ความคิดเห็นทางวิชาการหรือกลุ่มบุคคลต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ถือเป็นความคิดที่อิสระของโลกไร้พรมแดน ถ้าไม่ผิดกฎหมายก็แสดงความเห็นกันได้ทั้งนั้น
คงจำกันได้เคยมี นักวิชาการนักเคลื่อนไหว แสดงความเห็นพร้อมเรียกร้องให้จัดตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติ อย่างครึกโครม โดยระบุว่าเพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้น้ำมัน แก๊สธรรมชาติ ในราคาถูกกว่าที่เป็นอยู่
ในขณะที่นักวิชาการอีกกลุ่มหนึ่งก็คัดค้านการจัดตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติ เพราะเคยเห็นความล้มเหลววิบัติมาแล้วหลายประเทศ เช่น เวเนซุเอลา อาร์เจนตินา จากการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพ คอร์รัปชั่นกันมหาศาลทั้งยกตัวอย่างว่ารัฐบาลเวเนซุเอลาได้ดำเนินนโยบายบีบบังคับซื้อคืนหรือยกเลิกสัมปทานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจากบริษัทน้ำมันข้ามชาติมาให้บริษัทพลังงานแห่งชาติดำเนินการ แทน เพื่อสนองนโยบายประชานิยมขายน้ำมันราคาถูกให้ประชาชนจนประเทศเกือบล้มละลาย
ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้มีการห้อยติ่งไว้ใน พ.ร.บ.ปิโตเลียม ฉบับใหม่ คือไม่ได้มีการปิดกั้นการจัดตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติ แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นของบรรษัทพลังงานแห่งชาติ คงเกิดได้ยากเพราะไม่เหมาะสม กับประเทศไทย
ผลที่ออกมาคือถนอมน้ำใจกันทุกฝ่าย
ต่อมารัฐบาลเตรียมจัดตั้งบรรษัทรัฐวิสาหกิจแห่งชาติ หรือซุปเปอร์โฮลดิ้ง เพื่อดูแลรัฐวิสาหกิจ 12 แห่ง ที่เป็นบริษัทจำกัดและบริษัทจำกัด (มหาชน)กลุ่มเคลื่อนไหว นักวิชาการที่เรียกร้องให้จัดตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติ กลับคัดค้าน บรรษัทรัฐวิสาหกิจแห่งชาติ ทั้งๆ ที่มีรูปแบบคล้ายๆ กัน อ้างว่าจะนำไปสู่การทุจริต นำไปสู่การขายรัฐวิสาหกิจ
ล่าสุดก็มีศัพท์ใหม่ทางวิชาการคือคำว่า “ประชาธิปไตยพลังงาน” ที่ดูจะเดินคู่ขนานกับ “ความมั่นคงทางพลังงาน”
ซีกประชาธิปไตยพลังงาน มองว่า เป็นทฤษฎีใหม่ในการบริหารจัดการพลังงาน โดยผสมผสานแนวความคิดด้านการเมืองเศรษฐศาสตร์ สังคมวัฒนธรรม รวมทั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านพลังงาน เทคโนโลยีด้านการสื่อสาร แล้วยังโยงไปถึงหลักคุณค่าความเป็นมนุษย์
สรุปก็คือว่าให้ประชาชนในฐานะผู้ใช้พลังงาน (ไฟฟ้า) ควรจะมีส่วนร่วมตัดสินใจว่าจะใช้ไฟฟ้าจากพลังงานอะไร เปลี่ยนรูปการใช้ไฟฟ้าอย่างเดียวมาเป็นผู้ผลิตเองได้หรือยัง เพราะเทคโนโลยีมันเอื้อแล้ว
ส่วนซีกปรัชญา “ความมั่นคงพลังงาน” ก็บอกว่าไปทำแบบประชาธิปไตยพลังงานไม่ได้ เพราะแค่ประชาธิปไตยเกี่ยวกับการเลือกตั้งยังลุ่มๆ ดอนๆ ถ้าไปเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติก็จะวุ่นกันไปใหญ่
หลายประเทศทั่วโลกเขากำหนดให้พลังงานไฟฟ้าเป็นเครื่องความมั่นคงของชาติ เพราะนอกจากการกระจายความเสี่ยงเรื่องเชื้อเพลิงแหล่งผลิตพลังงานแม้มีต้นทุนผลิตไฟฟ้าที่แตกต่างกันแล้ว ก็ต้องดำเนินการ อย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีไฟฟ้าใช้อย่างต่อเนื่อง อย่างทั่วถึง อย่างเป็นระบบ ส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
ผมคาดว่าอีกไม่นานคงมีทฤษฎีข้อเสนออื่นๆ อีกเกี่ยวกับพลังงานก็ต้องดูต่อไป
ครับ แนวความคิดต่างๆ เหล่านี้เป็นแนวคิดทางวิชาการและอิสระ ถือว่ามีเหตุผลทั้งนั้น แต่ประชาชนจะเหนื่อยว่าจะพิจารณาจากอะไร เชื่อฝ่ายไหนดี
สำหรับผมก็รับฟังทุกฝ่าย แต่ผมมั่นใจและเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกระทรวงพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่จะต้องบริหารจัดการป้อนพลังงานไฟฟ้าสู่สาธารณะ อย่างเป็นธรรมทั่วถึงต่อเนื่องสม่ำเสมอ สร้างรายได้ให้ภาครัฐ อีกทั้งยังต้องเตรียมพลังงานไว้ให้ลูกหลานในวันข้างหน้าด้วย แค่นี้ก็อุ่นใจแล้วครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี