แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
nn ความสงบหนักแน่นเป็นเครื่องผ่อนปรนระงับความรุนแรง ความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจในกันและกันได้ทุกกรณี โดยเฉพาะความสงบหนักแน่นในจิตใจนั้นทำให้เกิดความยั้งคิดพิจารณาตามเหตุตามผล จึงช่วยให้สามารถขบคิดวินิจฉัยเรื่องราว ปัญหาและการกระทำได้ถูกต้องพอเหมาะพอดีมีประสิทธิผล... (พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยมหิดล ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร วันที่ 2 กรกฎาคม 2535)...
nn วิวาทะการเมืองเรื่องราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในบ้านเรามีราคาแพง ส่งผลกระเทือนต่อเสถียรภาพของรัฐบาลทุกชุดเสมอมา และไม่เว้นแม้กระทั่งรัฐบาลคสช. ที่มีกองทัพหนุนหลังอย่างเข้มแข็งก็ตาม...
nn หลังจากรัฐบาลคสช. เจอกระแสโจมตีจากชาวสังคมออนไลน์ทั้งที่รู้ไม่จริงและดูเสมือนว่าจะจริง โดยถูกรุมกระหน่ำว่าประเทศไทยขายนำ้มันเชื้อเพลิงและก๊าซหุงต้มแพงกว่าประเทศนั้นประเทศนี้ แต่แทนที่รัฐบาลจะชี้แจงเหตุผลที่แท้จริงของการกำหนดราคาขายน้ำมันและก๊าซให้สาธารณชนรับทราบ ก็กลับกลายเป็นว่าสุดท้ายแล้วรัฐบาลกลับประกาศตรึงราคาน้ำมันและก๊าซ โดยอ้างว่าเพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน...
nn ยิ่งวิญญูชนได้ฟังคำแก้ตัวในเรื่องราคาน้ำมันแพงกับการตรึงราคาน้ำมันจากปากของโฆษกรัฐบาล ผู้มีนาม
ว่าสรรเสริญ แก้วกำเนิด ที่อ้างอิงคำของนายกรัฐมนตรีที่บอกว่า “รัฐบาลไม่ได้บริหารงานโดยยึดหลักเศรษฐศาสตร์ หรือกลไกการตลาดเพียงอย่างเดียว แต่คำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนด้วย เมื่อประชาชนได้รับความเดือดร้อนหรือประสบปัญหา ก็จำเป็นต้องเข้าไปแก้ไขโดยเร่งด่วน”...
nn ขอให้ผู้อ่านที่มีวิจารณญาณทบทวนคำพูดของนายกรัฐมนตรีในข้างต้นอีกครั้ง แล้วถามตัวเองด้วยว่าการชี้แจงครั้งนี้มี
เหตุผลเพียงพอหรือไม่...
nn โปรดอย่าลืมว่าปัญหาราคาน้ำมันและก๊าซเป็นเรื่องที่ต้องทำตามกลไกการตลาดโลกและกลไกระบบเศรษฐกิจโลก เพราะประเทศไทยไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก ดังนั้นจึงไม่ควรใช้เรื่องอารมณ์และความรู้สึกของใครมาเป็นเครื่องมือกำหนดนโยบายในการกำหนดราคาขาย เมื่อของมีราคาแพง ก็ต้องขายแพงไปตามต้นทุน อย่าบิดเบือนกลไกการตลาด เพราะยิ่งบิดเบือนต่อไป คนไทยก็จะสับสนแล้วไม่ประหยัดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง ขอย้ำว่าอย่าบิดเบือนกลไกการตลาดในเรื่องราคาพลังงานเชื้อเพลิงอีกต่อไปเลย เพราะจะทำให้ประชาชนสับสนในข้อเท็จจริง...
nn และที่สำคัญคือรัฐบาลต้องรู้ไว้ด้วยว่าการให้ข้อมูลที่ชัดเจน เป็นจริง โปร่งใสในเรื่องพลังงานต่อประชาชน จะทำให้ประชาชนรู้เองว่าต้องประหยัดหรือต้องฟุ่มเฟือย...
nn มีผู้ฝากถามรัฐบาลด้วยว่าเงินกองทุนราคาน้ำมันนั้น ล่าสุดมีเหลืออยู่เท่าไร แต่ละเดือนที่ผ่านมาเก็บได้เท่าไร และใช้ไปเดือนละเท่าไร...
nn ส่วนเรื่องที่รัฐบาลขอให้ผู้ค้าตรึงราคาขายสินค้า เช่น ค่ารถโดยสาร ค่าอาหาร ค่าสินค้าอุปโภคและบริโภค ประเด็นนี้
ชาวบ้านเขาฝากบอกว่าไม่เห็นจะมีใครตรึงราคาเลย โดยเฉพาะราคาอาหารได้เพิ่มขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว แม้จะไม่ขึ้นราคาตรงๆ แต่ก็ลดปริมาณอย่างเห็นได้ชัด ไม่ทราบว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหานี้ให้ชาวบ้านอย่างไร...
nn แต่ชาวบ้านเขามีวิธีแก้ปัญหาให้ตัวเองคือ หากเห็นว่าร้านไหนขายของแพง เขาก็เลิกซื้อ แต่ขอเพียงอย่างเดียวคืออย่าปล่อยให้ราคาค่ารถโดยสารขึ้นอีกเลย เพราะเขาเดินไปทำงานไม่ไหวจริงๆ ยกตัวอย่าง บ้านอยู่ปทุมธานี แต่ต้องเข้าไปทำงานที่ปทุมวัน แบบนี้เดินไปไม่ไหวแน่ ส่วนราคาอาหารแพงยังพอแก้ได้ด้วยการทำอาหารจากบ้านไปกินเอง...
nn พูดตรงๆ แบบนี้แล้ว หวังว่ารัฐบาลคงจะเห็นปัญหา และแก้ปัญหาได้ตรงประเด็นมากขึ้น...
nn ชื่อของ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ กลายมาเป็นข่าวการเมืองอีกครั้ง หลังจากเขาโพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวเรื่องการก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ ที่หลายคนวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานาตามแต่จะจินตนาการ แต่หากจะสกัดถ้อยคำจากเฟซบุ๊คของเอนกก็พอจะเห็นภาพบางภาพปรากฏคือ ภาพของพรรครวมพลังประชาชาติไทย แต่พรรคนี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ก็คงต้องตามดูกันต่อไป และต้องดูด้วยว่าใครจะเป็นนายทุนใหญ่ของพรรคนี้...
nn หลายคนโดยเฉพาะคนที่ไม่ปลื้มเอนกวิพากษ์ว่าเอนกปล่อยข่าวนี้ออกมาเอง เพื่อหวังจะเพิ่มพื้นที่ข่าว และเพิ่มราคาต่อรองทางการเมืองให้ตัวเอง หลายคนจำได้ดีว่าเอนกเคยอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์มาก่อน แล้วก็แยกตัวไปเป็นหัวหน้าพรรคมหาชน ของสนั่น ขจรประศาสน์ แต่ทว่าฝันสลายกลายเป็นลม จากนั้นจึงไปจับมือกับ ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ตั้งพรรค
การเมืองชื่อรวมใจไทยชาติพัฒนา โดยให้ เชษฐา ฐานะจาโร กินตำแหน่งหัวหน้าพรรค ส่วนเอนกเป็นรองหัวหน้าพรรค แล้วมีเลขาธิการพรรคชื่อประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์...
nn เหตุที่ยกเอาความเก่าของเอนกมาเล่าให้ฟังก็เพราะต้องการจะเตือนสติคนที่อาจจะหลงลืมเรื่องราวบางอย่างของเอนกไป แล้วจะได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเอนกมีความคิดทางการเมืองที่ดูน่าสนใจ แต่อย่างไรเสียเอนกก็คือเหล้าเก่าที่มีขวดใหม่บรรจุอยู่เสมอๆ...
nn รอดูให้ดีก็แล้วกันว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทยจะมีใครร่วมอยู่บ้าง แล้วเมื่อวันประกาศเปิดตัวพรรคนี้ สาธารณชนก็จะได้ประจักษ์แจ้งว่าใครคือนายทุนตัวจริงของพรรค และมีทหารสายคสช. กี่มากน้อยเข้าไปมีส่วนรวมภายในพรรค แล้วก็จะได้รู้กันเสียทีว่าพรรคนี้จะเชียร์ทหารหรือไม่ โปรดอดใจรออีกสักอึดใจหนึ่ง หากทุกอย่างลงตัว พรรคนี้คงประกาศตัวต่อสาธารณชน แต่หากไม่ลงตัวพรรคนี้ก็จะฝ่อแล้วละลายหายไป...
nn ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป คนไทยและทุกคนที่อยู่ในเมืองไทยต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)อัตราร้อยละ 9 หากจะถามว่าการเพิ่ม VAT ดีหรือไม่ ก็ต้องถามกลับว่าถามจากมุมของใคร หากจากมุมของรัฐบาล ก็ต้องตอบว่าดี แต่ถ้าจากมุมของประชาชน โดยเฉพาะคนจนที่มีอยู่เป็นจำนวนมากมายมหาศาลในประเทศนี้ ก็ต้องตอบว่าไม่ดี และแน่นอนว่าคนรวยก็ต้องตอบเช่นกันว่าไม่ดี เพราะเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย ราคาข้าวของแพงขึ้น แต่ถ้าจะถามว่าทำไมต้องขึ้น VAT เป็น 9 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องตอบว่าเพราะรัฐบาลต้องการรายได้เข้าคลังเพิ่มขึ้น หากจะถามต่อว่าแล้วรัฐบาลจะนำเงินที่ได้เพิ่มขึ้นไปทำอะไร ก็ตอบได้ว่าเอาไปใช้บริหารประเทศเพื่อให้เจริญขึ้น
ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น (อันนี้ตอบแบบนักการเมืองเป๊ะเลย)...
nn โปรดอย่าลืมข้อเท็จจริงที่ว่า เมื่อรัฐบาลมีรายจ่ายมากมายมหาศาล รัฐบาลก็ต้องหาเงินเข้าคลังเพื่อนำไปใช้จ่ายต่อไป ไม่เคยมีรัฐบาลไหนควักเงินตัวเองเพื่อบริหารประเทศหรอก โปรดจำไว้ และโปรดรู้ไว้ด้วยว่ายิ่งรัฐบาลใดก็ตามหว่านเงินเยอะ แต่ไม่มีปัญญาหาเงิน ทางออกที่ง่ายที่สุดของรัฐบาลไร้ความสามารถก็ขึ้นรีดภาษีจากประชาชน...nn
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี