สถานการณ์ทุจริตในสังคมไทยสุดอันตรายเพราะฝังรากลึกเลวร้ายแทรกซึมในทุกองคาพยพของชาติเหมือนมะเร็งร้ายที่เกาะกินอยู่ในทุกอวัยวะของร่างกาย แม้แต่วงการสงฆ์ซึ่งควรจะใสสะอาดบริสุทธิ์และเป็นแบบอย่างอันดีงามกลับพบขบวนการอลัชชีที่แฝงตัวเข้ามาอาศัยผ้าเหลืองสร้างอำนาจและแสวงหาผลประโยชน์
นับเป็นสัญญาณเอาจริงในการล้างอลัชชีในวงการสงฆ์ครั้งสำคัญเมื่อ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เข้าพบ พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษคดีเงินทอนวัดลอตที่ 3 ในพื้นที่กทม. โดยมีพระผู้ใหญ่ 5 รูปมีส่วนเกี่ยวข้อง
พล.ต.ต.กมล กล่าวว่าได้ส่งสำนวนคดีโกงเงินทอนวัดลอตล่าสุดไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)แล้ว โดยจากหลักฐานข้อมูลในการดำเนินคดีเชื่อว่าเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องได้แน่นอน
ก่อนหน้านี้ พศ.ร่วมกับบก.ปปป.ได้ดำเนินคดีกับขบวนการโกงเงินทอดวัดไปแล้ว 2 ลอต โดยลอตแรกพบทุจริต 12 วัด ความเสียหายราว 60 ล้านบาท ดำเนินคดีผู้ต้องหา 10 คน ส่วนลอตที่สอง ดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวนมากรวมทั้งอดีตผอ.พศ. และพระสงฆ์หลายรูปจากการทุจริตเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด เงินอุดหนุนส่งเสริมการเผยแพร่พระพุทธศาสนา และเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา แผนกธรรมและแผนกบาลีรวม 23 วัด ความเสียหายราว 141 ล้านบาท ซึ่งในลอตนี้มีการยึดทรัพย์ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ อดีตผอ.พศ. กว่า 70 ล้านบาท โดย นายนพรัตน์ ปัจจุบันหลบหนีความผิดไปเสพสุขอยู่ที่สหรัฐอเมริกา
สำหรับการเข้าแจ้งความต่อบก.ปปป.ของผอ.พศ.ครั้งล่าสุดถือเป็นการสั่นสะเทือนวงการสงฆ์เพราะผู้ถูกกล่าวหาว่าทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม ประกอบด้วยพระผู้ใหญ่ 5 รูป ซึ่งในจำนวนนี้ 3 รูปเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม(มส.)ได้แก่ 1.พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมส.และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร 2.พระพรหมเมธี(จำนงค์ ธมมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการมส.และเจ้าคณะภาค 4-7 3.พระพรหมสิทธิ(ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการมส. และเจ้าคณะภาค 10 4.พระเมธีสุทธิกร(สังคม ญาณวฑฒโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และ 5.พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ
พระผู้ใหญ่ทั้ง 5 รูปนอกจากความผิดทางอาญาแล้วยังเข้าข่ายอาบัติปาราชิกตามพระธรรมวินัยอาจต้องถูกจับสึกพ้นความเป็นสงฆ์
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า พระผู้ใหญ่ทั้ง 5 รูปถูกดำเนินคดีเนื่องจาก พศ.ส่งเงินอุดหนุนการศึกษาไปให้วัดทั้ง 3 แห่ง แต่กลับตรวจสอบพบในภายหลังว่า วัดสัมพันธวงศารามไม่มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม และทางวัดอ้างว่านำเงินไปสร้างกุฏิ ขณะที่วัดสระเกศฯมีโรงเรียนพระปริยัติธรรม แต่กลับนำเงินไปใช้อุดหนุนพระธรรมทูตไทยในต่างประเทศ ขณะที่วัดสามพระยามีการใช้เงินผิดประเภทเช่นกัน
พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวกล่าวถึงการดำเนินคดีพระผู้ใหญ่ 5 รูปในคดีเงินทอนวัดว่า “พอได้เห็นข่าวนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจเพราะนี่คือการพิสูจน์ว่าที่พุทธะอิสระพูด พุทธะอิสระสู้มาตลอดหลายปีนั้นสามารถพิสูจน์ได้ทุกเมื่อ จะช้าหรือเร็วเท่านั้น ทีนี้พวกบรรดากองเชียร์ของพวกกรรมการมหาเถรสมาคมเหล่านี้คงจะตาสว่างกันขึ้นมาบ้าง หากยังมีจิตสำนึกมีปัญญาแยกแยะถูกผิดดีชั่วคงจะคิดได้ว่า จะมัวเอาแต่ปกป้องคนผิดคนชั่วหรือจะปกป้องความบริสุทธิ์บริบูรณ์ของพระธรรมวินัย ลองถามใจตัวเองดูกันบ้าง มันถึงเวลาแล้วหรือยังที่คนดีๆพระดีๆจะช่วยกันลุยล้างบางพวกนักบวชอลัชชีที่เข้ามาอาศัยผ้าเหลืองหากินกันอยู่ ทำไมถึงปล่อยให้พุทธะอิสระสู้อยู่คนเดียว ทั้งๆที่สิ่งที่ได้มาจากการสู้มันก็คือประโยชน์ของพุทธบริษัททุกคน นี่แค่หนังตัวอย่าง ยังมีอีกเพียบหากจะช่วยกันล้างบาง”
พระพุทธะอิสระ ยังย้ำทิ้งท้ายว่า “งานนี้ต้องให้เครดิต พ.ต.ท.พงศ์พรที่กล้าหาญเลือกความถูกต้องมากกว่าเลือกความถูกใจ และช่วยชำระล้างความสกปรกในวงการผ้าเหลืองแทนพระภิกษุผู้ปกครองผู้มีหน้าที่โดยตรง แต่กลับไม่ทำอะไรเลย ขออนุโมทนาที่ พ.ต.ท.พงศ์พร ปปป. และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ช่วยกันทำให้พระธรรมวินัยกลับมาเป็นที่มุ่งหวังได้ โดยไร้ข้อกังขาใดๆ จากผู้ศรัทธา คนชั่วต้องถูกกำจัด คนดีพระดีต้องได้รับการกราบไหว้บูชา ซึ่งควรจะเป็นเช่นนี้มานานแล้ว”
เพราะฉะนั้นคงต้องจับตาการประชุมมส.ในวันที่ 20 เม.ย.นี้ว่าจะมีการชี้ชะตา 5 พระผู้ใหญ่ที่พัวพันคดีโกงเงินทอดวัดหรือไม่อย่างไร ซึ่งหากพระผู้ใหญ่ทั้ง 5 ถูกจับสึกจะถือเป็นการสะท้อนความเน่าเฟะของมะเร็งร้ายในวงการสงฆ์ครั้งใหญ่ที่จะต้องมีการผ่าตัดขจัดเชื้อร้ายแบบขุดรากถอนโคนก่อนที่จะระบาดก่อวิกฤติศรัทธาทำลายวงการสงฆ์ทั้งระบบ
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี