ช่วงนี้ โรงเรียนระดับประถมศึกษาดังๆ โดยเฉพาะกลุ่มโรงเรียนสาธิตต่างๆ เปิดสอบแข่งขันเพื่อคัดเลือกเด็กระดับอนุบาลเข้าเรียนชั้น ป.1
ใช่... แข่งขันเพื่อเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (ป.1.)
1. เด็กวัย 5-6 ขวบ ต้องถูกผู้ปกครองบางส่วนเคี่ยวกรำเข้าสนามแข่งขันแย่งชิงที่เรียนชั้น ป.1 ในโรงเรียนที่พ่อแม่เชื่อว่าจะทำให้ลูกของตนมีอนาคตที่ดี
บางคน ส่งลูกเข้าโรงเรียนกวดวิชา ค่าเรียนหลายหมื่นบาท
เรียนทั้งเสาร์ อาทิตย์ และตอนเย็น
วิถีชีวิตแทบไม่ต่างกับกวดวิชาสอบเข้ามหาวิทยาลัย
2. น่าคิดว่า เด็กในวัยกระเตาะเช่นนี้ ถูกเร่งรัดให้มีพัฒนาการเกินวัย
คล้ายๆ ใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น หมู วัว เร่งการเจริญเติบโต มีเนื้อมากขึ้น สีแดงมากขึ้น เพื่อให้ถูกใจผู้บริโภค ขายได้ราคาสูง แต่มีผลร้ายในบั้นปลาย
การเร่งเด็กๆ ก็จะสร้างผลเสียต่อการพัฒนาทักษะด้านการเรียนรู้ในอนาคตของเด็กเช่นกัน
โดยเฉพาะทักษะด้านพฤติกรรม การคิดสร้างสรรค์ อารมณ์ การอยู่ในสังคมและร่วมงานกับผู้อื่น
เด็กวัยนี้ ควรจะได้เล่นอย่างสนุกสนานร่าเริง มีความสุขสดใส
โดยการเรียนรู้เป็นส่วนเสริมเข้ามาในการเล่น
มิใช่มุ่งเร่งรัดวิชาการ เพื่อแข่งขัน
3. แน่นอน ปัจจัยสำคัญที่เร่งเร้าเด็ก ก็คือผู้ปกครองนั่นเอง
จะต้องไม่ไปกดดันลูกตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยความรักลูก หวังดีต่อลูก
หรือต้องการให้ลูกเป็นหน้าเป็นตาของตนเองก็ตาม
หากลดแรงกดดันจากฝ่ายผู้ปกครองลงไปแล้ว ปัญหาจะทุเลาไปมาก
ผู้ปกครองควรเปลี่ยนมุมมอง ไม่จำเป็นว่าลูกหลานจะต้องเข้าเรียนในโรงเรียนสาธิตต่างๆ หรือโรงเรียนดังๆ แต่เน้นการเรียนใกล้บ้าน โรงเรียนที่มีสัดส่วนระหว่างครูกับนักเรียนที่เหมาะสม เด็กจะได้รับการใส่ใจและมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า มีความสุข มีความร่าเริงในการเรียนรู้ได้มากกว่าการจะต้องไปเรียนไกลๆ
4. ยูเนสโกเคยจัดอันดับประเทศเรียนหนักที่สุดในโลก นับเฉพาะเวลาเรียนในโรงเรียน ไม่รวมเวลาเรียนพิเศษนอกเวลา พบว่า นักเรียนไทยเรียนหนักกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว รวมทั้งญี่ปุ่นและจีน
หลักสูตรปฐมวัยเป็นสิ่งสำคัญ
สำหรับเด็กช่วงวัย 0-8 ขวบ เป็นช่วงที่สมองเติบโตเร็วที่สุด ควรเน้นให้เรียนรู้เพื่อเตรียมความพร้อมตามสมรรถนะตามวัย เน้นการเรียน
ให้สนุก เรียนรู้กับธรรมชาติตามพัฒนาการของเด็ก เป็นการเรียนรู้วิชาการตามสมรรถนะของวัย เตรียมความพร้อมให้อ่านออกเขียนได้เพื่อให้สามารถเรียนต่อได้ในชั้นที่สูงขึ้น
ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา กล่าวถึงการเรียน 8 กลุ่มสาระฯ ว่า การเรียน 8 กลุ่มสาระฯ ไม่ใช่สิ่งที่พึงประสงค์ต่อเด็ก เพราะทำให้เด็กเกิดการแข่งขัน ต้องไปกวดวิชาเพื่อสอบเข้า ป.1 ทั้งที่การเรียนของเด็กในช่วงวัยนี้ต้องเป็นการเรียนรู้การใช้ชีวิต เพื่ออนาคตพร้อมกับพัฒนาชีวิตของตัวเอง ดังนั้น ในระดับประถมศึกษาตอนต้นไม่ควรมีการเรียน 8 กลุ่มสาระฯ ซึ่งจะต้องมีการแก้ไขต่อไป
5. น่าสนใจว่า ในยุคนี้ มีคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการศึกษา
จะทำหน้าที่เพื่อนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้อย่างไร?
รศ.ดารณี อุทัยรัตนกิจ รองประธานอนุกรรมการเด็กเล็กในคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการศึกษา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้จัดทำร่าง พ.ร.บ.ปฐมวัยแล้ว เตรียมนำร่างฯ เสนอให้กับคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการศึกษาได้พิจารณาเนื้อหา เผยแพร่ต่อสาธารณะเพื่อรับฟังข้อคิดเห็น และส่งไปยังคณะรัฐมนตรีต่อไป
ในร่าง พ.ร.บ.ปฐมวัย มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสอบเข้า ป.1 ด้วย โดยห้ามไม่ให้มีการสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียนชั้น ป.1 ในโรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อป้องกันเด็กและลดการสร้างความกดดันในเด็กปฐมวัย ที่มีอายุตั้งแต่ 0 ขวบไปจนถึง 8 ขวบ มั่นใจว่าจะเป็นทางออกสำคัญในการสร้างการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับเด็กในอนาคต
น่าคิดว่า สังคมควรจะใช้โอกาสนี้ ร่วมกันแสวงหาแนวทางที่เหมาะสม เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาจากสภาพที่เป็นอยู่ ซึ่งจะต้องลงรายละเอียดกันหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นวิธีการคัดเลือกเด็กเข้าเรียน การบริหารจัดการหลักสูตร การจัดการสถานศึกษาปฐมวัยทั้งระบบ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐาน ฯลฯ
6. นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) ยืนยันว่า ในหลักการเห็นด้วยที่จะไม่ให้มีการสอบคัดเลือกเข้าการศึกษาในระดับ ป.1 เพราะถือเป็นการศึกษาภาคบังคับที่เด็กทุกคนจะต้องได้เรียน เรื่องนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการและสพฐ.ก็ไม่ได้มีนโยบายในเรื่องการสอบคัดเลือกเด็กเพื่อเข้าเรียนต่อชั้น ป.1 แต่วิธีการสอบคัดเลือกอาจจะเป็นวิธีการของบางโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง ไม่ใช่นโยบายจากทางส่วนกลาง ดังนั้น จะต้องไปตรวจสอบรายละเอียดว่ามีโรงเรียนในสังกัด สพฐ.ที่ดำเนินการในลักษณะดังกล่าวอยู่หรือไม่ จำนวนมากน้อยเท่าไร แล้วจะมีการหารือเกี่ยวกับการดำเนินการต่อไป
น่าคิดว่า หากยกเลิกการสอบเข้า ป.1 ทั่วประเทศ แต่ความต้องการเข้า ป.1 โรงเรียนดังๆ ยังมีอยู่ แล้วจะจัดการกับปัญหา“สินบน” หรือ “แป๊ะเจี๊ยะ” ต่อไปอย่างไร?
อย่าลืมว่าแม้จะเป็น “แป๊ะเจี๊ยะฟันน้ำนม” แต่ราคาก็จะไม่ใช่เล่นๆ
แน่นอน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี