำคัญที่สุดคือ เป็นสาเหตุของการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งมีความรุนแรงถึงขั้นที่ทำให้คนเสียชีวิตได้ ภัยในส่วนนี้ จะรับผิดชอบและป้องกันกันอย่างไร มาช่วยกันคิด
2) แนวที่จะทำได้มีหลายทาง เช่น เก็บรวบรวมทั้งหมดเข้าสู่สถานอภิบาล จับทำหมัน ฉีดวัคซีน ตัดวงจรการขยายพันธุ์เพิ่ม ทำทะเบียน ฯลฯ หากทำอย่างนี้ได้ทั่วทุกพื้นที่ จะตัดวงจรหมาแมวจรจัดและหมดจำนวนลงได้ภายใน 15-20 ปี ตามอายุขัยของแมวหมา บางประเทศใช้วิธีฆ่า (แบบไม่ทารุณ) เช่น ญี่ปุ่น มีห้องรมแก๊ส เป็นต้น บ้านเราจะเลือกวิธีไหน ช่วยกันออกแบบให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ และอยู่ร่วมกันอย่างปลอดภัยที่สุด ทั้งหมา แมว และคน
3) หากไม่เลือกวิธีฆ่า ระหว่างเอาไปดูแล ต้องสร้างแรงจูงใจเพื่อลดภาระ เช่น หากใครมารับไปอุปการะ สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ หรืออะไรก็ตาม มาช่วยกันคิด
4) สำหรับผู้มีจิตเมตตา แทนการให้อาหารแต่ไม่รับอุปการะ เปลี่ยนวิธีกันไหม
5) ส่วนแมวหมาในบ้าน การจะเก็บภาษีต้องอธิบายให้ดีๆ ว่าเก็บมาเพื่อเป็นสวัสดิการสำหรับสัตว์เลี้ยงของท่านเอง มิได้นำไปใช้ในส่วนอื่น อันนี้ก็พอเป็นเหตุเป็นผล มิเช่นนั้น คนจะเอาสัตว์เลี้ยงมาทิ้งอีกเป็นจำนวนมาก เกิดกลียุคทางสังคมและเมตตาจิตเอาได้ง่ายๆ
6) แต่ที่ต้องทำทันที คือ บังคับใช้กฎหมายที่มีให้เข้มงวด เช่น สัตว์เลี้ยงต้องได้รับการฉีดวัคซีนทุกตัว ต้องมีทะเบียน โลกมาถึงยุคที่เราจะติดชิพหรืออะไรก็แล้วแต่ ให้ทราบข้อมูลหมาแมวเหล่านั้ได้ว่า ใครเป็นเจ้าของ พลัดหลงก็รู้ว่าเป็นของใคร ส่งคืนเจ้าของได้ถูก ไม่ต้องดราม่าน้ำตาท่วมโซเชียลมีเดียกันอีก
7) ลงโทษให้เป็นเยี่ยงอย่าง สำหรับผู้นำหมาแมวหรือสัตว์เลี้ยงมาทิ้ง จัดการกับวัดทั่วประเทศที่เป็นผู้แบกรับภาระเสียก่อน สงสารพระเณรกันด้วย เรื่องเหล่านี้อย่าผัดผ่อนให้รัฐบาลต่อๆ ไปตัดสินใจ ทำเสียให้จบ ให้ชัด ให้เป็นที่ยอมรับได้ ในช่วงรัฐบาลนี้แหละ และในตอนนี้แหละ ที่สำคัญ ไปจัดการกับกระบวนการทุจริตคอร์รัปชั่นงบประมาณในการจัดซื้อวัคซีนแมวหมาเสียด้วย เอาให้สิ้นซาก
หมา แมว และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมในสังคมมนุษย์ พวกมันให้ความรัก ความสุข และอาหารใจแก่ผู้เลี้ยงมากมาย ได้ฝึกความรับผิดชอบ ความมีเมตตาธรรมในหมู่เด็กๆ เติมคนให้เต็มคน สร้างโลกที่น่ารักและรื่นรมย์ได้
หมา แมว จึงไม่ใช่ผู้ร้าย แต่เขาก็เป็นพาหะของโรคร้ายๆ ที่เราต้องแก้ไข ป้องกัน ระมัดระวัง
สวัสดิภาพคนและสัตว์ต้องเท่าเทียมกัน
แล้วเราจะอยู่ร่วมกันได้ อย่างมีความสุข ทั้งคนที่รักหมาแมวและคนที่ไม่รัก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี