“พอเกิดอะไรขึ้น ก็อย่างนั้นเอง ก็หมดกัน เลิกกัน ไม่ต้องรัก ไม่ต้องเกลียด ไม่ต้องโกรธ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเศร้า ไม่ต้องหลงใหล ลิงโลดอะไรเลย” - พุทธทาสภิกขุ -
ข้อธรรมคำสอนอันเป็น “ประทีปแห่งปัญญา” นี้ ดูเหมือนมิได้ส่องฉายไปยังผู้คนมากหน้าหลายตาในสถานการณ์ยามนี้ การเข้าจับกุมพระ (ซึ่งมีฝักฝ่ายขั้วข้างหนุนอยู่ข้างหลัง) กลายเป็น “ประเด็น” ที่ล้นไปด้วยความเกลียดโกรธ ลิงโลด ลำพอง จนไม่อาจคุม “สติ-กิริยา” แสดงออกมาไม่สมกับเป็นชาวพุทธเสียมากมาย ซึ่งจะขอยก “สงครามขนาดย่อม” ในการตอบโต้กันระหว่าง นายกนก รัตน์วงศ์สกุล กับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มา “เจริญปัญญา” ไปด้วยกัน
เริ่มจาก 25 พ.ค.2561 นายกนก รัตน์วงศ์สกุล โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คแฟนเพจของเขาว่า
“...สืบเนื่องจากคลิปจู่โจมจับหลวงปู่ ผมมีอะไรจะสอบถาม “พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด” ผู้บังคับการกองปราบฯ หรือถามลอยๆ ไปถึงคนที่รับผิดชอบทุกระดับ เช่น พล.ต.ต.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ รอง ผบช.ก., พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป, พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ ผกก.ปพ.บก.ป. ที่ช่วยกันคุมกำลังไปวัดอ้อน้อย
1.ภายใต้ปฏิบัติการฟ้าสางลุยล้างดงขมิ้น เดียวกันนี้ ทำไมมีการจับกุม “2 มาตรฐาน” ชุดที่ไปวัดสระเกศ วัดสามพระยา
วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ทำไมไม่เหมือนการจับกุมที่วัดอ้อน้อย
2.ไม่ได้อยากเห็นภาพการจู่โจมดุดัน หยาบถ่อยกับหลวงปู่ เกิดกับอีก 3 วัดหรอกครับ เพราะยังไงขณะนั้น เขาก็ยัง “เป็นพระ” อยู่ เพียงแต่สงสัยว่า ทำไมต้องใช้รูปแบบกระโชกโฮกฮากกับหลวงปู่?
3.ดูจากคลิป ไม่มีลูกศิษย์หลวงปู่ขัดขวางแม้แต่คนเดียว ไม่มีเสียงหมาวัดสักตัวเห่าด้วยซ้ำ ทำไมต้องกระเหี้ยนกระหือรือ อยากปะทะขนาดนั้น ถามจริงๆ การข่าวมีแจ้งหรือว่า หลวงปู่ซุกซ่อนอาวุธ หรือซ่องสุมกำลังคนไว้สู้ตาย ถ้าโดนจับ
4.หรือเห็นว่า หลวงปู่ โดนข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร การ์ดทำร้ายสายสืบสันติบาล แต่นั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดวันที่ 10 ก.พ.2557 ผ่านมา 4 ปีแล้ว ในช่วงที่หลวงปู่ถูกกลุ่มไอ้โกตี๋ ลอบทำร้าย แต่ตำรวจเพิ่งจะขอศาลออกหมายจับวันที่ 23 พ.ค.2561
เออ..เกือบลืมแน่ะ
5.คอมมานโดไปเคาะให้เปิดประตู รอไม่ถึง 3 นาที ขอ “แฮมเมอร์” ละ (กระแดะนะมึง! ไม่พูดคำว่าค้อนด้วย) ชุดที่ไปค้นห้อง พ.ต.ท.สันธนะ รอครึ่งชั่วโมง นี่เอ็งเคาะกุฏิพระ รอไม่กี่อึดใจ ทุบประตูแล้ว!
เอาล่ะ..อยู่หน้ากุฏิ ยังไม่รู้ว่าข้างในมีคนคอยตอบโต้หรือเปล่า แต่พอพังประตูเข้าไปได้ (ประตู 2 ชั้น) ทุกคนเล็งอาวุธ ปากก็ตะโกน “หยุดๆ หมอบๆๆ หมอบลง..หมอบลง หมอบๆๆๆ...” คือ ..เห็นลูกศิษย์วัดเหรอ? เห็นมีใครฮึดฮัดจะต่อสู้ ขัดขืนหรือเปล่า? เห็นมีแต่มุ้งหลังเดียว หลวงปู่อยู่ในมุ้ง
6.ถามนอกเรื่องนิด พวกคอมมานโดนี่ ถูกฝึกมาให้ “ตะโกน” กันทุกคนใช่เปล่า ทำไมต้องแย่งกันตะโกน คำเดียวกัน...หมอบๆๆ หมอบลงๆ..! ไม่มีใครอยู่ตรงหน้าเลยนะ อันนี้สงสัยจริง ที่บ้านไม่มีใครจบคอมมานโด
มึงตลบมุ้งขึ้น เห็นหลวงปู่นอนอยู่ กำลังจะลุก มึงยังตะโกน หมอบๆๆ แล้วค่อยบอก นั่งๆๆ คือเขาจะลุกขึ้นมานุ่งอังสะสไบให้เรียบร้อย แหกตาดูกันซะบ้าง! จะบ้าตะคอกไปถึงไหน
7.คลิปนี้ถ่ายโดยเจ้าหน้าที่แน่นอน ได้ยินเสียงคนถ่าย
พูดเปิดหัวตอนต้น คงถ่ายไว้เป็นบันทึกการจับกุม แล้วอีก 3 วัด มีถ่ายไว้มั้ย? อยากดู..!
คลิปจับหลวงปู่ หลุดออกมาได้อย่างไร? เมื่อเจ้าหน้าที่เป็นคนบันทึก ถ้าหลุดออกสู่โซเชียล ก็น่าจะหลุดมาจากเจ้าหน้าที่ ผมสงสัยว่า เจตนาปล่อยออกมา เพื่ออะไรหรือเปล่า หรือเพื่อให้ฝ่ายไหนดู?
8.ทำไมต้องจู่โจมจับหลวงปู่ ในคราวเดียวกันกับแก๊งโล้นโกงเงินวัด หรือต้องการให้ภาพมันดูแกรนด์ ดูอลังการ นับตั้งแต่ ผอ.พศ.ไปแจ้งความพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป วันที่ 16 เม.ย. กองปราบฯไม่ขยับอะไร จนถึงวันที่ 16 พ.ค. จึงไปค้นบ้านหมวดฐิติทัศน์ คิดเสียว่า ตำรวจใช้เวลา 1 เดือนเต็ม จึงมหาเส้นทางเงิน 25 ล้าน ไหลมาบ้านนี้ได้ แต่ก็ยังไม่จับ ใช้เวลาอีก 8 วัน ถึงออกปฏิบัติการ
ผลคือ “พระหายไป 2”
9.ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นความลับสุดยอด! ไม่มีสำนักข่าวไหนรู้ระแคะระคายมาก่อน เป็นความลับสุดยอดจริงๆ แต่ทำไมพระผู้ต้องหา หนีหายไปสองคน ล่าสุดมีข่าวว่า โล้นเจ้าคุณธงชัยไปโผล่ที่สิงคโปร์แล้ว ไม่ต้องแก้เกี้ยวว่ามีประตูลับที่วัดสระเกศหรอกครับ จุดมันอยู่ที่ว่า...ปฏิบัติการฟ้าสางล้างดงขมิ้นครั้งนี้ มันผู้ใดบอกให้ขมิ้นรู้?
ในทันทีทันควัน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว โดยระบุว่า
“...ผมดูคลิปบุกจับ “พุทธะอิสระ” ตอนนี้ฉายาหาย เป็นแค่ ขช. (ขังชาย) สุวิทย์ ทองประเสริฐ อดีตเจ้าอาวาส วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ผู้ต้องหาคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา มีประวัติเป็นแกนนำตั้งม็อบ ปิดถนน ล้อมศูนย์ราชการ ถือ ว. สั่งการ มวลชนขนาบซ้ายขวา ตอนนั้นใครไปแตะกรวยกั้นถนนที่แจ้งวัฒนะเป็นถูกกระทืบ ความยิ่งใหญ่ยังไม่จางหาย เพราะเดินสายท้าทายไปทั่ว เชียร์สุดลิ่มทิ่มประตูนายกฯ ประยุทธ์
นายกนก รัตน์วงศ์สกุล ตั้งคำถามเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของกองปราบฯในการบุกจับพระสุวิทย์ เลยขอโอกาสตอบตรงๆ แทน ดังนี้
1.ทำไมถึง 2 มาตรฐาน? ตำรวจที่ไปจับ พระพรหมสิทธิ (วัดสระเกศ) พระพรหมเมธี (วัดสัมพันธวงศ์) พระพรหมดิลก (วัดสามพระยา) ไม่เหมือนกับชุดที่ไปจับพุทธะอิสระ (วัดอ้อน้อย)?
โถ…ถามไปได้ พระอีกสามรูปเขาเคยไปนำม็อบ ถือ ว. มีลูกน้องพกปืนเอวตุง รุมกระทืบตำรวจสันติบาลจนปางตาย ปล้นทรัพย์ ปิดล้อมถนน สร้างความวุ่นวาย และแอบอ้างสร้างพระ หรือเปล่า?
2.ทำไมภาพจู่โจมดุดัน ใช้รูปแบบกระโชกโฮกฮากหยาบถ่อยกับหลวงปู่?
ดูสันดานพุทธะอิสระสมัย กปปส. เรืองอำนาจ ยังหยาบถ่อย เถื่อน สถุล เสียกว่า ตำรวจตะโกนให้หมอบไม่เห็นว่าจะหยาบคายตรงไหน หรือจะต้องให้กระซิบที่ข้างหูว่า “หมอบลงสิจ๊ะ”?
3.ดูจากคลิปไม่มีลูกศิษย์หลวงปู่ขัดขวางแม้แต่คนเดียว ทำไมต้องกระเหี้ยนกระหือรืออยากปะทะ?
ขั้นตอนก็เป็นปกติของการจู่โจมตามหมายจับ ขืนชักช้าเดี๋ยวลูกศิษย์ขนมวลชน หรือการ์ดมาเต็มวัด ตำรวจจะกลายเป็นฝ่ายถูกกระทืบเสียแทน เหมือนสองตำรวจสันติบาลที่เคยโดน ใครจะกล้ารับประกัน?
4.คดีอั้งยี่ ซ่องโจร ทำร้ายตำรวจสันติบาล ผ่านมา 4 ปี ทำไมเพิ่งขอศาลออกหมายจับเอาปี’61?
ก็นั่นน่ะสิครับ จริงๆ ควรโดนไปเสียตั้งนานแล้ว แต่เรื่องไปค้างอยู่ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ไม่มีใครเขากล้าแตะ เพราะรัศมีบารมียังดีอยู่ เชียร์ลุงตู่เสียขนาดนั้น แต่หลังๆแต้มบุญสะสมไว้คงเหลือน้อย กองปราบฯจึงจัดเต็มให้ น่าจะชม ดันไปด่า ตั้งข้อสงสัย
5.เคาะประตูไม่เปิด รอไม่ถึง 3 นาที ก็เอาค้อนทุบ?
นี่ยังดีนะครับที่เคาะประตู จับผู้ต้องหาตามหมายจับยังอุตส่าห์ให้เกียรติเคาะ ถ้าไปจับคนร้าย มือปืน จะเคาะหรือเปล่า? อาจโดนยิงสวนมาใครจะรู้? ไม่งั้นจะให้จุดธูปเทียนเอาดอกไม้ถวายเสียก่อนหรือยังไง?
6.คอมมานโดฝึกให้ตะโกนหรือ? ทำไมต้องแย่งกันตะโกนให้หมอบ?
อย่าดัดจริตไปเลย เป็นคอมมานโดไม่ตะโกนสิแปลก แต่ไอ้ที่แปลกกว่าคือพระขึ้นเวที จับไมค์ กระทืบคน นี่สิครับเรื่องแปลกแท้เกินพระ
7.คลิปนี้ถ่ายไว้โดยตำรวจ อีก 3 วัดมีถ่ายไว้ไหม?
ถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานมันแปลกอะไร? ทีตำรวจเขาโดนกระทืบแล้วถ่ายคลิปมาโชว์ ลูกเมียเขาจะรู้สึกอย่างไร เห็นใจครอบครัวเขาไหม? เคยไปถามเขาบ้างหรือเปล่า?
8.กองปราบฯต้องการให้ภาพดูแกรนด์อลังการ ทำไมต้องจับพุทธะอิสระ พร้อมพระคดีเงินทอนวัด?
ตำรวจเช็คบิลพร้อมกันแล้วมันมีปัญหาตรงไหน? ดีเสียอีก จะได้มีข่าวให้นักข่าวอย่างนายกนกได้อ่าน ไม่อย่างนั้นบางวันมันไม่มีข่าวเอาเสียเลย ถึงขนาดต้องเอาข่าวจับงูเหลือม จิ้งจก 2 หัว หรือหมากัดกันมาเป็นข่าว
9.ปฏิบัติการนี้ลับสุดยอด แต่ทำไมเจ้าคุณธงชัย (วัดสระเกศ) ไปโผล่สิงคโปร์?
โถ… คุณก็สงสัยไปเสียทุกเรื่อง ใครรู้มันก็ต้องหนีไปตั้งหลัก ลูกศิษย์ลูกหาเป็นตำรวจก็มี ทีพระสุวิทย์ยังเช็คหมายจับแทบทุกวัน เพราะคดียาวเป็นหางว่าว รู้ตัวก่อนก็เผ่นก่อน นี่ดีนะ พระสุวิทย์ไม่รู้ตัว เช็คหมายจับไม่ทัน โดนตลบมุ้งจับแต่เช้า จีวรยังไม่ทันนุ่ง ตอนนี้ต้องทำเป็นนิ่งในคุก เดี๋ยวรอดูอาทิตย์สองอาทิตย์อาการออก ไข้คุกถามหา ออกเยี่ยมไม่เว้นแต่ละวัน แล้วให้ทนายย่องไปขอประกันตัว
สงสัยเสียเยอะแยะ ไม่เห็นสงสัยเลยว่า ทำไมนายสุวิทย์บวชแล้วทำตัวไม่เหมือนพระ?
อย่าไปโทษตำรวจกองปราบฯเลย ป่านนี้นายสุวิทย์ได้ไปสงบจิตสงบใจทำวัตรในคุกเสียบ้าง
อ้อ ผมลืมบอกไป อดีตพระที่ไปติดคุก เรือนจำจะให้เป็นผู้นำสวด ตอนพระสุวิทย์อยู่ข้างนอกคงไม่ได้สวด กิจของสงฆ์อาจลืมเลือน มัวแต่ไปปั่นหัวญาติโยมเรื่องการเมือง เลยลืมบทสวดไปแล้วก็ได้
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่น่าจะลืม ขอฝากไว้จากอดีตคนคุกเด็กวัดอย่างผม “กรรมใดใครก่อไว้ ก็ต้องรับไป”
...
ดูๆ แล้ว มีทั้งความพอดีและเกินพอดี มีทั้งความรักและความชัง มีทั้งความเป็นพวกและความเป็นอื่น อยู่ใน 2 คนนี้ นี่ยังไม่รวม “ความล้น” ที่มีอีกมากมายในโซเชียลมีเดีย เช่น ท่านเคยช่วยชาติไว้ ทำไมทำกับท่านอย่างนี้, เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล ฯลฯ
เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เยสํ เหตุํ ตถาคโต อาห เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณติ ฯ
“ธรรมทั้งหลายเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมทั้งหลายเหล่านั้น พระมหาสมณะเจ้า ทรงสั่งสอนอย่างนี้”
คิดด้วยพระคาถาเย ธัมมา จะพบว่า
1) ทุกผลมีเหตุนำมา การจับกุมดำเนินคดี ทั้งพระพุทธะอิสระและพระรูปอื่นๆ เพราะมี “คดี” นำมาใช่หรือไม่ การเข้าจับกุมก็ผ่านการขอ “อำนาจศาล” มิใช่กระทำโดยอำนาจเจ้าหน้าที่ การสึกก็เช่นกัน เป็นผลจากการที่ศาลไม่ให้ประกันตัวมิใช่เจ้าหน้าที่ ส่วนจะกระทำอย่างพอเหมาะพอดี เร็ว-ช้า กระซิบบางรูป ไม่กระซิบบางรูป ว่าจะบุกวัดหรือไม่นั้น เป็น “ข้อเท็จจริง” ที่ต้องไต่สวนทวนความ ไม่อาจหาคำตอบจากการ “คิดไปเอง” แต่ตั้งเป็นข้อสังเกตได้ แล้วมันก็จะเกิดกระบวนการคิดที่ “พอดีๆ” และมีครบทั้งสติ-ปัญญา รวมทั้งเขาจะเรียกว่าค้อนหรือแฮมเมอร์ก็เรื่องของเขา ตามกระบวนการที่เขาฝึกกันมาและใช้งาน ไม่เกี่ยวกับว่าดัดจริตหรือไม่ดัดจริต ทุกสาขาอาชีพ มีศัพท์เทคนิคของตัวเองทั้งนั้น
2) “ความดี” กับ “คดีความ” หาเป็นเรื่องเดียวกันไม่ ดีก็ส่วนดี คดีก็ส่วนคดี ตอนศาลสั่งจำคุกนายทักษิณ ชินวัตร พวกหนึ่งก็สาแก่ใจ พวกหนึ่งก็ร่ำร้องฟูมฟาย ว่าเขาทำความดี มีประโยชน์แก่ประชาชนประเทศชาติมากมาย ตอนกองกำลังปิดล้อมวัดพระธรรมกาย ลูกศิษย์ลูกหาก็คร่ำครวญว่าทำกับพระอาจารย์เหมือนโจรป่าห้าร้อย ทั้งๆ ที่ท่านสร้างประโยชน์มากมายแก่พระศาสนา (ไอ้ที่โกง ที่โน้มทรัพย์ ที่ยักยอกฟอกเงิน หาพูดไม่) อีกพวกหนึ่งก็บอกว่าบุกเลย จับเลย ลากคอมันออกมา! กลับมาสู่ความพอดีกันเถิด แล้วจะพบว่า คนเหล่านี้มิได้ถูกตั้งข้อหาเพราะ “ทำความดี” แต่เพราะเขาล้วนมีพฤติการณ์เข้าข่าย “ทำผิดกฎหมาย” ใช่หรือไม่ ผิดแล้วจึงมีกระบวนการตามมาเพื่อจะตรวจสอบ-ตัดสิน จึงมีกระบวนการให้ได้ต่อสู้ รัก ชอบ เคารพ นับถือ จงสนับสนุนกระบวนการต่อสู้ ไม่พิรี้พิไรครวญ เจริญสติ นำปัญญามาดับปัญหานั้นเสีย สู้ด้วยปัญญาให้ถึงพร้อม
3) อย่าคิดจากความเป็นพวกและความเป็นอื่น เพราะรักหรือชัง ล้วนบดบัง “สัจธรรม” ความเป็นจริงให้เลือนพร่าได้ มองไม่ชัด มองผิดไป หรือถึงกับมองไม่เห็น ด้วยใจที่รักและชังนั้น
4) กรณีการบุกจับกุมพระพุทธะอิสระนั้น มีประเด็นเดียวที่ต้องตอบคือ การนำภาพมาเผยแพร่ เป็นการ “ละเมิดสิทธิ” ผู้ต้องหาหรือไม่ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเสียว่า
ใครถ่าย ใครนำมาเผยแพร่ และควรมีความผิดสถานใด
ที่เหลือเอาเวลามานั่งดูว่า ข้อกล่าวหามีอะไรบ้าง เกิดจากพฤติกรรมหรือพฤติการณ์ใด จะร่วมกันเป็นพยาน เป็นโยมอุปถัมภ์ค่าใช้จ่าย จะช่วยกันแก้ต่าง-แก้ไขอย่างไร จะต่อสู้ จะรับสารภาพ จะประกันตัวหรือไม่ประกันตัว ก็ทำเสีย
ไม่ใช่มานั่งคร่ำครวญถึงความดี หรือวัดสามพระยาที่เขียนกลอนเหน็บแนมผิดท่าทีแห่งพระสงฆ์
ส่วนที่ยังหายหัวไป ต้องติดตามจับกุมและอธิบายให้ได้ ว่า “การข่าว” ก่อนหน้านี้ ผิดพลาดหรือเอื้อประโยชน์กัน!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี