ในที่สุดเราก็ข้ามอาถรรพ์เดือนพฤษภาคมไปได้ โดยไม่มีเกิดเหตุการณ์เลวร้ายตามที่หลายคนคาดหมายและหลายฝ่ายอยากให้เป็น ผู้ที่มีสติปัญญาย่อมเข้าใจได้ว่าพฤษภาทมิฬปี 2535 กับครบรอบสี่ปี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และยึดอำนาจเมื่อสี่ปีที่ผ่านมา กับคณะผู้รักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ยึดอำนาจเมื่อเดือน ก.พ. 2534 มาเปรียบเทียบกันไม่ได้เพราะสถานการณ์และเงื่อนไขไม่เหมือนกัน
พฤษภาทมิฬ 2535 คือเงื่อนไขความขัดแย้งต่อเนื่อง มาจากการยึดอำนาจรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ 21 ก.พ. 2534 การยึดอำนาจครั้งนั้น คมช. กล่าวว่ารัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น แต่หลายฝ่ายเห็นว่าเบื้องหลังที่แท้จริงคือความขัดแย้งระหว่างนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 7 กับรุ่น 5 ประกอบกับรัฐบาลเปลี่ยนนโยบายต่อประเทศอินโดจีนโดยฉับพลัน ทำให้บางกลุ่มไม่พอใจและพฤติกรรมโอหังของรัฐมนตรีบางรายคือฟางชิ้นสุดท้ายให้ทหารปฏิวัติ
การยึดอำนาจครั้งนั้น ก่อเชื้อความขัดแย้งยืดเยื้อมาถึงการเลือกตั้งปี 2535 ที่พลเอกสุจินดา คราประยูร เคยพูดไว้ว่าจะไม่สืบทอดอำนาจ เมื่อพลเอกสุจินดา เสียสัตย์จึงเป็นเงื่อนไขให้ต่อต้าน การอดอาหารประท้วงที่เริ่มด้วย ร.ต.ฉลาด วรฉัตร ไม่ค่อยได้รับความสนใจ แต่พอนักการเมืองรุ่นใหญ่พลตรีจำลอง ศรีเมือง ร่วมวงอดอาหารอุณหภูมิการเมืองก็เดือดขึ้น พรรคความหวังใหม่ พรรคพลังธรรม ซึ่งมีสส.อยู่ค่อนสภาร่วมประท้วงเต็มตัว ที่สำคัญพลตรีจำลอง มีญาติธรรมสันติอโศกเป็นพลังหนุนอย่างเหนียวแน่นมั่นคง
การชุมนุมประท้วงเต็มไปด้วยความตึงเครียด ทั้งฝ่ายพลเอกสุจินดา และ พลตรีจำลองถอยไม่ได้ จนสุดท้ายเหตุร้ายก็เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 17 ถึงวันที่ 20 พ.ค. เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 52 ราย และสูญหายจำนวนมาก ผู้เขียนติดตามทำข่าวอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันแรกที่พลตรีจำลองอดอาหารประท้วง จนสถานการณ์คลี่คลายในวันที่ 25 พ.ค. จากสิ่งที่ได้ยินกับหูและได้เห็นกับตายืนยันได้ ว่าจุดเริ่มต้นของเหตุร้าย ไม่ได้เกิดจากฝ่ายชุมนุมและทหาร แต่มีมือที่สามสร้างสถานการณ์ขึ้นมาทำให้ทหารกับผู้ชุมนุมเผชิญหน้าจนลุกลามเป็นเหตุการณ์เลวร้าย
ดังนั้นเมื่อคนบางกลุ่ม บางพรรคปลุกระดมให้ครบรอบสี่ปี คสช. เกิดเหตุร้ายเหมือนปี 2535 จึงมองไม่เห็นทางว่าจะเป็นไปได้ เพราะสถานการณ์และเงื่อนไขไม่เหมือนกัน กล่าวคือ คสช. ยึดอำนาจจากรัฐบาลที่ประชาชนและหน่วยงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) จับได้ว่าโกงชาติมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และหลังจากศาลตัดสินลงโทษแล้วยังดื้อรั้นไม่ยอมออกไป หนำซ้ำยังใช้กำลังเข่นฆ่าประชาชน ให้สมุนบริวารก่อเหตุร้ายจนประเทศกลายเป็นมิคสัญญี สุดท้ายทหารต้องยึดอำนาจฟื้นฟูความสงบขึ้นมาได้
สี่ปีรัฐบาล คสช. มีผลงานมากมาย สิ่งแรกคือฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยในชาติ ประชาชนปลอดภัยชนิดที่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำได้ในสิบกว่าปีที่ผ่านมา สมุนบริวารของทุนสามานย์ปล้นชาติที่เข่นฆ่าประชาชน เผาบ้านเผาเมือง อาฆาตมาดร้ายสถาบัน ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ติดคุกติดตะรางหลายสิบราย กองกำลังติดอาวุธที่เหลือหนีตายไปต่างประเทศ
รัฐบาล คสช. แก้ปัญหาทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายกว่า 500,000 ล้านบาท จนอดีตนายกฯน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รัฐมนตรีพาณิชย์ ข้าราชการและผู้สมรู้ร่วมคิดถูกศาลตัดสินจำคุก สี่สิบกว่าราย ศาลสั่งริบทรัพย์อีกหลายหมื่นล้าน รัฐบาลใช้เวลาแก้ปัญหาการบินพลเรือนที่รัฐบาลก่อนหน้าสร้างไว้ทำให้ ICAO ปักธง จนประเทศไทยได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย รัฐบาลแก้ปัญหาค้ามนุษย์และประมงผิดกฎหมาย จนได้รับคำชื่นชมจากอียู
ด้านสังคมได้แก้ปัญหาเน่าเฟะในการสงฆ์ และจัดการพวกอลัชชีที่ใช้สำนักเป็นแหล่งฟอกเงิน เป็นที่ซ่องสุมของอันธพาลสมุนนักการเมืองปล้นชาติได้ระดับหนึ่ง ปัญหารัฐบาลเลือกตั้งไม่สามารถแก้ไขได้เพราะ
ผลประโยชน์ทับซ้อนเรื่องฐานเสียง อาทิ จัดระเบียบรถตู้ จัดระเบียบตลาดสะพานเหล็ก จัดระเบียบสิ่งปลูกสร้างรุกแหล่งน้ำลำคลอง 6,000 กว่าราย รัฐบาลจัดหาที่อยู่ใหม่ให้แก้ไขไปแล้วหลายพันราย แฟลตการเคหะสร้างมากว่าสี่สิบปี อยู่ในภาวะหมดอายุใช้งาน จะปรับปรุงแก้ไขถูกผู้เช่าขัดขวางยืดเยื้อมานาน แต่แก้ไขลุล่วงไปได้ในรัฐบาลนี้ฯลฯ
การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น สี่ปีที่ผ่านมามีข้าราชการ นักการเมืองถูกตรวจสอบถูกไล่ออกถูกโยกย้าย ถูกตัดสินจำคุกมาแล้วนับร้อยราย ทรัพย์สินที่ยึดอายัดมาจากคดีคอร์รัปชั่น ทั้งที่ยึดได้แล้วและที่คดีอยู่ในศาล นับรวมกันไม่น้อยกว่าหนึ่งแสนล้านบาท ในระยะเวลาสี่ปีรัฐบาลนี้ยึดที่ดินคืนมาจากผู้ถือครองผิดกฎหมายได้กว่า 400,000 ไร่ ศาลทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นได้ในรัฐบาลนี้
ด้านเศรษฐกิจ อาจารย์ Pat Hammasuk โพสต์ไว้ว่า “พวกชิงชังประเทศตัวเอง ที่พูดว่าเพื่อนบ้านก้าวหน้ากว่ากะลาแลนด์ มาดูตัวเลขจริงๆ กันดีกว่า ประเทศไทยนั้นมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเป็นอันดับสองของกลุ่มอาเซียน เป็นรองสิงคโปร์อยู่นิดเดียว มากกว่ามาเลย์ตั้งสองเท่าครึ่ง มากกว่าเวียดนามสี่เท่ากว่า นี่คือตัวเลขเมื่อปลายปีที่แล้วนะครับ ตัวเลขของเดือนที่ผ่านมาก็ดูจากตารางของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ผมเอามาแปะให้ดูได้เลย
มูลค่าทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยนั้นอยู่ที่อันดับที่ 12 ของโลก และอันดับ 2 ของอาเซียน ไล่บี้หายใจรดต้นคอกับอันดับ 1 ไม่มาก และเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาเรามีเงินอยู่ในคลัง 215,152.08 ล้านดอลลาร์ (มากกว่าสองแสนหนึ่งหมื่นห้าพันล้านดอลลาร์) หรือ 6,779,441.90 ล้านบาท (เฉี่ยวหกจุดแปดล้านล้านบาทไปนิดเดียว) ทั้งที่ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาค่าเงินบาทแข็งขึ้นมาประมาณหนึ่งบาทเสียด้วยซ้ำ เห็นตัวเลขของจริงแบบนี้แล้วยังจะมาด่าอะไรกับรัฐบาลและประเทศไทยอีก รักจะเป็นลิเบอร่านที่ดีต้องรักการอ่านและเลือกเสพข่าวสารด้วยนะครับ
ส่วนอัตราการส่งออกตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์สรุปปิดไปเดือนธ.ค. 2560 ที่ผ่านมา เติบโต 9.9% สูงสุดในรอบ 6 ปี และมีมูลค่าการส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 236,694 ล้านเหรียญ (มากกว่าสองแสนสามหมื่นล้านเหรียญ)ส่วนในปี 2561 คาดว่าจะเติบโตที่ 5-7% คิดเป็นมูลค่าการส่งออกที่ราวๆ 248,529-253,263 ล้านเหรียญ ซึ่งในเวลานี้ก็ยังไม่มีปัญหาอะไรที่ทำไม่ได้ตามเป้า นี่คือตัวเลขจริง มีที่มาที่ไป อ้างอิงได้จริง ไม่ต้องไปจิ้นข้อมูลละเมอด่าประเทศของตัวเองว่ากะลาแต่อย่างไร” นั้นคือข้อมูลทางเศรษฐกิจที่นักวิชาการเป็นกลางเขียนไว้
การปฏิรูปในสี่ปีรัฐบาล สร้างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง ได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญที่ประชาชนกว่า 15.6 ล้านคน ลงมติรับรองด้วยความเต็มใจ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดกรอบปฏิรูปไว้เป็นขั้นตอนปฏิบัติในรัฐบาลต่อไป อาทิ รัฐบาลที่เข้ามาใหม่ “จะใช้นโยบายทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ ความระยำเกิดขึ้นกับประเทศไทย” ไม่ได้แล้ว และผลงานชิ้นเอกของรัฐบาลนี้ในห้วงเวลาสี่ปี คือร่วมมือกับประชาชนทุกหมู่เหล่า สนับสนุนงานราชพิธีสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์
ชาติไทยได้อย่างยิ่งใหญ่งดงามสมพระเกียรติและเรียบร้อยปราศจากอุปสรรคใดๆ
มีผลงานอีกมากมายที่สาธยายไม่หวาดไม่ไหว เอาพอหอมปากหอมคอพอให้ชี้แจงได้ว่า คสช. กับ คมช. แตกต่างกันอย่างไร และเพื่อให้ชี้แจงได้ว่าทำไมพฤษภาทมิฬ 2535 มาเกิดใหม่ในปี 2561 และอีกหลายปีข้างหน้าอีกไม่ได้ เพราะพฤติการณ์และเงื่อนไม่เหมือนกันพ.ศ. นี้ ไม่มีความขัดแย้งแบ่งรุ่นนักเรียนเตรียมทหาร ไม่มีสส.ในสภาสร้างกระแส แต่ผู้ที่ปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายเดือนพ.ค. ปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นดาวยั่วตัวป่วนขาประจำ เป็นเอ็นจีโอ นักวิชาการ นักกฎหมาย ที่รับเงินต่างชาติมาเคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวาย บางกลุ่มรับเงินจาก NED หรือ ซีไอเอพลเรือนของอเมริกา หรือไม่ก็รับเงินจากนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์มาเคลื่อนไหว โดยยกประเด็นความล้มเหลวของ คสช. และรัฐธรรมนูญปราบโกงมาเป็นเงื่อนไข แล้วพวกดาวยั่วตัวป่วนจะประสบความสำเร็จอย่างไร ในเมื่อคนไทยส่วนใหญ่ รับรองรัฐธรรมนูญสนับสนุนลุงตู่
จึงพูดได้ว่าสี่ปี คสช. ทำให้ประเทศชาติก้าวหน้า ประชาชนปลอดภัย และเกิดภาวะล่มสลายในระบอบทักษิณ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี